เปิดประสบการณ์การวิ่งเทรล31K ขึ้นดอยอินทนนท์ ที่ความชัน 1700++ กับช่วงวันนั้นของเดือน

ใช่แล้วววว เราคือนักวิ่งกลับกลอกคนนั้นที่เคยลั่นไว้ว่าจะเลิกวิ่ง ปาทิ้งทุกอุปกรณ์ แขวนรองเท้า เลิกๆๆ

วิ่งคราวนี้เป็นการวิ่งแบบสตรีมีเมนส์ ทั้งที่ตอนแรกก็อยากจะวิ่งแบบพี่ตูน กุจะวิ่งๆๆๆแบบพี่ตูน🎶 เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง

เริ่มจากมือลั่นสมัครงานนี้เพราะเห็นแก่ค่าสมัครที่มันราคาดูเป็นมิตรกับกระเป๋า ระยะ31k ในราคา1,400บาท วิ่งขึ้นดอยอินทนนท์ โอโห้เท่ไม่เบา เอาเลยๆ ป้ายยาเพื่อน สมัครกันแบบใจง่ายตามประสาพวกเสพติดความทรมาน วันวิ่งก็เล็งแล้วว่าไม่ตรงกับช่วงวันนั้นของเดือน ซึ่งมันควรจะมาและหมดก่อนวันแข่ง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่ยอมมา (คาดว่าจะกังวลหรือตื่นเต้นจนมันเลื่อน) ผีซ้ำกรรมซัดดั้นมาตอนเย็นก่อนวันแข่ง
คือถ้าวิ่งถนนมันมีห้องน้ำ มันมีจุดให้แวะได้ไง เราก็ไม่ต้องกังวล แต่นี่วิ่งขึ้นเขาเข้าป่าไม่ได้ผ่านหมู่บ้าน งานก็อินดี้ คนวิ่งทุกระยะรวมกันมี 170คน (54k, 31k, 15k) ระยะที่เราลงมีคนน้อยสุดประมาณ40คนถ้วน เห็นจำนวนคนแล้วรู้สึกอ้างว้างมากพูดเลย

ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ท ในพันทิป ถามอากู๋เผื่อจะมีใครแชร์ประสบการณ์วิ่งเทรลในช่วงวันนั้นของเดือนบ้าง ก็ไม่มีเลยจ้า หรืออาจจะมีแต่ผีบังตา คืนก่อนวิ่งก็พูดเลยว่าถอดใจ แต่ก็เอาวะ...ลองดู ไม่ไหวก็เท ให้เป็นเรื่องของอนาคต ชะตาให้ฟ้าลิขิตเว้ย #กอดโซฟีไว้อุ่นใจสุด

หลังจากที่จินตนาการและแอบถามคนที่เคยวิ่งสนามนี้ดูแล้วว่ามีแต่ป่า ห้องน้ำไม่มีแน่ๆ เราก็ต้องพกแบบสอด เพราะถ้าแบบแผ่นนี่คงจะบาดขา เพราะปกติก็อ้วนวิ่งขาเบียดอยู่แล้ว ใส่แบบมีปีกวิ่งอีกคงจะปีกขาดกระจุยแน่ๆ

ต้องบอกก่อนว่าเคยใส่แบบสอดตอนไปเที่ยวทะเลแล้วลงเล่นน้ำ ซึ่งแป๊บเดียวไง ไม่เกินชั่วโมง ก็ขึ้นมาเปลี่ยน แต่นี่เรากำลังจะเป็นหมูน้อยเป้าแดงในป่าใหญ่ ไม่อยากจะคิดภาพ เอาเป็นว่าคืนนั้นนอนไม่หลับ ถอนหายใจพลิกไปพลิกมาจนหลับไปได้ประมาณ3ชม.ถ้วน ตื่นมาเตรียมตัวตอนตี1 ลองใส่โซฟีแบบกระสวยแล้วก็วิ่งจ๊อกๆจากที่พักแถวนิมมานไปจุดขึ้นรถ ระยะทางประมาณ1.3กิโล ความร้สึกตอนนั้นก็ เออ ไม่เลวร้ายวุ้ย น่าจะวิ่งจนแหล่ะน่า

นั่งรถไปถึงอุทยานแห่งชาติฯประมาณเกือบๆตี4 ไปนั่งดูเค้าปล่อยตัวนักวิ่งระยะ54k ตอนตีห้ากว่าๆ ส่วนเราก็รอเวลา 6.45น. หนาวก็หนาว นั่งลุ้นไป คนเป็นเมนส์นี่มันจะมีอาการแทรงแซงหลายอย่าง เช่น เหมือนจะปวดหนักอยากถ่ายทุกข์ ปวดหน่วงๆร้าวๆที่หน้าขาและตรงนั้น เรียกว่ามรสุมรุมเร้าอ่ะ แต่ตูมาแล้วยังไงก็ต้องไปต่อให้สุดตามสันดานอ่ะค่ะ

มาดูชาวระยะ54k ปล่อยตัวกันค่ะ จุ๊บจิ๊บๆ


อ่ะๆ พอ6โมงปุ๊บ ไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนโซฟีกระสวยแท่งที่2 (คือไอ้กระสวยเนี่ยมันต้องเปลี่ยนทุก4ชม. ห้ามใส่เกิน 6ชม.) นั่งคำนวนระยะทาง มันต้องมีเกิน31k แน่ๆ แล้วต้องเปลี่ยนทุก4ชม. ถ้าจะเปลี่ยนครั้งเดียวระหว่างวิ่งก็ห้ามอ่อนแอ ต้องวิ่งแบบวัลลี วิ่งให้จบภายใน8ชม. ถ้าเป็นช่วงปกติก็จบแน่ๆสบายๆ วิ่งๆเดินๆยังไงก็ทัน แต่นี่มรสุมรุมเร้าร้าวไปทั้งขา หวั่นใจเหลือเกินว่าในวันมามากผลประกอบการจะตก

อย่ามัวเสียเวลานอยส์ค่ะ ได้เวลาปล่อยตัวระยะ 31k,15k ออกไปแตะขอบฟ้าพร้อมๆกันเลยค่ะ พอปล่อยตัวปุ๊บก็วิ่งไต่ความชันขึ้นไปเลย5กิโล วิ่งมั่งเดินมั่ง ชันเหลือเกิน แต่วิวก็สวยมาก แสงแรกของวันมักทำให้เราหลงไหล

วิ่งไปเรื่อยๆผ่าน cp1 ไปcp2 ท้องก็ปวด ขาก็ร้าว เพื่อนที่มาด้วยกันก็พลัดพราก คือวิ่งตามมันไม่ไหว เลยทิ้งมันไว้ข้างหน้า 5555 ดูเวลาตลอดเพราะต้องหาที่เปลี่ยนกระสวยสูบเลือดก่อน 11โมง วิ่งไปก็ปวดอึไป นี่มันวันอะไรมรสุมชีวิตเหลือเกิน วิ่งๆไปเริ่มเข้าป่าลึกต้นไม้เป็นแบบต้นใหญ่ใบหนา พี่ก็เลี้ยวเลยค่ะ ดูเวลาแล้วเพิ่งจะ10โมง แต่ไม่ไหวละอยากจะไปเด็ดดอกไม้ แต่เด็ดแล้วก็ต้องเปลี่ยนกระสวยสูบเลือดไปเลยทีเดียว คิดในใจว่า เอาว่ะ!ไม่ได้มาทุกวัน แค่ตูหลับตาก็ไม่เห็นใครละ

บรรทัดนี้ไม่ได้จะทะลึ่งนะคะ แต่...เรื่องมันจำเป็นจริงๆ ก่อนทำธุรกรรม (มันเป็นธุระ+กรรม ของจริง) เราต้องทำความสะอาดมือก่อน ผ้าเปียกมีประโยชน์มาก เช็ดมือให้สะอาดที่สุด เช็ดน้องด้วยนะ 5555 นี่พูดเลยว่าใช้เวลาเช็ดมือนานกว่าตอนเปลี่ยน กลัวคนวิ่งตามมาเจอภาพอุจาด เสร็จภาระกิจเราก็เก็บซากอารยธรรมของเราทั้งหมด รวมถึงผ้าเปียกใส่ซองพลาสติกที่เอามาจากห้องน้ำในเกรสเฮ้าส์ พกมันไปทิ้งที่จุด cp ที่มีถังขยะ

ชีวิตดีขึ้นมาทันทีหลังจากเปลี่ยนกระสวยฯ ในส่วนของการวิ่งก็ขึ้นไปเช็คอินที่แหลมหัวสิงห์ วิวสวยมากจนลืมปวดท้องเลยค่ะ
ปล.เราไม่ได้อ้วน เราแค่บวมขนม 555

จากแหลมหัวสิงห์ ก็วิ่งต่อไปขึ้นผาหินตั้ง นี่ก็สวยมาก สันเขานี่สวยอย่างกับทุ่งลาเวนเดอร์เลย แต่เปลี่ยนจากลาเวนเดอร์เป็นต้นหญ้าแห้งๆสูงๆที่มันบาดแขนขาและก็คันดีพิลึก 5555 คนอื่นเค้าคงแค่ต้นหญ้าระตามขา แต่เราเตี้ยไง ระหน้าระหัว และมันลื่นด้วย วิ่งๆไปแม่ซื้อผลักล้มกลิ้งไปหลายรอบเลย มีภาพประกอบค่ะ


พอไปถึงผาตั้งก็วิ่งอ้อมหินที่ตั้งนั่นแหล่ะค่ะ ในใจก็คิดว่า เออดีนะที่ไม่เท ไม่งั้นคงไม่ได้มาเห็นอะไรสวยๆแบบนี้ พูดได้ว่าบ้านเราสวยกว่าซาปาเยอะ

สรุปผลประกอบการของงานนี้ uphill เดินให้ยับ ไปทำเวลาตอน downhill จบแบบมีโซฟีปกป้อง ด้วยเวลา 7.42นาที เลยไม่ต้องเปลี่ยนกระสวยฯชิ้นที่2ระหว่างทางค่ะ

สรุปว่า...สตรีมีเมนส์อย่างเราๆ ไม่ต้องหวั่นไหว อย่าให้วันมามากเป็นอุปสรรค์ในการออกไปแตะขอบฟ้าค่ะ ถึงจะวิ่งกลางป่าเราก็สามารถพึ่งพากระสวยสูบเลือดได้ค่ะ อย่าเพิ่งป๊อดถอดใจ DNF ซะก่อนที่จะได้ลองทำ มันไม่เลวร้ายอย่างที่คิดจริงๆ

หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างสำหรับเหล่าสตรีมีเมนส์ในวันที่เราจำเป็นต้องออกไปกอบกู้โลกนะคะ

ตอนเข้าเส้นชัยมาคิดในใจว่ารอดตายแล้วโว้ยยย!

😚 สุขาอยู่หนใด🎶
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่