ชีวิตช่วงแรกที่มาแคนาดา ผมเริ่มต้นทำงานจาก ล้างจาน เตรียมผัก หั่นเนื้อสัตว์ วันนึงโทรไปหาเพื่อนสนิทที่เมืองไทย เขาเล่าว่ากำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการแผนก
ผมเองไม่อยากจะคุย เพราะตอนนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น”เด็กออกอาหาร” (Bus boy)
พออยู่ไปนานๆ ผมสังเกตว่าสังคมฝรั่ง ทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ภารโรง แม่บ้าน คนขับรถเมย์ รปภ เด็กเสริฟ หรือ อาชีพอื่นๆ ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่รู้สึกต่ำต้อย ด้อยค่า
คงมีแต่ป้ามารศรี เจ้าของร้านอาหารไทยในชานเมืองโตรอนโต ที่ตอนหลังแกเปลี่ยนชื่อเป็น Maggie(แม็กกี้) เพื่อความเป็นอินเตอร์มากขึ้น แต่ตัวแกก็ยังรักษาความเป็นไทยไว้เกินร้อย วันนึงลูกจ้างฝรั่งพูดจาไม่เข้าหู แกโมโหจัด แต่เถียงไม่ทัน เลยเผลอพูดไทยไปว่า “ให้รู้ซะบ้างใครเป็นบ่าว ใครเป็นไพร่” ท่าทางจะอินมากกับ บุพเพสันนิวาส
อาชีพที่ผมได้มีโอกาสคุยด้วยบ่อยๆ คืออาชีพช่าง มีหลายอย่างที่แตกต่างระหว่างช่างไทย และช่างฝรั่ง ในที่นี้หมายถึง ช่างยนต์ ช่างประปา ช่างไฟฟ้า ช่างแก๊ส ส่วน ”ช่างแอร์ในตำนาน” ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ.....

1.เริ่มทำอาชีพ ของฝรั่งคือรับคนจบ ม.6 (Grade 12) ต้องเรียนทฤษฏี 1-1.5 ปี หลังจากนั้นต้องไปฝึกกับช่างใหญ่ โดยต้องเป็นลูกมือ (Apprentice) อีก 4 ปี แล้วถึงมาสอบ ข้อเขียน เพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพ (License)
ช่างไทยเรา-ได้หมดถ้าสดชื่น
2.ค่าแรง แน่นอนค่าเงินของฝรั่งแพงกว่า การจ่ายค่าแรงก็คิดเป็นชั่วโมง แถมอัตราค่าแรงเริ่มต้นที่จ่าย ก็สูงกว่างานออฟฟิส การจ้างฝรั่งถือว่าแพง หลายคนรวมทั้งผม ต้อง “ช่วยตัวเอง” หรือ “DIY” นั้นเอง
ช่างไทย-ค่าดองแพง ค่าแรงต่ำ
3.ความปลอดภัย ฝรั่งให้ความสำคัญมาก ถ้าเกิดอันตรายระหว่างทำงาน หรือหลังจบงาน เช่นไฟช๊อต ไฟรั่ว หรือแก๊สรั่ว คนทำมีสิทธิ์โดนยึดใบอนุญาติ โดนปรับ หรือติดคุก
ช่างไทย-เซฟตี้เสี่ยงตาย (เวอร์ชั่นใหม่ BNK )

4.การรับประกัน ของฝรั่ง หลังจบงานจะมีใบรับรอง(Certificate) หรือเป็นสติ๊กเกอร์ที่มีชื่อ เบอร์โทร เลขที่ใบอนุญาติ โดยจะติดกับกล่องไฟ ท่อแก๊ส ซึ่งแล้วแต่งาน ถ้ามีปัญหาภายใน 30-90 วัน ก็จะมาแก้ไขให้โดยไม่คิดเงิน
ช่างไทย-ผมว่าครีเอทกว่า ในเรื่องทำสติ๊กเกอร์ ลายแอร์บรัชแปะข้างรถกระบะซิ่ง “ช่างเด่นวัดดอน”
“ช่างอู๊ด อเวจี” เจ๋งกว่าเยอะ
5.การพัฒนาและยกระดับ ช่างฝรั่ง ต้องไปอบรมเพิ่มทุก 2-3 ปี เป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ วัสดุใหม่ และข้อกฎหมายใหม่ นั้นหมายถึงต้องเสียเงินเพิ่ม สุดท้ายค่าใช้จ่ายก็ผลักมาที่ผู้บริโภค
ช่างไทย-ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย(ยุ่ง...ร้องคาราโอเกะอยู่)
6.เครื่องมือเครื่องทุ่นแรง เนื่องจากค่าแรงสูง ช่างฝรั่งส่วนใหญ่จะทำงานคนเดียว หรือมีลูกน้องแค่คนหรือสองคน อุปกรณ์ทุ่นแรงจึงเป็นสิ่งจำเป็น บางอย่างจะซื้อก็แพงมาก เลยอาศัยเช่าเอา
ช่างไทย-ถ้ามีร้านให้เช่าเครื่องมือและทุกคนใช้ของอย่างรักษาเหมือนสมบัติตัวเอง (คุณว่าทำได้ไหม)
7.การบังคับใช้กฎหมายและจรรยาบรรณ ของฝรั่งมี องค์กร ที่ดูแล และตรวจสอบในแต่ละสาขาอาชีพ บางงานถ้าสเกลใหญ่หน่อย ก็จะมี “ผู้ตรวจงาน”(Inspector)มาดูแลและตรวจสอบหน้างานด้วย การจะเปิดกิจการเช่นอู่ซ่อมรถ ก็ต้องเปิดตามโซน เขตที่อนุญาต ต้องจัดการเรื่องทิ้งสารเคมี หรือน้ำมันเครื่องเก่า ตามข้อกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ของไทย-เจอ”ช่างชุ่ย”มาเปิดอู่ใกล้ๆ ไม่นานจะมีรถจอดเต็มหมู่บ้าน
8.ความตรากตรำของร่างกาย ฝรั่งใช้ร่างกายค่อนข้างหนัก ส่วนหนึ่งคือไม่ค่อยจ้างลูกน้อง และต้องทำงานในภาวะอากาศที่หนาวจัด หรือร้อนจัด
ช่างไทย-เหนื่อยก็พัก ไม่รักก็พอ

ด้วยฝีมือ ทักษะ และความสามารถ ของช่างไทย ผมเชื่อว่าเราสู้ฝรั่งได้แน่นอน เพียงแต่การยกระดับมาตรฐาน การเพิ่มกฎหมายบังคับใช้ และการตรวจสอบ จากองค์กรอิสระ มันจะมีต้นทุนที่เพิ่มมา ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ชอบที่จะออกจาก Comfort Zone
แต่ถ้ามองระยะยาวมันคือความปลอดภัยแก่ส่วนรวม และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่ทำอาชีพนั้นๆ
ที่แคนาดาอาชีพแปลกๆอย่าง หมอตำแย และ อาชีพสัปเหร่อ ยังต้องมีใบอนุญาติประกอบวิชาชีพ
หรือบ้านเราควรทำโครงการนำร่อง เริ่มจากอาชีพ พริทตี้ และ พีอาร์ ให้มี License ก่อน ข้อบังคับใช้
เช่น -นมจริง(ห้ามใส่ดันทรง)
-เวลางานรับโทรศัพย์ได้ แต่ต้องเปิดเสียง (ส่วนใหญ่อ้างแม่โทรมา แต่จริงๆเป็นผัว)
-สีรองพื้นหน้าและคอ ให้มีความใกล้เคียงกัน
-ซื้อดริ้ง 10 ครั้งแจกวาปฟรี
....... ฯลฯ

ผมสังเกตว่าฝรั่งถ้ามีปัญหา เขาจะช่วยกันออกความคิดเห็น และช่วยกันร่างเป็นกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีก
คนไทยเราก็จะมีเหตุผล เช่น มันเป็นเรื่องของเวรกรรม ,ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ,ลูกฉันเป็นคนดี ...ฯลฯ
หรือเรายึดคติว่า “ชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทุกอย่างมีคำตอบ” สังเกตทุกครั้งที่มีไฟไหม้ ตำรวจ หรือ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง รู้คำตอบล่วงหน้าก่อนที่จะไปถึงจุดเกิดเหตุด้วยซ้ำ สาเหตุของไฟไหม้คือ..
“ไฟฟ้าลัดวงจร”
ช่างไทย VS ช่างฝรั่ง EP3 จบ
ผมเองไม่อยากจะคุย เพราะตอนนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น”เด็กออกอาหาร” (Bus boy)
พออยู่ไปนานๆ ผมสังเกตว่าสังคมฝรั่ง ทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ภารโรง แม่บ้าน คนขับรถเมย์ รปภ เด็กเสริฟ หรือ อาชีพอื่นๆ ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่รู้สึกต่ำต้อย ด้อยค่า
คงมีแต่ป้ามารศรี เจ้าของร้านอาหารไทยในชานเมืองโตรอนโต ที่ตอนหลังแกเปลี่ยนชื่อเป็น Maggie(แม็กกี้) เพื่อความเป็นอินเตอร์มากขึ้น แต่ตัวแกก็ยังรักษาความเป็นไทยไว้เกินร้อย วันนึงลูกจ้างฝรั่งพูดจาไม่เข้าหู แกโมโหจัด แต่เถียงไม่ทัน เลยเผลอพูดไทยไปว่า “ให้รู้ซะบ้างใครเป็นบ่าว ใครเป็นไพร่” ท่าทางจะอินมากกับ บุพเพสันนิวาส
อาชีพที่ผมได้มีโอกาสคุยด้วยบ่อยๆ คืออาชีพช่าง มีหลายอย่างที่แตกต่างระหว่างช่างไทย และช่างฝรั่ง ในที่นี้หมายถึง ช่างยนต์ ช่างประปา ช่างไฟฟ้า ช่างแก๊ส ส่วน ”ช่างแอร์ในตำนาน” ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ.....
1.เริ่มทำอาชีพ ของฝรั่งคือรับคนจบ ม.6 (Grade 12) ต้องเรียนทฤษฏี 1-1.5 ปี หลังจากนั้นต้องไปฝึกกับช่างใหญ่ โดยต้องเป็นลูกมือ (Apprentice) อีก 4 ปี แล้วถึงมาสอบ ข้อเขียน เพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพ (License)
ช่างไทยเรา-ได้หมดถ้าสดชื่น
2.ค่าแรง แน่นอนค่าเงินของฝรั่งแพงกว่า การจ่ายค่าแรงก็คิดเป็นชั่วโมง แถมอัตราค่าแรงเริ่มต้นที่จ่าย ก็สูงกว่างานออฟฟิส การจ้างฝรั่งถือว่าแพง หลายคนรวมทั้งผม ต้อง “ช่วยตัวเอง” หรือ “DIY” นั้นเอง
ช่างไทย-ค่าดองแพง ค่าแรงต่ำ
3.ความปลอดภัย ฝรั่งให้ความสำคัญมาก ถ้าเกิดอันตรายระหว่างทำงาน หรือหลังจบงาน เช่นไฟช๊อต ไฟรั่ว หรือแก๊สรั่ว คนทำมีสิทธิ์โดนยึดใบอนุญาติ โดนปรับ หรือติดคุก
ช่างไทย-เซฟตี้เสี่ยงตาย (เวอร์ชั่นใหม่ BNK )
4.การรับประกัน ของฝรั่ง หลังจบงานจะมีใบรับรอง(Certificate) หรือเป็นสติ๊กเกอร์ที่มีชื่อ เบอร์โทร เลขที่ใบอนุญาติ โดยจะติดกับกล่องไฟ ท่อแก๊ส ซึ่งแล้วแต่งาน ถ้ามีปัญหาภายใน 30-90 วัน ก็จะมาแก้ไขให้โดยไม่คิดเงิน
ช่างไทย-ผมว่าครีเอทกว่า ในเรื่องทำสติ๊กเกอร์ ลายแอร์บรัชแปะข้างรถกระบะซิ่ง “ช่างเด่นวัดดอน”
“ช่างอู๊ด อเวจี” เจ๋งกว่าเยอะ
5.การพัฒนาและยกระดับ ช่างฝรั่ง ต้องไปอบรมเพิ่มทุก 2-3 ปี เป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ วัสดุใหม่ และข้อกฎหมายใหม่ นั้นหมายถึงต้องเสียเงินเพิ่ม สุดท้ายค่าใช้จ่ายก็ผลักมาที่ผู้บริโภค
ช่างไทย-ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย(ยุ่ง...ร้องคาราโอเกะอยู่)
6.เครื่องมือเครื่องทุ่นแรง เนื่องจากค่าแรงสูง ช่างฝรั่งส่วนใหญ่จะทำงานคนเดียว หรือมีลูกน้องแค่คนหรือสองคน อุปกรณ์ทุ่นแรงจึงเป็นสิ่งจำเป็น บางอย่างจะซื้อก็แพงมาก เลยอาศัยเช่าเอา
ช่างไทย-ถ้ามีร้านให้เช่าเครื่องมือและทุกคนใช้ของอย่างรักษาเหมือนสมบัติตัวเอง (คุณว่าทำได้ไหม)
7.การบังคับใช้กฎหมายและจรรยาบรรณ ของฝรั่งมี องค์กร ที่ดูแล และตรวจสอบในแต่ละสาขาอาชีพ บางงานถ้าสเกลใหญ่หน่อย ก็จะมี “ผู้ตรวจงาน”(Inspector)มาดูแลและตรวจสอบหน้างานด้วย การจะเปิดกิจการเช่นอู่ซ่อมรถ ก็ต้องเปิดตามโซน เขตที่อนุญาต ต้องจัดการเรื่องทิ้งสารเคมี หรือน้ำมันเครื่องเก่า ตามข้อกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ของไทย-เจอ”ช่างชุ่ย”มาเปิดอู่ใกล้ๆ ไม่นานจะมีรถจอดเต็มหมู่บ้าน
8.ความตรากตรำของร่างกาย ฝรั่งใช้ร่างกายค่อนข้างหนัก ส่วนหนึ่งคือไม่ค่อยจ้างลูกน้อง และต้องทำงานในภาวะอากาศที่หนาวจัด หรือร้อนจัด
ช่างไทย-เหนื่อยก็พัก ไม่รักก็พอ
ด้วยฝีมือ ทักษะ และความสามารถ ของช่างไทย ผมเชื่อว่าเราสู้ฝรั่งได้แน่นอน เพียงแต่การยกระดับมาตรฐาน การเพิ่มกฎหมายบังคับใช้ และการตรวจสอบ จากองค์กรอิสระ มันจะมีต้นทุนที่เพิ่มมา ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ชอบที่จะออกจาก Comfort Zone
แต่ถ้ามองระยะยาวมันคือความปลอดภัยแก่ส่วนรวม และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่ทำอาชีพนั้นๆ
ที่แคนาดาอาชีพแปลกๆอย่าง หมอตำแย และ อาชีพสัปเหร่อ ยังต้องมีใบอนุญาติประกอบวิชาชีพ
หรือบ้านเราควรทำโครงการนำร่อง เริ่มจากอาชีพ พริทตี้ และ พีอาร์ ให้มี License ก่อน ข้อบังคับใช้
เช่น -นมจริง(ห้ามใส่ดันทรง)
-เวลางานรับโทรศัพย์ได้ แต่ต้องเปิดเสียง (ส่วนใหญ่อ้างแม่โทรมา แต่จริงๆเป็นผัว)
-สีรองพื้นหน้าและคอ ให้มีความใกล้เคียงกัน
-ซื้อดริ้ง 10 ครั้งแจกวาปฟรี
....... ฯลฯ
ผมสังเกตว่าฝรั่งถ้ามีปัญหา เขาจะช่วยกันออกความคิดเห็น และช่วยกันร่างเป็นกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีก
คนไทยเราก็จะมีเหตุผล เช่น มันเป็นเรื่องของเวรกรรม ,ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ,ลูกฉันเป็นคนดี ...ฯลฯ
หรือเรายึดคติว่า “ชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทุกอย่างมีคำตอบ” สังเกตทุกครั้งที่มีไฟไหม้ ตำรวจ หรือ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง รู้คำตอบล่วงหน้าก่อนที่จะไปถึงจุดเกิดเหตุด้วยซ้ำ สาเหตุของไฟไหม้คือ..
“ไฟฟ้าลัดวงจร”