ทำยังไงดีคะ เหมือนเพื่อนกำลังคิดสั้น

ปกติเราเข้าพันทิปมาอ่านอย่างเดียว แต่ด้วยเรื่องเพื่อนที่ทำให้เราไม่สบายใจมากๆเลยตัดสินใจสมัครเข้ามาตั้งกระทู้ ถ้าแท็กผิดห้องหรืออธิบายสับสนยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ

ต้องขอเล่าก่อนว่า จขกท. เรียนอยู่มหาลัยหนึ่งใน กทม. ค่ะ ในกลุ่มเพื่อนก็จะมีกันอยู่ 8-9 คน ไปไหนก็จะไปกันตลอด แต่ช่วงหลังๆมาเพื่อนคนนึง สมมุติว่าชื่อบีนะคะ บีจะปฏิเสธตลอดช่วงหลังๆมา พวกเราก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเทอมนี้บีมันลงเรียนเยอะ(ลงเต็มโควต้า) ก็คิดว่ามันอาจจะยุ่ง ด้วยความที่กลุ่มเราเรียนเอกเดียวกันหมดเลย เวลาเรียนส่วนใหญ่ก็จะเจอกันตลอด เพื่อนๆก็มากันครบ ยกเว้นบี มาบ้างขาดบ้างจนเริ่มรู้สึกแปลกๆ เราก็เลยหาเวลาแยกตัวออกมากับบีสองคนแล้วก็ถามไปตรงๆว่าเป็นอะไร เราสองคนค่อนข้างสนิทกันแต่ก็ไม่ถึงกับรู้ใจกันทุกเรื่อง ปล. บีไม่เคยมีแฟน ออกแนวเนิร์ดๆโลกส่วนตัวสูง เราถามไปบีก็บ่นๆมาว่าเหนื่อย ผิดหวังที่เทอมที่แล้วเกรดตก คุยกับที่บ้านไม่เข้าใจ เราก็ปลอบใจไปคิดว่าเดี๋ยวมันก็หายเครียด พอผ่านไปมันเริ่มมีอาการแปลกๆ คือปกติเราจะชวนบีไปกินข้าวเช้าด้วยกันตลอดเพราะหออยู่ใกล้กัน แต่บีไม่มา บอกว่าไม่หิว เราก็แบบเออ..ไม่น่าเป็นไรมั้ง ถ้าไม่หิวก็ไปกินตอนกลางวันก็ได้ สรุปกลางวันก็ไม่กิน บอกไม่หิวเหมือนเดิม จนเย็นเลิกเรียนเราทนเห็นมันเป็นแบบนี้ไม่ได้เลยลากไปหาอะไรกิน น้ำปั่นสักแก้ว ขนมปังสักชิ้นก็ยังดี มันก็ยอม อารมณ์แบบยอมกินให้ก็ได้.. เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ เลยพยายามชวนไปตรวจที่ รพ. เกลี้ยกล่อมอยู่นานจนบียอมเล่าให้ฟังว่ามันเครียดมาก (เรียนวิชาเอกไม่ผ่าน คือถ้าไม่ผ่านตัวแรก จะต่อตัวต่อไปไม่ได้) แล้วก็รู้สึกว่าเพื่อนในกลุ่มไม่ควรอยู่กับคนอย่างมัน คือเพื่อนในกลุ่มสอบผ่านหมดเลย เลยลงตัวต่อไปได้ แต่เกรดรวมแล้วน้อยกว่าบีด้วยซ้ำ เพราะบีได้ A วิชาพื้น/โทเสรีหมดเลย ยกเว้นวิชาเอกที่ต้องมารีเกรด จริงๆแล้วบีอยากซิ่ว เราก็พามันไปฝ่ายทะเบียน ทำทุกทางเพื่อช่วยให้มันย้ายเอกได้ แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องลาออกแล้ว Admission เข้ามาใหม่ และที่บ้านก็ไม่ยอม เลยตัดประเด็นนี้ออกไปก่อน ประเด็นต่อมาคือบีบอกว่าไปรพ.มาแล้ว ไปนัดพบจิตแพทย์แล้วก็ขอเราไม่ให้บอกเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวเพื่อนไม่ยอมรับ ปัญหาก็คือบีไปทำนัดมายังไงไม่รู้ คือได้พบจิตแพทย์จริงๆอีก 4 เดือน ซึ่งเราคิดว่ามันไม่ควรรอถึง 4 เดือน หรือปกติระบบเป็นแบบนี้อยู่แล้ว? เราก็ชวนมันไปหาหมอทั่วๆไปก่อน สรุปว่าได้ทั้งโรคกระเพราะและไมเกรน เราก็คอยดูห่างๆ วันไหนบีไม่มาเรียนก็เอาที่จดเลคเชอร์ไปให้อ่าน กลัวมันคิดมาก ล่าสุดอังคารที่ผ่านมาบีกินยาคลายเครียดเกินขนาด เหมือนจะกินไปนานแล้วก่อนที่รูมเมทจะเข้ามาเห็น พาไปรพ. บีเล่าได้ใจความประมาณว่าเครียดเฉยๆ ไม่ได้จะฆ่าตัวตาย คือใจนึงเราก็เชื่อมันนะ แต่อีกใจเราก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้หรอที่กินไปเยอะขนาดนั้นแล้วบอกไม่ได้จะคิดสั้น บี Admit ไป 1 คืน ออกมาจากรพ.มันดูปกติขึ้น ดูร่าเริงกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ เราก็ดีใจได้แปปนึง จนถึงวันศุกร์มีเรียนด้วยกัน เรานั่งข้างบี วันนั้นอาจารย์ให้เสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มแต่เน็ตโทรศัพท์เรามันค้าง เราเลยยืมบี เราเข้าไปในช่องค้นหา กำลังจะพิมพ์ พอกดไปปุ๊ปประวัติเก่าๆที่เคยค้นก่อนหน้ามันก็ขึ้น แบบ how to commit suicide บลาๆ เอาจริงๆเราไม่กล้าถามเรื่องนี้กับบี เราก็เสิร์ชแล้วคืนโทรศัพท์ทำเป็นเหมือนไม่เห็นอะไร เหมือนเคยได้ยินมาว่าคนที่ทุกข์แล้วอยู่ๆมีความสุขนี่เขาเตรียมตัววางแผนเรื่องนั้นแล้วใช่ไหมคะ ตอนนี้ในไลน์บีก็ขึ้นหน้าโปรไฟล์ว่า the fault is on my own หน้าปกในเฟสบุ๊คก็เป็นรูปนิยายตัดตอนมา เป็นคำพูดตอนที่นางเอกกำลังจะฆ่าตัวตาย เพื่อนก็เข้าไปเม้นกันว่านิยายเล่มไหน ฮาๆไป แต่ด้วยความที่เรารู้เรื่องบีค่อนข้างมากกว่าเพื่อนทุกคนในกลุ่ม เราเลยตีความภาพนั้นไปอีกแบบ เหมือนเป็นการสั่งเสียแบบนัยๆ เรามีลางว่าใช่ แต่อีกใจก็คิดว่าอาจจะคิดมากไป ควรทำยังไงดีคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่