รวมเรื่องสั้น "สะดือกรุง" คือเรื่องสั้นที่ทางผู้เขียนได้รวบรวมสะสมมาในช่วงเวลาหนึ่งปี โดยทางผู้เขียนจะทยอยลงที่ละตอนเป็นรายสัปดาห์ ให้ท่านผู้อ่านได้อ่านตามวาระ ทั้งนี้ สถานที่ และตัวละครในเนื้อเรื่อง ล้วนสมมติขึ้นมา หาได้มีบุคคลจริงใดเป็นตัวดำเนินเรื่อง หากเค้าโครงหรือบทบาทตัวละครใดตรงท้องเรื่องชีวิตใคร ขอให้ท่านผู้อ่านถือเสียว่า เป็นเรื่องบังเอิญ
หวังว่าท่าผู้อ่านคงเพลิดเพลินกับเนื้องานชั้นเลวที่ข้าพเจ้าเขียน และคาดว่า เหล่าตัวละครแห่งแก็งค์สะดือกรุง จะบำเรออารมณ์ผู้อ่านให้ไหวได้บ้าง
ด้วยรักและขอบคุณ
ตอนที่ 1 สุ-ข-รา
https://pantip.com/topic/38348590

ตอนที่ 2 “การไหว้”
“ พี่ เพื่อนผมไม่ได้ทำ พี่เข้าใจผิดแล้ว!” ขรรค์ตวาดตอบ
“ น้องจะดูกล้องเปล่า !? ” เสียงตวาดสวนจากหัวหนาชุดรักษาความปลอดภัยของบาร์ก้อนอิฐ
เหตุการณ์ง่วนเข้าไปสู่ความรุนแรง เมื่อขรรค์และพรรคพวกมากำลังเผชิญอารมณ์อันเกรี้ยวกราดของชุดรักษาความปลอดภัยในบาร์ก้อนอิฐย่านข้าวสาร หลังการซ้อมรักบี้เป็นอันยกเลิก และการนัดละเลงเหล้าที่ร้าน RGB ละแวกมหาวิทยาลัยถูกเปลี่ยนมาไกลถึงย่านพระนคร
ขณะขรรค์ถูกตวาด ก็

นึกถึงการ ”ไหว้” ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล นัยยะมันช่างหลากหลาย ทั้งทักทาย สวัสดี เคารพ บูชา ขอร้อง ขอโทษ ฯลฯ ตามแต่บริบทและสถานการณ์ชีวิตจะพาไป และคงไม่มีที่ไหนใช้ภาษากายนี้สื่อความหมายได้เปลืองเท่านี้อีกแล้ว ” ยิ่งเป็นภาษากายที่ใช้ในชีวิตประจำวันด้วยแล้ว คงไม่มีใครใส่ใจจำว่าเคยไหว้ไปกี่ครั้งในช่วงชีวิตเป็นแน่ ขรรค์คิด
แต่ครั้งนี้คงเป็นภาพจำที่ขรรค์คงไม่มีวันลืม วันที่มันจะยกมือทาบอกประนบก้มไหว้คนอื่น และเป็นการไหว้ที่สวยที่สุดของชีวิตขรรค์มัน
หลังช่วงเย็นที่ต่างคนต่างหมดภาระในการส่งงานเรียนของชั้นปี วิษณุ ขรรค์และใจ ที่ตั้งตาซ้อมรักบี้ต้องผิดหวัง เมื่อเจ้าหน้าที่มหาลัยโทรมาแจ้งการปิดใช้สนาม เนื่องจากการซ่อมบำรุง ทั้งสามจึงได้แต่นั่งเสวนากันที่หน้าร้านจิวอย่างไม่มีแก่นสาร ทันใด “ทองเหลือง” ชายผิวขาวนวล กายสันทัด ผู้มีสายตาถทึง บนใบหน้าเข้ารูปมน ก็ เดินจากจากลิฟท์ฝั่งตะวันตก มาทางร้านจิว
“เฮ้ย กัปตัน วันนี้กูซ้อมรักบี้ไม่ไหวนะ ” ทองเหลืองกล่าวต่อวิษณุด้วยไปหน้าอิดโรย
“ถึงไหวก็ไม่ได้ซ้อม สนามมันปิด” วิษณุพูดด้วยเสียงยิ้มเยาะ
“ว่าแต่ สภาพนี่ดูไม่จืดเลย อดนอนมาสิท่า “ วิษณุถามอย่างรู้คำตอบ
“นับตอนนี้ ก็เกินสองวันแล้ว ” ทองเหลืองตอบขณะหน้าคว่ำลงไปงีบกับโต๊ะ
“แล้วทำไมไม่ง่วงวะขรรค์? วันนี้ภาควิชาพวกมีส่งงานกันนี่? หรือไม่ได้อดนอน? ” ใจถามด้วยความสงสัย
“มันเสร็จงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แถมวันนี้ส่งก่อนตั้งแต่เมื่อเช้า” ทองเหลืองตอบขณะยังก้มหน้างีบ
“มิน่า เห็นมันนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่นี่ตั้งแต่บ่าย” กังวานเสียงวิษณุ เผยความคลายสงสัย
แต่ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากขรรค์ นอกจากควันบุหรี่ที่พวยพุ่งออกมา
“เฮ้ย - เหล้าข้าวสารกัน !” ชิง ชลธี และศิลปะเดินมาพร้อมกันจากฝั่งบันได พร้อมเสียงสดใสเปื้อนหน้าอิดโรย
“ งั้นกูไปกับชิงมันนะ ” ขรรค์กล่าวต่อวิษณุ
“ตามใจ” วิษณุกล่าวเสียงเรียบ
ก่อนทั้งสองกลุ่มจะแยกย้ายไปตามทางสายสุรา ชิงก็พลันมีข้อสงสัย
“ไอ้แล้วไอ้นี่มันยังไงเนี่ย? ปล่อยมันหลับที่นี่เหรอ?” ชิงกล่าว
“ลากมันไปด้วย” ขรรค์ตอบ
“เออ ดี” ชิงสบทบ
แม้นต่างอิดโรยจากการอดหลับอดนอนกันหลายวัน จากการกรำงานส่งชั้นเรียน แต่ทุกคนต่างกระเหี้ยนกระหือจะออกไปหาสุราและความสำราญกันก่อนนอน คืนนั้นเหล่าสหายสะดือกรุงปลงใจไปร่ำเมรัยในเขตพระนคร บนถนนที่คราคร่ำด้วยฝรั่งมังค่า สถานอันมีชื่อว่า บาร์ก้อนอิฐ
เมื่อถึง พวกเหล่าสะดือกรุงจำต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการเข้าร้าน เนื่องจากคืนนี้มีการแสดงของคณะเพลง “สุโกสร” ซึ่งมีนักร้องลูกครึ่งสุดอินดี้ที่เคยสร้างวีรกรรมเอาร้องเท้าฟาดหัวพี่โสก โลเล เมื่อครั้งร่วมแสดงที่มหานครนิวยอร์ค และอีกคณะเพลงนาม “หมาสมัยใหม่” ของพี่ปอดที่เป็นวงหลัก แต่ค่าใช้จ่าย ก็หาเป็นอุปสรรคในการหาความสำราญของเหล่าสะดือกรุงไม่
เมื่อผ่านการตรวจร่างกายเข้าประตู ศิลปะก็ไปเจรจากับบริกรร้านบาร์ก้อนอิฐ โดยใช้เงินหนึ่งร้อยบาทเป็นตัวช่วย ซึ่งไม่นาน เงินจำนวนนั้นก็แสดงอำนาจของมัน ศิลปะจึงมาเรียกเพื่อนๆที่รอข้างล่างไปสู่ที่นั่ง โดยได้โต๊ะชั้นสองติดขอบข้างเวที ถือเป็นทำเลที่ดีในการชมการแสดงแบบใกล้ชิดแม้จะไม่ติดตัว
บรรยากาศดำเนินไปด้วยดี แต่ละคนต่างถูกฤทธิ์สุราข่มสติ และเริ่มแสดงพฤติกรรมพิเรนทร์ไปตามประสา บนบรรยากาศอันสนุกสนานตามแต่ละบุคคล ขณะพี่ลิตเติ้ลแห่งคณะเพลง “สุโกสร” โชว์ลวดลายการระบำคล้ายโดนไฟช็อตบนเวที กลับกัน นายทองเหลือง ก็ผละตัวไปนอนข้างลำโพงชั้นสองแบบไม่แยแสต่อมมลพิษทางเสียงที่เกิน 80 เดซิเบล ขณะนายศิลปะกลับก็ขะมักเขม้นเดินขโมยโซดาน้ำเปล่าตามโต๊ะต่างๆ มายังโต๊ะตนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนขรรค์นั้นบรรจงเทเหล้าลงคอไม่ขาดเพื่อข่มสติ ใกล้กันตรงขอบเวทีชั้นสอง คนที่เคร่งขรึมจดจ้องมองลงเวทีคือนาย ชิงและชลธี ผู้มาเสพเสียงเพลงด้วยความตั้งใจ
ขณะเพลิดเพลิน แสดงกริยาไปตามบรรยากาศการแสดงของคณะเพลง เวลาก็ล่วงเลยไปถึงตีสอง คณะเพลง “หมาสมัยใหม่” ของพี่ปอดก็ยุติการแสดง ทางบาร์ก้อนอิฐ ก็เปิดไฟเพื่อส่งสัญญาณแห่งการเลิกรา คนในบาร์ต่างทยอยกลับ ทันใดนั้นเอง หน่วยยามรักษาการณ์ทั้งร้าน ต่างกรูกันเข้ามาที่โต๊ะของเหล่าสะดือกรุง สติที่เลื่อนลอยจากฤทธิ์สุราของขรรค์ผู้ประจำอยู่โต๊ะถูกสลัดไปชั่วครู่ ขรรค์นับได้ 12 ตีนหรือ 6 คน ในชุดซาฟารีที่มาล้อม ชายเหล่านั้นปราดจะเข้าไปกุมตัว “ชิง” และด้วยผีห่าซาตานอะไรดลใจขรรค์มันก็ไม่รู้ มันพุ่งไปขวางกลางลำระหว่างชายฉกรรจ์ 6 คน กับชิง
“พี่มีอะไร ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกัน” ขรรค์กล่าว
“เพื่อนน้องเขวี้ยงน้ำแข็งใส่หัวพี่ปอด!!!” หัวหน้าชุดรักษาการณ์ตะคอกขรรค์
“เขวี้ยงเหรอชิง?” ขรรค์หันควับไปถามเพื่อน
“กูปล่าว!!” ชิงตอบเสียงแข็งพร้อมผายมือแบสองข้าง
แน่นอน ขรรค์ย่อมเชื่อในตัวเพื่อน มัน และหันมาตวาดหัวหน้าชุดรักษาการณ์บาร์ก้อนอิฐ
“ พี่ เพื่อนผมไม่ได้ทำ พี่เข้าใจผิดแล้ว!” ขรรค์ตวาดตอบ
“ น้องจะดูกล้องเปล่า !? ” เสียงตวาดสวนจากหัวหนาชุดรักษาความปลอดภัยของบาร์ก้อนอิฐ
ขรรค์หันกลับไปมองชิงในทันใด
“ก็มันสนุกนี่ !!!” ชิงแสยะยิ้มเย้ยพร้อมผายมือแบสองข้าง
อ้าว !! ขรรค์นึกในใจ งามไส้ไหมล่ะ ช่วงเวลานี้ขรรค์แทบอยากแทรกธรณีหนี คนที่มาเสพย์สุขก็ออกไปจะหมดร้านแล้ว เหลือกันแค่อยู่โต๊ะเดียว แต่จะหลบไปก็ใช่เรื่อง ทองเหลืองก็ยังหลับอยู่ข้างตู้ลำโพง ศิลปะก็ยังยืนดวดเหล้าให้หมดขวดก่อนกลับโดยไม่สนใจอะไร ชลธีก็ยืนทึ่งกับการกระทำและคำพูดของชิง
หลังจากการคำนวณอันถี่ถ้วน บนช่วงคับขัน และสติอันเลือนราง ขรรค์ตัดสินใจ ยกมือขึ้นอกประนบก้มไหว้ ภาษากายช่างสวยงามตามวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยสมัยประถม เป็นการไหว้ที่บรรจง ประณีต และอ่อนน้อมด้วยความจริงใจ ทักษะการกล่าวโวหารตามวิชาภาษาไทยของขรรค์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด เพื่อขอขมาต่อการกระทำอันสนุกของชิงต่อกลุ่มชายฉกรรจ์
หลังการกระทำคำพูดดังกล่าว ขรรค์โดนหัวหน้าชุดรักษาการณ์บาร์ก้อนอิฐสวดไปชุดเล็กๆ ถึงความเสียหายในหน้าที่การงานของเค้า ในการบกพร่องต่อหน้าที่การรักษาความปลอดภัยของศิลปิน ที่จะเป็นความด่างพร้อยในประวัติการทำงาน บนสายตาอันถทึงของกลุ่มชุดรักษาการณ์ที่จดจ้องด้วยความเคียดแค้น
อย่างไรก็ตาม ทักษะการกล่าวโวหารตามวิชาภาษาไทย และการบรรจงไหว้ที่งดงามตามวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย ก็สามารถนำพาความปลอดภัยมายังชีวิตขรรค์และเพื่อนพ้อง ให้รอดจากวิกฤติการณ์ครั้งนั้นมาได้ มันช่างเป็นการไหว้สมบูรณ์แบบแทบไม่มีวันลืมของขรรค์เลย
แต่พอออกจากบาร์ก้อนอิฐเท่านั้น ชิงก็นั่งกินผัดไทยข้างถนน และคุยกับนายทองเหลืองที่พึ่งตื่น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหน้าบาร์ ส่วนขรรค์ก็ยืนสูบบุหรี่ นึกถึงหน้าครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนถ้อยโวหารและมารยาทไทยให้มาแต่เด็ก
จบ
"สะดือกรุง" ตอนที่ 2 "การไหว้"
หวังว่าท่าผู้อ่านคงเพลิดเพลินกับเนื้องานชั้นเลวที่ข้าพเจ้าเขียน และคาดว่า เหล่าตัวละครแห่งแก็งค์สะดือกรุง จะบำเรออารมณ์ผู้อ่านให้ไหวได้บ้าง
ด้วยรักและขอบคุณ
ตอนที่ 1 สุ-ข-รา https://pantip.com/topic/38348590
ตอนที่ 2 “การไหว้”
“ พี่ เพื่อนผมไม่ได้ทำ พี่เข้าใจผิดแล้ว!” ขรรค์ตวาดตอบ
“ น้องจะดูกล้องเปล่า !? ” เสียงตวาดสวนจากหัวหนาชุดรักษาความปลอดภัยของบาร์ก้อนอิฐ
เหตุการณ์ง่วนเข้าไปสู่ความรุนแรง เมื่อขรรค์และพรรคพวกมากำลังเผชิญอารมณ์อันเกรี้ยวกราดของชุดรักษาความปลอดภัยในบาร์ก้อนอิฐย่านข้าวสาร หลังการซ้อมรักบี้เป็นอันยกเลิก และการนัดละเลงเหล้าที่ร้าน RGB ละแวกมหาวิทยาลัยถูกเปลี่ยนมาไกลถึงย่านพระนคร
ขณะขรรค์ถูกตวาด ก็
แต่ครั้งนี้คงเป็นภาพจำที่ขรรค์คงไม่มีวันลืม วันที่มันจะยกมือทาบอกประนบก้มไหว้คนอื่น และเป็นการไหว้ที่สวยที่สุดของชีวิตขรรค์มัน
หลังช่วงเย็นที่ต่างคนต่างหมดภาระในการส่งงานเรียนของชั้นปี วิษณุ ขรรค์และใจ ที่ตั้งตาซ้อมรักบี้ต้องผิดหวัง เมื่อเจ้าหน้าที่มหาลัยโทรมาแจ้งการปิดใช้สนาม เนื่องจากการซ่อมบำรุง ทั้งสามจึงได้แต่นั่งเสวนากันที่หน้าร้านจิวอย่างไม่มีแก่นสาร ทันใด “ทองเหลือง” ชายผิวขาวนวล กายสันทัด ผู้มีสายตาถทึง บนใบหน้าเข้ารูปมน ก็ เดินจากจากลิฟท์ฝั่งตะวันตก มาทางร้านจิว
“เฮ้ย กัปตัน วันนี้กูซ้อมรักบี้ไม่ไหวนะ ” ทองเหลืองกล่าวต่อวิษณุด้วยไปหน้าอิดโรย
“ถึงไหวก็ไม่ได้ซ้อม สนามมันปิด” วิษณุพูดด้วยเสียงยิ้มเยาะ
“ว่าแต่ สภาพนี่ดูไม่จืดเลย อดนอนมาสิท่า “ วิษณุถามอย่างรู้คำตอบ
“นับตอนนี้ ก็เกินสองวันแล้ว ” ทองเหลืองตอบขณะหน้าคว่ำลงไปงีบกับโต๊ะ
“แล้วทำไมไม่ง่วงวะขรรค์? วันนี้ภาควิชาพวกมีส่งงานกันนี่? หรือไม่ได้อดนอน? ” ใจถามด้วยความสงสัย
“มันเสร็จงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แถมวันนี้ส่งก่อนตั้งแต่เมื่อเช้า” ทองเหลืองตอบขณะยังก้มหน้างีบ
“มิน่า เห็นมันนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่นี่ตั้งแต่บ่าย” กังวานเสียงวิษณุ เผยความคลายสงสัย
แต่ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากขรรค์ นอกจากควันบุหรี่ที่พวยพุ่งออกมา
“เฮ้ย - เหล้าข้าวสารกัน !” ชิง ชลธี และศิลปะเดินมาพร้อมกันจากฝั่งบันได พร้อมเสียงสดใสเปื้อนหน้าอิดโรย
“ งั้นกูไปกับชิงมันนะ ” ขรรค์กล่าวต่อวิษณุ
“ตามใจ” วิษณุกล่าวเสียงเรียบ
ก่อนทั้งสองกลุ่มจะแยกย้ายไปตามทางสายสุรา ชิงก็พลันมีข้อสงสัย
“ไอ้แล้วไอ้นี่มันยังไงเนี่ย? ปล่อยมันหลับที่นี่เหรอ?” ชิงกล่าว
“ลากมันไปด้วย” ขรรค์ตอบ
“เออ ดี” ชิงสบทบ
แม้นต่างอิดโรยจากการอดหลับอดนอนกันหลายวัน จากการกรำงานส่งชั้นเรียน แต่ทุกคนต่างกระเหี้ยนกระหือจะออกไปหาสุราและความสำราญกันก่อนนอน คืนนั้นเหล่าสหายสะดือกรุงปลงใจไปร่ำเมรัยในเขตพระนคร บนถนนที่คราคร่ำด้วยฝรั่งมังค่า สถานอันมีชื่อว่า บาร์ก้อนอิฐ
เมื่อถึง พวกเหล่าสะดือกรุงจำต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการเข้าร้าน เนื่องจากคืนนี้มีการแสดงของคณะเพลง “สุโกสร” ซึ่งมีนักร้องลูกครึ่งสุดอินดี้ที่เคยสร้างวีรกรรมเอาร้องเท้าฟาดหัวพี่โสก โลเล เมื่อครั้งร่วมแสดงที่มหานครนิวยอร์ค และอีกคณะเพลงนาม “หมาสมัยใหม่” ของพี่ปอดที่เป็นวงหลัก แต่ค่าใช้จ่าย ก็หาเป็นอุปสรรคในการหาความสำราญของเหล่าสะดือกรุงไม่
เมื่อผ่านการตรวจร่างกายเข้าประตู ศิลปะก็ไปเจรจากับบริกรร้านบาร์ก้อนอิฐ โดยใช้เงินหนึ่งร้อยบาทเป็นตัวช่วย ซึ่งไม่นาน เงินจำนวนนั้นก็แสดงอำนาจของมัน ศิลปะจึงมาเรียกเพื่อนๆที่รอข้างล่างไปสู่ที่นั่ง โดยได้โต๊ะชั้นสองติดขอบข้างเวที ถือเป็นทำเลที่ดีในการชมการแสดงแบบใกล้ชิดแม้จะไม่ติดตัว
บรรยากาศดำเนินไปด้วยดี แต่ละคนต่างถูกฤทธิ์สุราข่มสติ และเริ่มแสดงพฤติกรรมพิเรนทร์ไปตามประสา บนบรรยากาศอันสนุกสนานตามแต่ละบุคคล ขณะพี่ลิตเติ้ลแห่งคณะเพลง “สุโกสร” โชว์ลวดลายการระบำคล้ายโดนไฟช็อตบนเวที กลับกัน นายทองเหลือง ก็ผละตัวไปนอนข้างลำโพงชั้นสองแบบไม่แยแสต่อมมลพิษทางเสียงที่เกิน 80 เดซิเบล ขณะนายศิลปะกลับก็ขะมักเขม้นเดินขโมยโซดาน้ำเปล่าตามโต๊ะต่างๆ มายังโต๊ะตนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนขรรค์นั้นบรรจงเทเหล้าลงคอไม่ขาดเพื่อข่มสติ ใกล้กันตรงขอบเวทีชั้นสอง คนที่เคร่งขรึมจดจ้องมองลงเวทีคือนาย ชิงและชลธี ผู้มาเสพเสียงเพลงด้วยความตั้งใจ
ขณะเพลิดเพลิน แสดงกริยาไปตามบรรยากาศการแสดงของคณะเพลง เวลาก็ล่วงเลยไปถึงตีสอง คณะเพลง “หมาสมัยใหม่” ของพี่ปอดก็ยุติการแสดง ทางบาร์ก้อนอิฐ ก็เปิดไฟเพื่อส่งสัญญาณแห่งการเลิกรา คนในบาร์ต่างทยอยกลับ ทันใดนั้นเอง หน่วยยามรักษาการณ์ทั้งร้าน ต่างกรูกันเข้ามาที่โต๊ะของเหล่าสะดือกรุง สติที่เลื่อนลอยจากฤทธิ์สุราของขรรค์ผู้ประจำอยู่โต๊ะถูกสลัดไปชั่วครู่ ขรรค์นับได้ 12 ตีนหรือ 6 คน ในชุดซาฟารีที่มาล้อม ชายเหล่านั้นปราดจะเข้าไปกุมตัว “ชิง” และด้วยผีห่าซาตานอะไรดลใจขรรค์มันก็ไม่รู้ มันพุ่งไปขวางกลางลำระหว่างชายฉกรรจ์ 6 คน กับชิง
“พี่มีอะไร ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกัน” ขรรค์กล่าว
“เพื่อนน้องเขวี้ยงน้ำแข็งใส่หัวพี่ปอด!!!” หัวหน้าชุดรักษาการณ์ตะคอกขรรค์
“เขวี้ยงเหรอชิง?” ขรรค์หันควับไปถามเพื่อน
“กูปล่าว!!” ชิงตอบเสียงแข็งพร้อมผายมือแบสองข้าง
แน่นอน ขรรค์ย่อมเชื่อในตัวเพื่อน มัน และหันมาตวาดหัวหน้าชุดรักษาการณ์บาร์ก้อนอิฐ
“ พี่ เพื่อนผมไม่ได้ทำ พี่เข้าใจผิดแล้ว!” ขรรค์ตวาดตอบ
“ น้องจะดูกล้องเปล่า !? ” เสียงตวาดสวนจากหัวหนาชุดรักษาความปลอดภัยของบาร์ก้อนอิฐ
ขรรค์หันกลับไปมองชิงในทันใด
“ก็มันสนุกนี่ !!!” ชิงแสยะยิ้มเย้ยพร้อมผายมือแบสองข้าง
อ้าว !! ขรรค์นึกในใจ งามไส้ไหมล่ะ ช่วงเวลานี้ขรรค์แทบอยากแทรกธรณีหนี คนที่มาเสพย์สุขก็ออกไปจะหมดร้านแล้ว เหลือกันแค่อยู่โต๊ะเดียว แต่จะหลบไปก็ใช่เรื่อง ทองเหลืองก็ยังหลับอยู่ข้างตู้ลำโพง ศิลปะก็ยังยืนดวดเหล้าให้หมดขวดก่อนกลับโดยไม่สนใจอะไร ชลธีก็ยืนทึ่งกับการกระทำและคำพูดของชิง
หลังจากการคำนวณอันถี่ถ้วน บนช่วงคับขัน และสติอันเลือนราง ขรรค์ตัดสินใจ ยกมือขึ้นอกประนบก้มไหว้ ภาษากายช่างสวยงามตามวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยสมัยประถม เป็นการไหว้ที่บรรจง ประณีต และอ่อนน้อมด้วยความจริงใจ ทักษะการกล่าวโวหารตามวิชาภาษาไทยของขรรค์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด เพื่อขอขมาต่อการกระทำอันสนุกของชิงต่อกลุ่มชายฉกรรจ์
หลังการกระทำคำพูดดังกล่าว ขรรค์โดนหัวหน้าชุดรักษาการณ์บาร์ก้อนอิฐสวดไปชุดเล็กๆ ถึงความเสียหายในหน้าที่การงานของเค้า ในการบกพร่องต่อหน้าที่การรักษาความปลอดภัยของศิลปิน ที่จะเป็นความด่างพร้อยในประวัติการทำงาน บนสายตาอันถทึงของกลุ่มชุดรักษาการณ์ที่จดจ้องด้วยความเคียดแค้น
อย่างไรก็ตาม ทักษะการกล่าวโวหารตามวิชาภาษาไทย และการบรรจงไหว้ที่งดงามตามวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย ก็สามารถนำพาความปลอดภัยมายังชีวิตขรรค์และเพื่อนพ้อง ให้รอดจากวิกฤติการณ์ครั้งนั้นมาได้ มันช่างเป็นการไหว้สมบูรณ์แบบแทบไม่มีวันลืมของขรรค์เลย
แต่พอออกจากบาร์ก้อนอิฐเท่านั้น ชิงก็นั่งกินผัดไทยข้างถนน และคุยกับนายทองเหลืองที่พึ่งตื่น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหน้าบาร์ ส่วนขรรค์ก็ยืนสูบบุหรี่ นึกถึงหน้าครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนถ้อยโวหารและมารยาทไทยให้มาแต่เด็ก
จบ