ตะลุยหม่ำร้านริมทางในราคาสบายกระเป๋า อร่อยระดับ Michelin Guide แถวสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน(บางรัก)


เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการประกาศรางวัล Bangkok Michelin Guide 2019 เป็นปีที่ 2 แล้ว นอกจากกรุงเทพปีนี้ยังได้พ่วงอีกสองจังหวัดภาคใต้ ภูเก็ต และพังงา รายชื่อร้านอาหารปีนี้นั้นก็มีทั้งร้านเก่าที่ได้ตำแหน่งสูงขึ้น คงที่ และที่หายไปจากรางวัลเลยก็มี ส่วนร้านใหม่ที่เข้ามาในรายชื่อก็มีหลายร้านที่น่าสนใจ ใครอยากทราบรายละเอียดก็สามารถอ่านเอาที่เว็บไซต์มิชลินไกด์ได้เลย https://guide.michelin.com/th/bangkok  เมื่อพูดถึงมิชลินก็มีหลายคนคงมีข้อสงสัยหลากหลายคำถาม อีกทั้งตั้งกำแพงกับร้านอาหารมิชลินต่างนานๆ เข้าใจผิดในหลายเรื่องกับคำว่าร้านอาหารมิชลินไว้อยู่มากมาย อาทิ มีแต่ร้านหรูๆแพงๆ หรือ มันจะอร่อยจริงๆหรอ หรือ ลิ้นฝรั่งเศสเอามาใช้กับอาหารไทยได้หรอ  หรือ ไปกินร้านเชฟมิชลินมาไม่เห็นอร่อยเลย บาๆ วันนี้เราจะมาไขข้อคลองใจเกี่ยวกับมิชลินให้ทุกท่านได้ทราบแบบกระชับก่อนโดยข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Michelin Guide กันว่าคืออะไรนะครับ โดยจะสรุปสั่นๆเป็นหัวข้อดังนี้
* Michelin Guide ก่อตั้งโดยยางมิชลินนั่นละ เพื่อกระตุ้นให้คนเดินทาง
* Michelin Guide ไม่ได้มีแต่ร้านอาหารนะมีโรงแรมด้วย
* รางวัล Michelin Stars มี 3 รางวัลเท่านั้นคือ
โดยร้านอาหารที่ได้รางวัลดาวมิชลินจะต้องอยู่ในเกณฑ์ดังนี้
1. คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้

2. ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการทำอาหาร

3. เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่สะท้อนออกมาในอาหารและประสบการณ์ในมื้อนั้น

4. ความคุ้มค่าสมราคา

5. ความสม่ำเสมอ

    * รางวัล BibGourmand แก่ร้านอาหารที่โดดเด่น ได้คุณภาพ ราคาย่อมเยาว์ อยู่ในราคามาตรฐานท้องถิ่นนั้นว่าง่ายๆคือรางวัลดี อร่อย และถูก เหมือนรางวัลชมเชย

    * รางวัล The Plate ให้กับร้านอาหารคุณภาพดีที่ใช้มีเกณฑ์ที่ว่าใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน ซึ่งร้านเหล่านี้เป็นร้านที่ไม่ได้รับรางวัลดาวมิชลินหรือรางวัล บิบ กูร์มองด์ ง่ายๆคือรางวัลปลอบใจ

* ผู้ตรวจสอบมิชลินไกด์จะเป็นพนักงานของมิชลินเอง อิสระไม่มีการแทรกแซงจากหน่วยงานไหน ไม่เปิดเผยตัวตน จ่ายเงินเต็มจำนวนเท่าคนอื่น มีความเชี่ยวชาญ น่าเชื่อถือ และหลงใหลในอาหาร
* รางวัลมิชลินนั้นให้กับร้านอาหารและระบุสาขาด้วย ซึ่งร้านที่มีหลายสาขา เมื่อได้รางวัลก็ใช่ว่าทุกสาขาจะถือว่าได้รางวัลหมด
* รางวัลมิชลินนั้นให้กับร้านอาหารไม่ใช่ตัวเชฟ
* รางวัลมิชลินนั้นปรับไปตามวัฒนธรรมอาหารของชาตินั้นๆและประเภทอาหาร

เข้าเรื่องเลยดีกว่า ครั้งนี้ผมจะรีวิวทริปร้านอาหารข้างทางที่อยู่ในลิสรายชื่ออาหาร Michelin Guide ราคาที่กระเป๋าไม่ฉีก โดยมีราคาใช้จ่ายต่อหัวไม่เกิน 150 บาท โดยเลือกร้านอาหารย่านสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินหรือย่านบางรักนั้นเอง ย่านแห่งนี้มีความเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะมากมายที่รวมคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน แขก ฝรั่ง อีกทั้งร้านอาหารแต่ละในยานนี้เก่าทั้งนั้น เป็นตำนานของจริง
จากที่สำรวจมาแถวรถไฟฟ้าสะพานตากสินย่านบางรักมีร้านอาหารที่ได้มิชลินที่จากเดินทางสะดวกเดินไม่ไกลถึง 8 ร้าน แต่มีร้านอาหารที่ราคาต่ำกว่า 150 บาทต่อหัว มีถึง 5 ร้านด้วยกันซึ่งถือว่าเป็นย่านที่มีร้านอาหารมิชลินเยอะที่สุดและเดินทางสะดวกเป็นอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ ร้านมิชลินไม่แพงก็มี
1. ร้านเจริญแสงสีลม ขายข้าวขาหมูอย่างเดียว
2. ร้านแสนยอด ขายอาหารจีน โด่งดังเรื่อง เส้นบะหมี่ เป็ดย่าง และราดหน้า
3. ร้านบ้านผัดไทย ขายอาหารไทย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเด่นผัดไทย
4. ร้านโจ๊กปริ้นส์ ร้านมีแต่โจ๊กไม่มีอย่างอื่น
5. ร้านทิพ หอยทอดภูเขาไฟ มีหอยทอดและออส่วน แต่ที่เด็ดดวงไม่เหมือนใครคือเมนูหอยทับหอย
แผนที่แต่ละร้านตามนี้ครับ ตำแหน่งตามหมายเลขข้างล่าง

บรรยายซะยาว หิวกันแล้วละซิ ลุยหม่ำกันเลยคัช

1. ร้านเจริญแสงสีลม (ขาหมูเลิดสิน)
Michelin Guide: Bib Gourmand 2018-19
พิกัด : https://goo.gl/maps/fgJf6aVvtoy
(ปลายถนนสีลมก่อนถึงแยกบางรัก ซอยเจริญกรุง 49 ตรงข้ามกับสดตาทาวเวอร์)
เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
เวลาเปิดปิด : 7.30-13.30
โทร : 02 234 8036
ข้อแนะนำ : เนื่อจากร้านนี้มีคนเกาหลี ฮ่องกง มาเลย์ สิงคโปร์ มาตามรอยมิชลินกันเยอะ แนะนำให้มาเช้ามากที่สุดไม่เกินสิบโมงเพราะของส่วนต่างยังมีอยู่ครบ หลังเที่ยงแล้วไม่ต้องมาของแทบเหลือน้อยมาก อีกทั้งต้องมาตบตีกับคนพักกินข้าวกลางวันอีก ถ้าเป็นไปได้มาวันธรรมดา จ.-ศ. จะดีที่สุด เคยมีประสบการณ์มาแล้วไปหลังสิบเอ็ดโมงในวันเสาร์ปรากฏว่าเหลือแต่หนังอย่างเดียว จ่ายค่าน้ำแข็งออกจากร้าน



ร้านขาหมูรุ่นอากงที่อายุอานามมากกว่า 60 ปี เปิดกิจการในปี 1959 ปัจจุบันผ่านมาแล้วถึงรุ่นที่ 3 อาแปะรุ่นที่สองเล่าว่าขาหมูที่นี่ใช้เป็นขาหน้าที่น้ำหนักไม่เกิน 2 กิโล เอามาเผาไฟ จากนั้นมาต้มในน้ำพะโล้ที่กระบวนการในการการทำเครื่องเทศแและเครื่องปรุงรสเป็นการผสมผสานถึงสามเชื้อชาติทั้ง จีน ไทย ฝรั่ง โดยที่เน้นที่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ใช้ เวลานานต้มนานเกือบ 8 ชั่วโมง โดยอาแปะยังบอกว่าการทำอาหารก็เหมือนนักร้อง ต้องร้องให้เพราะประทับใจเมื่อมาฟังในครั้งแรกและต้องรักษาคุณภาพให้เสมอต้นเสมอปลาย ลูกค้ามาฟังกี่ครั้งแรกแล้วไพเราะและกลับมาฟังอีกมีความความสุขเหมือนฟังในครั้งแรกที่ประทับใจเสมอ
บรรยากาศร้านบ้านๆตึกแถวบ้านไม่สวยหรูอะไรนัก เป็นโต๊ะเก้าอี้สแตนเลส มีที่นั่งทั้งในร้านและนอกร้าน แต่ร้านเหมือนกับสนามรบมันดูวุ่นวาย ตอนที่ไปไม่มีใครมาหาที่นั่งให้เรา ยืนเก๋กังๆอยู่นานกว่าจะมีคนหาที่เรานั่ง โต๊ะส่วนใหญ่เป็นโต๊ะแชร์นั่ง นั่งหม่ำกับลูกค้าคนอื่น พอได้ที่นั่งแล้วก็รออยู่นานพอสมควรกว่าจะมีคนมารับออเดอร์ ที่ร้านขายแต่ข้าวขาหมูอย่างเดียว แต่แยกส่วนต่างๆให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น คากิ, ข้อคากิ (เจ้าของร้านบอกว่าส่วนนี้เด็ดที่สุด),  ขาหมูเล็ก, ขาหมูใหญ่ และเครื่องในต่างๆไม่ว่าจะเป็นไส้ ตับ ลิ้นหัวใจ ร้านไม่เสิร์ฟแบบขาหมูราดข้าว จะต้องสั่งขาหมูส่วนต่างๆและข้าวเป็นชุดๆนะจ้ะ
ด้วยส่วนตัวผมกินหนังไม่มากเลยสั่งขาหมูเล็ก ไส้และข้าวปล่าวมาชุด รอสักครู่ก็มีคนมาเสิร์ฟ เริ่มกินที่ขาหมูเล็กก่อน สัมผัสแรกเมื่อเข้าปาก เนื้อหมูนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำพะโล้ซึมเข้าไปถึงเนื้อข้างในไม่แห้ง หนังและมันแทบละลายในปาก ทานรู้สึกดีที่ริมฝีปากมันนี่ละคือฟิวส์ในการกินขาหมูที่อร่อย  น้ำหอมเครื่องพะโล้และเครื่องเทศยาจีน รสชาติไม่หวานไม่เค็มมากจนเกินไปทำให้ไม่เลี่ยน ขลุกกับข้าวสวยอร่อย น้ำจิ้มรสเด็ดรสเปรี้ยวเผ็ดหอมกระเทียม พริกสด ทานคู่กับขาหมูสุดยอดไปเลย ส่วนไส้หมูก็อร่อยหนึบเด้งไม่มีกลิ่นเหม็นเลย แต่งงทำไมไม่มีเกี้ยมฉ่ายผักดองมาให้ด้วยมองไปโต๊ะอื่นเห็นมีกันหมดแอบน้อยใจนิดๆ ทานเสร็จมาดูที่ราคา ขาหมูเล็ก 140 บาท, ไส้หมู 50 บาท ข้าว 2 จาน 10 บาท รวมแล้วอยู่ที่ 200 บาท หม่ำสองคนก็อยู่ที่ คนละ 100 บาท ถือราคาค่อนข้างสูงกว่าขาหมูทั่วไป แต่รสชาติก็ถือว่ายอดเยี่ยมสมกับที่ได้รางวัล Bib Gourmand อาหารที่โดดเด่นข้อนี้ผ่าน ได้คุณภาพข้อนี้ผ่าน ราคาย่อมเยาว์อยู่ในราคามาตรฐานท้องถิ่นข้อนี้ผ่านแบบชิวเฉียดเล็กน้อยแต่ผ่านครับ กินเสร็จแล้วกลับมาทานอีกครั้งแน่นอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่