เรามีพี่น้อง 5 คน ชาย 3 หญิง 2 เราเป็นลูกคนกลาง พ่อแม่ส่งไปเรียนไกลบ้านตั้งแต่ ป.3 จนกระทั่ง ม.4 -ม.6 ก็กลับมาเรียนที่บ้าน ได้ไกล้ชิดคนในครอบครัวที่สุดก็ตอนนี้แหละ แต่สภาพแวดล้อมที่เราโตมา กับสภาพแวดล้อมที่บ้านค่อนข้างต่างกัน คนละแนว เรารักสะอาด ชอบความเป็นระเบียบ แต่ที่บ้านอยู่ยังไงได้หมด ไม่ต้องระเบียบ ไม่ต้องสะอาดก็ได้ เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดต่างกับที่บ้านหลายๆเรื่อง จนกระทั่งเรียนจบ ม.6 ก็ไปเรียนไกลบ้านและทำงาน ผ่านไป 13 ปี ระหว่างนั้นเราส่งน้อง 2 คนเรียน ออกเงินดาวกระบะให้พ่อ ส่งเงินให้พ่อแม่ ให้พี่น้องทุกคนช่วยเหลือเค้าเวลาที่เดือดร้อน เงินแทบทุกเดือนถูกส่งมาบ้านหมด เพราะคิดว่าครอบครัวต้องรักและช่วยเหลือกัน ที่เหลือเราก็ไว้ใช้ในชีวิตประจำวันตามประสามนุษย์เงินเดือน จนกระทั่งวันนึงเรารู้สึกว่างานที่ทำอยู่กดดันมาก จึงลาออกและกลับมาอยู่บ้าน แต่เรามาแบบคนไม่มีเงินเก็บเลย ตอนนี้เราถึงรู้ว่าเราขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ แม่บอกว่าไม่มีเงิน น้องๆก็มีครอบครัวให้รับผิดชอบ ตอนนั้นเราถึงเพิ่งคิดได้ว่าที่ผ่านมาเราถูกแม่สอนให้รักพี่น้อง รักครอบครัว เรามองครอบครัวเป็นหลัก เพราะคิดว่าคนที่รักเรามากที่สุดคือคนในครอบครัวแต่ตอนนี้ทุกคนดูมีภาระไปหมดช่วยอะไรเราไม่ได้ พอมองย้อนไปแล้วถึงพึ่งเข้าใจว่าแม่โทรมาขอเงินเราทุกครั้งเพื่อช่วยลูกๆทุกคน โดยเฉพาะลูกชายสามคน แม่จะกรอกความยากลำบากของตัวเองที่ทำเพื่อลูกเสมอมา เราเองไม่อยากให้แม่ทุกข์เราก็ช่วยเต็มที่ แต่ตอนนี้แม่เป็นคนออกปากเองว่าไม่มีเงินช่วยเรา ไม่พยายามช่วยเรา ช่วงแรกที่กลับบ้านเคยเอ่ยปากไล่เราว่า "ถ้าอยู่ที่บ้านแล้วไม่มีความสุขก็ให้ออกไป" คือตอนนั้นเสียใจมาก แต่ตอนนี้ก็ทำความเข้าใจกับความจริง และได้เปลี่ยนความคิดบวกเป็นลบไปเรียบร้อย ตอนนี้เราเหมือนตัวคนเดียวในโลก รู้สึกสิ่งมีค่าที่สุดหายไป ไม่ใช่ "เงิน" แต่เป็น "ครอบครัว"
พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน เราเสียใจ จะทำยังไงให้รู้สึกดีได้