ผมกับลูกได้เดินทาง ไปที
โอซาก้า เกียวโต และนาราเมื่อปลายปี 2018 มีอะไรน่าสนใจหลายอย่าง ก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์และจะได้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจจะไปเองบ้างนะครับเพราะคงจะมีหลายกระทู้ที่ทำออกมา ถ้าเพื่อนๆ จะชอบในสไตล์เที่ยวแบบผมก็ได้ ถือว่าเป็นหนึ่งทางเลือกครับ
ได้เริ่มศึกษาข้อมูลของเมือง การเดินทางอย่างละเอียด ไปรถไฟทั้งใต้ดิน บนดิน รถบัสแต่ละสาย ตลอดจนสภาพอากาศแต่ละเมือง มาเป็นเดือน สุดท้ายมาสรุปลงที่ แถบคันไซ ตะวันตกของญี่ปุ่น เป็น เมืองโอซาก้า เกียวโต และนารา ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะว่าช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีในเมืองแถบคันไซ แบบพีคสุด ๆ ประมาณเวลาที่เราน่าจะไปได้ และเมื่อไปแล้วต้องเห็นและได้ภาพสวยๆ โดยศึกษา จากตารางของทางการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นครับ ของปีล่าสุด เค้าจะออกมาทุกปี

แน่นอนครับทั้งเครื่องบินและโรงแรมช่วงนั้น เต็มแน่ หากไม่จองไว้ก่อน
ผมเลือกจองเครื่องบินก่อนเลย เอาไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องหาโรงแรม
และเลือกไป กับการบินไทย ยอมเสียแพง ตกไปกลับก็ราว ๆ 3 หมื่นเศษ/คน เพื่อเรา จะได้ไม่ต้องไปถึงเวลาดึก ๆ แล้วต้องไปนอนตามสนามบินครับ ไฟลท์ที่ผมบินถึงประมาณ 6 โมงครึ่ง เช้าตรู่ ของที่นั่นเที่ยวได้ทันที
จองตั๋วชำระเรียบร้อย เมื่อได้บินแน่นอน ทีนี้มาหาโรงแรม ผมก็หาจากเวบนี้ครับ www.Trip.com ดาวน์โหลดแอปมาเลย
สะดวกมาก ตัดสินใจเลือกพักแถวสถานีชินโอซาก้า ใกล้กับสถานี เดินออกมาไม่ถึง 300 เมตร โชคดีทียังมีห้อง จ่ายเงินทางออนไลน์
จะได้ไม่ต้องพกเงินไปมาก
เค้าจะมีแมสเสจตอบกลับ และก็จะเตือนเราเป็นระยะ ๆ ครับ ว่าจะออกเดินทางแล้วนะ แล้วปริ้นเอกสารการจองมาด้วยเผื่อ ตรวจคนเข้าเมืองที่ญี่ปุ่นจะขอดู
ต่อไปหาเช่าpocket wifi ครับ ก็มาลงตัวที่ Iwifi เพราะหลายคนบอกว่าไม่เคยมีปัญหา จ่ายเงิน และไปรับเครื่องที่สนามบิน
ผมแถมด้วยติดต่อศูนย์เครือข่ายโทรศัพท์ที่เราใช้บริการอยู่ว่าจะขอเปิดใช้ที่ญี่ปุ่น (เผื่อฉุกเฉินต้องใช้)
แลกเงินเยน แลกไว้ตามตารางรายการเดินทางแต่ละวัน ค่าข้าว ค่าน้ำ สำรองเป็นเงินดอลลาห์นิดหน่อย
ส่วนผมวางแผนต่อไปอีกว่า หากใช้เงินฉุกเฉินแล้วไม่พอ ก็เลยแจ้งธนาคารสีม่วงที่ผมใช้บริการ ไว้นิดครับว่าเราจะเดินทางไปญี่ปุ่นอาจมีการใช้บัตรATM กดเงินสดที่นั่น เจ้าหน้าที่เค้าบริการดีครับ โทรมาแจ้งรายละเอียดว่ากดที่ไหน อย่างไร วงเงินเท่าไร ครับ และก็เลยใช้แอปธนาคารติดต่อขอประกันภัยการเดินทางไปด้วยเลย มั่นใจเยอะครับ
อีกอย่างหนึ่งคือจองบัตร ICOCA ของ JR west เพื่อสะดวกในการขึ้นรถไฟ หรือทานอาหาร ในเวบนี้ครับ www.westjr.co.jp
เราจะได้แพคเกจ บัตรขึ้นรถไฟHaruka ทั้งไปและกลับควบคู่มาด้วย บอกรายละเอียดไป แล้วพิมพ์ออกมา นำไปจ่ายเงินและรับบัตรที่JR office ที่สนามบินคันไซ ชั้น 2 คิดแล้วประหยัดกว่า มันมีเงินในบัตรอยู่ด้วย 2000 เยน แต่ใช้ได้ 1500 เยน อีก500 ไว้จ่ายคืนตอนกลับโดยหักไปนิดหน่อย ได้ไม่ครบหรอก หรือหากไม่คืน เราใช้ต่อได้ครั้งต่อไป หรือหากใช้หมดก่อนเติมเงินได้ในร้านสะดวกซื้อหลายแห่งครับ แถวสถานีรถไฟก็เห็นแทบทุกที่

น่าจะครบแล้ว และเช็คเรื่องอากาศช่วงวันที่จะไป เราจะได้เตรียมเสื้อผ้าถูก ครับ จัดกระเป๋าเดินทาง เตรียมเอกสารให้ครบแล้วไปกันเลย ที่ลืมไม่ได้คือ พาสปอร์ต ครับ
วันแรกที่สุวรรณภูมิ เราก็มาเช็คอินก่อนเวลามาก ผ่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ละเอียดมาก รองเท้า เข็มขัด ยังต้องถอดเข้าเครื่องตรวจ เสร็จแล้ว หาอะไรทานรอเวลาขึ้นเครื่อง แพงหน่อยครับในนี้
ส่วนบนเครื่องบริการดีครับมีเครื่องดื่ม มีอาหาร และ เรากรอกเอกสารเข้าเมืองบนเครื่องได้เลย
เค้าปลุกทานอาหารเช้าก่อนลงเครื่อง ทานเสร็จ ซักพักก็ถึงสนามบินคันไซ ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีกอาคารหนึ่งเพื่อผ่านต.ม.และรับกระเป๋า ที่นี่ทำงานรวดเร็วครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็เรียบร้อย
ออกมาด้านนอกเปิดโทรศัพท์เชื่อมกับpocket wifi จากนั้นไปรับบัตร ICOCA & Haruka ที่ JR office เจ้าหน้าที่เค้าบริการแต่เช้า ซึ่งมีคิวไม่ยาว เจ้าหน้าที่จะถามตามที่เราให้ข้อมูลไว้เพื่อความชัวร์ เช่น ไป-กลับ ขึ้นจากสถานีไหน วันไหน อะไรทำนองนี้ครับ แล้วจะให้ตั๋วรถไฟฮารุกะ ทั้งไปและกลับ รวมทั้งบัตร ICOCA

เราแวะเข้าห้องน้ำห้องท่า แล้วเดินไปขึ้นรถไฟHaruka เข้าเมืองกันเลย
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสถานี ชินโอซาก้า ที่นี่กว้างสุดมาก คนก็เยอะ ต้องดูดีๆครับ เพราะมีรถไฟหลายอย่างในนี้ ทั้งใต้ดิน บนดิน และหัวกระสุน ซินกันเซน อยู่ที่นี่หมด
จากที่ได้ทำการบ้านมาเราต้องเดินไปทางออกตะวันออก เพื่อเดินไปที่โรงแรม พอออกจากสถานี เห็นทางเข้าด้านหลังโรงแรมพอดี เราจะขอฝากกระเป๋าไว้ก่อนเพราะเวลาเช็คอินหลัง 14. 00 น อีกนานครับ
เจ้าหน้าที่เค้าก็บริการอย่างดี เค้าจะเอากระเป๋าเราไปไว้ที่ห้องก่อนด้วย และลงทะเบียนไว้เลย ส่วนกุญแจมารับตอนเข้ามาอีกที
จากนั้นเราเดินมาแวะร้านLowson ใช้บัตร ICOCA ติ้ดที่เครื่อง จ่ายตัง ทานอะไรนิดหน่อย
แล้วเดินมาทางสถานี Nishinakajima มันใกล้ ๆ กับจุดที่เราเดินเล่นมาเรื่อยๆขึ้นรถไฟใต้ดิน สาย Midosuji line
ไปเปลี่ยนรถที่สถานี Hommachi ขึ้น Chou line ไปที่ สถานี Morinomiya เพื่อจะไปเดินเล่นที่ ปราสาทโอซาก้า
โชคดีครับเมื่อเรามาถึง ต้นไม้ทุกต้นเปลี่ยนสีกันอย่างพร้อมเพียง เดินเข้าไปชมด้านใน กว่าจะออกมาก็รัวชัตเตอร์ไปเยอะ
ใช้เวลาที่นี่นานพอ ครับ ได้เวลากลับไปเช็คอินที่โรงแรม อาจจะเลยเวลาไปเยอะ เพราะคำว่า “ตรงนั้นก็สวยตรงนี้ก็สวย “
เช็คอินเสร็จแล้ว เราก็ออกมาหาอะไรทานที่สถานีชินโอซากะ มีร้านอาหารมากมาย คนก็มากเช่นกัน เราเข้าร้าน ไปนั่งสั่งโดยเค้ามีเมนู ภาษาอังกฤษให้ด้วย เวลากินเสร็จ เราก็นำบิลที่โต๊ะ ไปจ่ายตังที่เคาท์เตอร์ เลยคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นร้านที่เราฝากท้องไว้ทุกวันครับ
แล้วเดินออกมาผ่าน ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น มีที่นั่งพักใกล้ ๆ แต่ไม่ค่อยมีใครมานั่งเพราะอากาศมันเย็นมาก วันนั้นประมาณ 9oC และยิ่งดึกมันก็ยิ่งหนาวครับ ก็ใช้หาอะไรมากินอีกเล็กน้อย เข้าที่พัก อาบน้ำ นอนเอาแรงไว้เดินพรุ่งนี้

เที่ยวฤดูไม้เปลี่ยนสี 2018 ที่ญี่ปุ่นกันแบบ ไม่ง้อทัวร์ #1
ได้เริ่มศึกษาข้อมูลของเมือง การเดินทางอย่างละเอียด ไปรถไฟทั้งใต้ดิน บนดิน รถบัสแต่ละสาย ตลอดจนสภาพอากาศแต่ละเมือง มาเป็นเดือน สุดท้ายมาสรุปลงที่ แถบคันไซ ตะวันตกของญี่ปุ่น เป็น เมืองโอซาก้า เกียวโต และนารา ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะว่าช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีในเมืองแถบคันไซ แบบพีคสุด ๆ ประมาณเวลาที่เราน่าจะไปได้ และเมื่อไปแล้วต้องเห็นและได้ภาพสวยๆ โดยศึกษา จากตารางของทางการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นครับ ของปีล่าสุด เค้าจะออกมาทุกปี
ผมเลือกจองเครื่องบินก่อนเลย เอาไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องหาโรงแรม
และเลือกไป กับการบินไทย ยอมเสียแพง ตกไปกลับก็ราว ๆ 3 หมื่นเศษ/คน เพื่อเรา จะได้ไม่ต้องไปถึงเวลาดึก ๆ แล้วต้องไปนอนตามสนามบินครับ ไฟลท์ที่ผมบินถึงประมาณ 6 โมงครึ่ง เช้าตรู่ ของที่นั่นเที่ยวได้ทันที
จองตั๋วชำระเรียบร้อย เมื่อได้บินแน่นอน ทีนี้มาหาโรงแรม ผมก็หาจากเวบนี้ครับ www.Trip.com ดาวน์โหลดแอปมาเลย
สะดวกมาก ตัดสินใจเลือกพักแถวสถานีชินโอซาก้า ใกล้กับสถานี เดินออกมาไม่ถึง 300 เมตร โชคดีทียังมีห้อง จ่ายเงินทางออนไลน์
จะได้ไม่ต้องพกเงินไปมาก
เค้าจะมีแมสเสจตอบกลับ และก็จะเตือนเราเป็นระยะ ๆ ครับ ว่าจะออกเดินทางแล้วนะ แล้วปริ้นเอกสารการจองมาด้วยเผื่อ ตรวจคนเข้าเมืองที่ญี่ปุ่นจะขอดู
ต่อไปหาเช่าpocket wifi ครับ ก็มาลงตัวที่ Iwifi เพราะหลายคนบอกว่าไม่เคยมีปัญหา จ่ายเงิน และไปรับเครื่องที่สนามบิน
ผมแถมด้วยติดต่อศูนย์เครือข่ายโทรศัพท์ที่เราใช้บริการอยู่ว่าจะขอเปิดใช้ที่ญี่ปุ่น (เผื่อฉุกเฉินต้องใช้)
แลกเงินเยน แลกไว้ตามตารางรายการเดินทางแต่ละวัน ค่าข้าว ค่าน้ำ สำรองเป็นเงินดอลลาห์นิดหน่อย
ส่วนผมวางแผนต่อไปอีกว่า หากใช้เงินฉุกเฉินแล้วไม่พอ ก็เลยแจ้งธนาคารสีม่วงที่ผมใช้บริการ ไว้นิดครับว่าเราจะเดินทางไปญี่ปุ่นอาจมีการใช้บัตรATM กดเงินสดที่นั่น เจ้าหน้าที่เค้าบริการดีครับ โทรมาแจ้งรายละเอียดว่ากดที่ไหน อย่างไร วงเงินเท่าไร ครับ และก็เลยใช้แอปธนาคารติดต่อขอประกันภัยการเดินทางไปด้วยเลย มั่นใจเยอะครับ
อีกอย่างหนึ่งคือจองบัตร ICOCA ของ JR west เพื่อสะดวกในการขึ้นรถไฟ หรือทานอาหาร ในเวบนี้ครับ www.westjr.co.jp
เราจะได้แพคเกจ บัตรขึ้นรถไฟHaruka ทั้งไปและกลับควบคู่มาด้วย บอกรายละเอียดไป แล้วพิมพ์ออกมา นำไปจ่ายเงินและรับบัตรที่JR office ที่สนามบินคันไซ ชั้น 2 คิดแล้วประหยัดกว่า มันมีเงินในบัตรอยู่ด้วย 2000 เยน แต่ใช้ได้ 1500 เยน อีก500 ไว้จ่ายคืนตอนกลับโดยหักไปนิดหน่อย ได้ไม่ครบหรอก หรือหากไม่คืน เราใช้ต่อได้ครั้งต่อไป หรือหากใช้หมดก่อนเติมเงินได้ในร้านสะดวกซื้อหลายแห่งครับ แถวสถานีรถไฟก็เห็นแทบทุกที่
น่าจะครบแล้ว และเช็คเรื่องอากาศช่วงวันที่จะไป เราจะได้เตรียมเสื้อผ้าถูก ครับ จัดกระเป๋าเดินทาง เตรียมเอกสารให้ครบแล้วไปกันเลย ที่ลืมไม่ได้คือ พาสปอร์ต ครับ
วันแรกที่สุวรรณภูมิ เราก็มาเช็คอินก่อนเวลามาก ผ่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ละเอียดมาก รองเท้า เข็มขัด ยังต้องถอดเข้าเครื่องตรวจ เสร็จแล้ว หาอะไรทานรอเวลาขึ้นเครื่อง แพงหน่อยครับในนี้
ส่วนบนเครื่องบริการดีครับมีเครื่องดื่ม มีอาหาร และ เรากรอกเอกสารเข้าเมืองบนเครื่องได้เลย
เค้าปลุกทานอาหารเช้าก่อนลงเครื่อง ทานเสร็จ ซักพักก็ถึงสนามบินคันไซ ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีกอาคารหนึ่งเพื่อผ่านต.ม.และรับกระเป๋า ที่นี่ทำงานรวดเร็วครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็เรียบร้อย
ออกมาด้านนอกเปิดโทรศัพท์เชื่อมกับpocket wifi จากนั้นไปรับบัตร ICOCA & Haruka ที่ JR office เจ้าหน้าที่เค้าบริการแต่เช้า ซึ่งมีคิวไม่ยาว เจ้าหน้าที่จะถามตามที่เราให้ข้อมูลไว้เพื่อความชัวร์ เช่น ไป-กลับ ขึ้นจากสถานีไหน วันไหน อะไรทำนองนี้ครับ แล้วจะให้ตั๋วรถไฟฮารุกะ ทั้งไปและกลับ รวมทั้งบัตร ICOCA
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสถานี ชินโอซาก้า ที่นี่กว้างสุดมาก คนก็เยอะ ต้องดูดีๆครับ เพราะมีรถไฟหลายอย่างในนี้ ทั้งใต้ดิน บนดิน และหัวกระสุน ซินกันเซน อยู่ที่นี่หมด
จากที่ได้ทำการบ้านมาเราต้องเดินไปทางออกตะวันออก เพื่อเดินไปที่โรงแรม พอออกจากสถานี เห็นทางเข้าด้านหลังโรงแรมพอดี เราจะขอฝากกระเป๋าไว้ก่อนเพราะเวลาเช็คอินหลัง 14. 00 น อีกนานครับ
เจ้าหน้าที่เค้าก็บริการอย่างดี เค้าจะเอากระเป๋าเราไปไว้ที่ห้องก่อนด้วย และลงทะเบียนไว้เลย ส่วนกุญแจมารับตอนเข้ามาอีกที
จากนั้นเราเดินมาแวะร้านLowson ใช้บัตร ICOCA ติ้ดที่เครื่อง จ่ายตัง ทานอะไรนิดหน่อย
แล้วเดินมาทางสถานี Nishinakajima มันใกล้ ๆ กับจุดที่เราเดินเล่นมาเรื่อยๆขึ้นรถไฟใต้ดิน สาย Midosuji line
ไปเปลี่ยนรถที่สถานี Hommachi ขึ้น Chou line ไปที่ สถานี Morinomiya เพื่อจะไปเดินเล่นที่ ปราสาทโอซาก้า
โชคดีครับเมื่อเรามาถึง ต้นไม้ทุกต้นเปลี่ยนสีกันอย่างพร้อมเพียง เดินเข้าไปชมด้านใน กว่าจะออกมาก็รัวชัตเตอร์ไปเยอะ
ใช้เวลาที่นี่นานพอ ครับ ได้เวลากลับไปเช็คอินที่โรงแรม อาจจะเลยเวลาไปเยอะ เพราะคำว่า “ตรงนั้นก็สวยตรงนี้ก็สวย “
เช็คอินเสร็จแล้ว เราก็ออกมาหาอะไรทานที่สถานีชินโอซากะ มีร้านอาหารมากมาย คนก็มากเช่นกัน เราเข้าร้าน ไปนั่งสั่งโดยเค้ามีเมนู ภาษาอังกฤษให้ด้วย เวลากินเสร็จ เราก็นำบิลที่โต๊ะ ไปจ่ายตังที่เคาท์เตอร์ เลยคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นร้านที่เราฝากท้องไว้ทุกวันครับ
แล้วเดินออกมาผ่าน ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น มีที่นั่งพักใกล้ ๆ แต่ไม่ค่อยมีใครมานั่งเพราะอากาศมันเย็นมาก วันนั้นประมาณ 9oC และยิ่งดึกมันก็ยิ่งหนาวครับ ก็ใช้หาอะไรมากินอีกเล็กน้อย เข้าที่พัก อาบน้ำ นอนเอาแรงไว้เดินพรุ่งนี้