ต้องขอชื่นชมองค์กรนี้ตั้งแต่ขับรถเข้าประตู พนักงานที่ทำหน้าที่ตั้งแต่รปภ. ประชาสัมพันธ์ จนท.รับเรื่อง และจนท.ไกล่เกลี่ย มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาก พูดจาดี สมกับเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของผู้บริโภคโดยแท้จริง
เหตุที่ต้องไปร้องเรียนกับ คปภ. คือ ทางเราเป็นฝ่ายถูกและนำรถเข้าซ่อมทั้งหมด 15 วัน แต่ประกันคู่กรณีให้ได้แค่ 3 วัน เพราะให้เหตุผลว่าเคสแบบนี้ ซ่อม 3-5 วันก็เสร็จ สุดท้ายตกลงกันไม่ได้เราจึงต้องไปร้องเรียน (ต้องบอกเลยว่าเคสนี้เราทำการบ้านมาพอสมควร ประกันคู่กรณีทำถูกต้องแล้ว เพราะเคสรถที่เราเข้าซ่อมประมาณ 5 วันก็ซ่อมเสร็จ แต่ด้วยทางอู่ที่เราเข้าซ่อมผิดเอง ที่ไม่รู้ทำกระบวนการอะไรจนต้องใช้ระยะเวลาไป 15 วัน) นี่แหละคือ เหตุผลที่แท้จริงที่จะให้ประกันฝ่ายเราต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดครั้งนี้ โดยให้ คปภ. เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย
เราไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่ คปภ. สำนักงานที่ถนนรัชดาภิเษก (แต่ถ้าใครไม่สะดวกสามารถยื่นผ่านอินเตอร์เน็ตได้)
เอกสารที่ใช้ก็ใบนำรถเข้าและรับรถออก เอกสารการเคลม และหนังสือที่ประกันคู่กรณีออกให้ว่าไม่สามารถตกลงค่าขาดประโยชน์ฯ
โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทางคปภ.จะโทรนัดเราและประกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อไปเจรจา ณ สำนักงานคปภ. (โดยไม่ต้องกังวลว่าส่งเรื่องไปแล้ว เรื่องจะเงียบมั้ย ทางคปภ.มีกำหนดเวลาอยู่แล้ว และดูแลเรื่องร้องเรียนได้เป็นอย่างดี ณ จุดนี้ให้รอเวลาทำใจสบายๆได้เลย)
พอถึงวันนัดเจรจา ก็จะมีคนกลางคือ คปภ. จะทำหน้าที่พูดคุยสอบถามตัวเรา และประกันทั้ง 2 ฝ่าย ถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วเหตุการณ์ต่างๆก็จะจบตกลงกันได้ ณ วันนั้น โดยระยะเวลาในการไกล่เกลี่ยก็แล้วแต่เคส
อย่างที่เกริ่นไปตอนแรก สิ่งที่ต้องมาร้องเรียน คือ อยากจะให้ประกันฝ่ายเราร่วมรับผิดชอบในการกระทำของอู่ในเครือประกันที่นำรถเราไปซ่อมโดยใช้ระยะเวลาที่เกินควรกับการซ่อม
เพราะเรายืนยันตามเอกสารว่ารถเราเข้าซ่อมทั้งหมด 15 วัน ไม่ใช่ความผิดเรา ทางคปภ.จึงทำหน้าที่ซักถามกับประกันฝ่ายเราและให้ประกันฝ่ายเราไปสอบถามกับอู่ ซึ่งทางผมมั่นใจในหลักฐานและความผิดของอู่จึงไม่ยอมรับกับการที่ประกันคู่กรณีชดเชยให้ 6 วัน
บทสรุปสุดท้ายประกันคู่กรณีชดใช้ให้ 6 วัน ประกันฝ่ายเราอีก 6 วัน รวมเป็น 12 วัน (ส่วน 3 วันที่ไม่ได้เรายินดีหักวันที่เราอยู่ตจว.ไม่สามารถไปรับรถได้)
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประกันฝ่ายเราได้รับรู้ถึงการกระทำของอู่ในเครือ ว่าไม่มีความรับผิดชอบและไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีพอ เพราะช่วงเวลาซ่อมทางผมก็ได้มีการโทรไปร้องเรียนการทำงานของอู่กับทางประกันโดยตรง
บางครั้งเงินเพียงเล็กน้อยไม่สำคัญเท่ากับการคืนความยุติธรรมและความรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณทำ จึงเป็นเหตุผลที่ผมยอมเสียเวลาไปเรียกร้องที่สนง.ประกันคู่กรณีและไปยื่นเรื่องต่อที่คปภ. และลางานไปไกล่เกลี่ยอีกครั้ง
***ทางคปภ.มีขั้นตอนการไกล่เกลี่ยประมาณ 3 ครั้ง ครั้งแรกให้จนท.มาไกล่เกลี่ย ถ้าตกลงกันไม่ได้ครั้งหน้าจะให้จนท.ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไกล่เกลี่ยอีกครั้ง และครั้งสุดท้ายถ้าตกลงไม่ได้ก็จะต้องยื่นเรื่องและมีค่าใช้จ่ายในขั้นตอนของการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตตุลาการ
เรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ สุดท้ายต้องไปจบที่ คปภ.
เหตุที่ต้องไปร้องเรียนกับ คปภ. คือ ทางเราเป็นฝ่ายถูกและนำรถเข้าซ่อมทั้งหมด 15 วัน แต่ประกันคู่กรณีให้ได้แค่ 3 วัน เพราะให้เหตุผลว่าเคสแบบนี้ ซ่อม 3-5 วันก็เสร็จ สุดท้ายตกลงกันไม่ได้เราจึงต้องไปร้องเรียน (ต้องบอกเลยว่าเคสนี้เราทำการบ้านมาพอสมควร ประกันคู่กรณีทำถูกต้องแล้ว เพราะเคสรถที่เราเข้าซ่อมประมาณ 5 วันก็ซ่อมเสร็จ แต่ด้วยทางอู่ที่เราเข้าซ่อมผิดเอง ที่ไม่รู้ทำกระบวนการอะไรจนต้องใช้ระยะเวลาไป 15 วัน) นี่แหละคือ เหตุผลที่แท้จริงที่จะให้ประกันฝ่ายเราต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดครั้งนี้ โดยให้ คปภ. เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย
เราไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่ คปภ. สำนักงานที่ถนนรัชดาภิเษก (แต่ถ้าใครไม่สะดวกสามารถยื่นผ่านอินเตอร์เน็ตได้)
เอกสารที่ใช้ก็ใบนำรถเข้าและรับรถออก เอกสารการเคลม และหนังสือที่ประกันคู่กรณีออกให้ว่าไม่สามารถตกลงค่าขาดประโยชน์ฯ
โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทางคปภ.จะโทรนัดเราและประกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อไปเจรจา ณ สำนักงานคปภ. (โดยไม่ต้องกังวลว่าส่งเรื่องไปแล้ว เรื่องจะเงียบมั้ย ทางคปภ.มีกำหนดเวลาอยู่แล้ว และดูแลเรื่องร้องเรียนได้เป็นอย่างดี ณ จุดนี้ให้รอเวลาทำใจสบายๆได้เลย)
พอถึงวันนัดเจรจา ก็จะมีคนกลางคือ คปภ. จะทำหน้าที่พูดคุยสอบถามตัวเรา และประกันทั้ง 2 ฝ่าย ถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วเหตุการณ์ต่างๆก็จะจบตกลงกันได้ ณ วันนั้น โดยระยะเวลาในการไกล่เกลี่ยก็แล้วแต่เคส
อย่างที่เกริ่นไปตอนแรก สิ่งที่ต้องมาร้องเรียน คือ อยากจะให้ประกันฝ่ายเราร่วมรับผิดชอบในการกระทำของอู่ในเครือประกันที่นำรถเราไปซ่อมโดยใช้ระยะเวลาที่เกินควรกับการซ่อม
เพราะเรายืนยันตามเอกสารว่ารถเราเข้าซ่อมทั้งหมด 15 วัน ไม่ใช่ความผิดเรา ทางคปภ.จึงทำหน้าที่ซักถามกับประกันฝ่ายเราและให้ประกันฝ่ายเราไปสอบถามกับอู่ ซึ่งทางผมมั่นใจในหลักฐานและความผิดของอู่จึงไม่ยอมรับกับการที่ประกันคู่กรณีชดเชยให้ 6 วัน
บทสรุปสุดท้ายประกันคู่กรณีชดใช้ให้ 6 วัน ประกันฝ่ายเราอีก 6 วัน รวมเป็น 12 วัน (ส่วน 3 วันที่ไม่ได้เรายินดีหักวันที่เราอยู่ตจว.ไม่สามารถไปรับรถได้)
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประกันฝ่ายเราได้รับรู้ถึงการกระทำของอู่ในเครือ ว่าไม่มีความรับผิดชอบและไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีพอ เพราะช่วงเวลาซ่อมทางผมก็ได้มีการโทรไปร้องเรียนการทำงานของอู่กับทางประกันโดยตรง
บางครั้งเงินเพียงเล็กน้อยไม่สำคัญเท่ากับการคืนความยุติธรรมและความรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณทำ จึงเป็นเหตุผลที่ผมยอมเสียเวลาไปเรียกร้องที่สนง.ประกันคู่กรณีและไปยื่นเรื่องต่อที่คปภ. และลางานไปไกล่เกลี่ยอีกครั้ง
***ทางคปภ.มีขั้นตอนการไกล่เกลี่ยประมาณ 3 ครั้ง ครั้งแรกให้จนท.มาไกล่เกลี่ย ถ้าตกลงกันไม่ได้ครั้งหน้าจะให้จนท.ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไกล่เกลี่ยอีกครั้ง และครั้งสุดท้ายถ้าตกลงไม่ได้ก็จะต้องยื่นเรื่องและมีค่าใช้จ่ายในขั้นตอนของการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตตุลาการ