สวัสดีครับ ก่อนขึ้นต้องขออธิบายเกี่ยวกับสมาชิกในบ้านก่อนนะครับ ผมเป็นลูกคนสุดท้อง มีพี่อีกสองคนเป็นครอบครัวไทยเชื้อสายจีนครับ ที่บ้านตั้งแต่เล็กจนปัจจุบันมีฐานะปานกลาง มีธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นอาชีพที่คุณพ่อทำ สร้างมาตั้งแต่ผมจำความได้ทำเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์ครับ
คุณพ่อของผมเป็นคนที่จริงจังกับงานมากท่านอายุ 70 กว่าปีแล้วแต่ยังทำงานอยู่ ผมสงสารท่านเหลือเกินแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรจริงๆช่วยอ่านต่อไปจะเข้าใจนะครับ
ในส่วนของคุณแม่ แกมีนิสัยค่อยข้างอดทน แกทำงานช่วยพ่อในเรื่องของบัญชี ดูแลคนงาน แกช่วยพี่คนกลางของผมซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าด้วยครับ แต่คุณแม่เป็นคนที่ใช้เงินเก่ง ชอบซื้อเสื้อผ้า หรือของต่างๆนาๆมาแล้วไม่ได้ใช้ พูดตรงๆคือของที่คุณแม่ซื้อมานี่กองได้สูงเป็นสิบเมตร ผมเชื่อว่ามูลค่าน่าจะร่วมล้านได้ ถ้านับตั้งแต่เด็กนะครับ หมายถึงพวกเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใส่
แม่ไม่มีเงินเดือน โดยอาศัยเอาเงินส่วนของลูกค้าเงินสดของพ่อมาใช้จ่ายของครอบครัวและใช้จ่ายส่วนตัว
พี่ของผมคนโตในความรู้สึกของผมเค้ามีนิสัย ขี้เกียจ รักสบาย และฟุ่มเฟือย แม่ตามใจเค้ามาตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็จะร้องขอแม่ แม่ก็ให้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นแก้ว แหวน เงินทอง หรือของอะไรก็ตาม เขาเป็นคนไม่เก็บเงิน อ่อ ที่สำคัญเค้าเรียนไม่จบปริญญาตรี เพราะมีปัญหาตอนสอบ ซึ่งตอนนั้นประจวบเหมาะกับสถานการณ์ที่บ้านจำเป็นต้องมีคนไปเฝ้าโรงงาน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานับสิบปี เค้าไม่ได้ช่วยพัฒนาอะไรให้กิจการที่บ้านดีขึ้นเลยครับ เค้าได้แค่ไปเฝ้าโรงงานเฉยๆเท่านั้นและทำงานนิดๆหน่อยๆ ผมมั่นใจเพราะเค้าไม่เคยจิงจังกับอะไรเลย ยกเว้นเรื่องหาแฟน หรือซื้อของสะสมที่ไร้สาระในสายตาของผม
ปัจจุบันเค้าพึ่งจะแต่งงานโดยค่าใช้จ่ายในการแต่งงานตั้งหมด มีผมไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว ขอเงินจากพ่อแม่ทั้งหมด และแฟนของเค้าก็ไม่ได้ทำงานด้วยครับ
พี่คนกลางของผมเป็นคนนิสัย ขี้โมโห ปากไม่ค่อยดี แต่เค้าเป็นคนที่จริงจัง และอดทน เค้าทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้ากับเพื่อนตั้งแต่เรียนมัธยมมาพักใหญ่แล้วครับ กิจการเติบโดไปได้ดี เพราะมีพ่อแม่ช่วย backup ให้มาโดยตลอด พูดตรงๆว่าตอนนี้น่าจะมีเงินเก็บพอๆหรือมากกว่าคุณพ่อของผมแล้วครับ
มาถึงผม ผมเป็นน้องคนเล็ก ผมว่าผมเป็นคนที่คิดมาก ประหยัด ผมไม่ค่อยขยันนะครับ แต่ผมว่าผมค่อนข้างมีความอดทน ผมทำงานเป็นเซลล์ครับ ปัจจุบันผมก็น่าจะทำงานมาได้เกือบจะแปดปีแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 30 ปีครับ
เล่ามาซะยาว เรื่องมันมีอยู่ว่าหลายปีก่อน ประมาณ 4 ปีที่แล้ว ผมให้เงินพ่อยืมไป 2 ล้านบาท เพื่อไปซื้อบ้านของตระกูล ซึ่งราคา 18 ล้านบาท เพราะหากไม่ซื้อขึ้นมาจะถูกขายเข้าตลาด คุณพ่อช่วงนั้นเครียดมากๆ ผมสงสารท่าน ผมไม่ค่อยได้ช่วยงานที่บ้าน ผมเลยไม่ลังเลที่จะถอนเงินหมดบัญชีให้พ่อเพื่อซื้อบ้านขึ้นมา ซึ่งพ่อพอทำงานเสร็จตกเย็นก็จะขับจักรยานกลับไปนอนที่หมู่บ้านทุกวัน ร่วมเป็นสิบปีแล้วครับ ส่วนผม แม่ พี่คนกลางนอนที่ที่ทำงานเป็นห้องแถวอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
ซึ่งตอนนี้พี่คนโตผมพึ่งจะย้ายเข้าไปหมู่ในหมู่บ้านกับแฟนที่พึ่งแต่งงานไป
ผมมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลยครับ ต่อไปกิจการของคุณพ่อ พี่คนโตก็ต้องยืดเกาะไว้อย่างเหนียวแน่น พี่คนกลางผมก็สบายไปแล้ว ส่วนผมก็ทำงานเป็นเซลล์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆคงจะไม่ดีแน่นอน เพราะผมคงไม่ได้รับการโปรโมทเป็นผู้จัดการแน่ๆเพราะผมจบไม่ตรงสาย คุณพ่อก็ไม่มีวี่แววว่าจะคืนเงินให้ผมเลย ตอนนี้พ่อแม่เค้าไม่ได้นึกถึงผมเลย เค้าช่วยแต่ backup พี่ๆทั้งสองคน ผมน้อยใจมากๆทั้งที่ผมนึกถึงพวกเค้าทั้งสองคนตลอด ถ้าเป็นเพื่อนๆจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์แบบนี้ครับ ขอความเห็นหน่อยได้ไหมครับ ขอบคุณสำหรับทุกคนที่สละเวลามาอ่านและตอบนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
รู้สึกว่าพ่อแม่ให้ได้นึกถึงเราเลย ผมควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ ขอความเห็นหน่อยนะครับ
คุณพ่อของผมเป็นคนที่จริงจังกับงานมากท่านอายุ 70 กว่าปีแล้วแต่ยังทำงานอยู่ ผมสงสารท่านเหลือเกินแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรจริงๆช่วยอ่านต่อไปจะเข้าใจนะครับ
ในส่วนของคุณแม่ แกมีนิสัยค่อยข้างอดทน แกทำงานช่วยพ่อในเรื่องของบัญชี ดูแลคนงาน แกช่วยพี่คนกลางของผมซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าด้วยครับ แต่คุณแม่เป็นคนที่ใช้เงินเก่ง ชอบซื้อเสื้อผ้า หรือของต่างๆนาๆมาแล้วไม่ได้ใช้ พูดตรงๆคือของที่คุณแม่ซื้อมานี่กองได้สูงเป็นสิบเมตร ผมเชื่อว่ามูลค่าน่าจะร่วมล้านได้ ถ้านับตั้งแต่เด็กนะครับ หมายถึงพวกเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใส่
แม่ไม่มีเงินเดือน โดยอาศัยเอาเงินส่วนของลูกค้าเงินสดของพ่อมาใช้จ่ายของครอบครัวและใช้จ่ายส่วนตัว
พี่ของผมคนโตในความรู้สึกของผมเค้ามีนิสัย ขี้เกียจ รักสบาย และฟุ่มเฟือย แม่ตามใจเค้ามาตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็จะร้องขอแม่ แม่ก็ให้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นแก้ว แหวน เงินทอง หรือของอะไรก็ตาม เขาเป็นคนไม่เก็บเงิน อ่อ ที่สำคัญเค้าเรียนไม่จบปริญญาตรี เพราะมีปัญหาตอนสอบ ซึ่งตอนนั้นประจวบเหมาะกับสถานการณ์ที่บ้านจำเป็นต้องมีคนไปเฝ้าโรงงาน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานับสิบปี เค้าไม่ได้ช่วยพัฒนาอะไรให้กิจการที่บ้านดีขึ้นเลยครับ เค้าได้แค่ไปเฝ้าโรงงานเฉยๆเท่านั้นและทำงานนิดๆหน่อยๆ ผมมั่นใจเพราะเค้าไม่เคยจิงจังกับอะไรเลย ยกเว้นเรื่องหาแฟน หรือซื้อของสะสมที่ไร้สาระในสายตาของผม
ปัจจุบันเค้าพึ่งจะแต่งงานโดยค่าใช้จ่ายในการแต่งงานตั้งหมด มีผมไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว ขอเงินจากพ่อแม่ทั้งหมด และแฟนของเค้าก็ไม่ได้ทำงานด้วยครับ
พี่คนกลางของผมเป็นคนนิสัย ขี้โมโห ปากไม่ค่อยดี แต่เค้าเป็นคนที่จริงจัง และอดทน เค้าทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้ากับเพื่อนตั้งแต่เรียนมัธยมมาพักใหญ่แล้วครับ กิจการเติบโดไปได้ดี เพราะมีพ่อแม่ช่วย backup ให้มาโดยตลอด พูดตรงๆว่าตอนนี้น่าจะมีเงินเก็บพอๆหรือมากกว่าคุณพ่อของผมแล้วครับ
มาถึงผม ผมเป็นน้องคนเล็ก ผมว่าผมเป็นคนที่คิดมาก ประหยัด ผมไม่ค่อยขยันนะครับ แต่ผมว่าผมค่อนข้างมีความอดทน ผมทำงานเป็นเซลล์ครับ ปัจจุบันผมก็น่าจะทำงานมาได้เกือบจะแปดปีแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 30 ปีครับ
เล่ามาซะยาว เรื่องมันมีอยู่ว่าหลายปีก่อน ประมาณ 4 ปีที่แล้ว ผมให้เงินพ่อยืมไป 2 ล้านบาท เพื่อไปซื้อบ้านของตระกูล ซึ่งราคา 18 ล้านบาท เพราะหากไม่ซื้อขึ้นมาจะถูกขายเข้าตลาด คุณพ่อช่วงนั้นเครียดมากๆ ผมสงสารท่าน ผมไม่ค่อยได้ช่วยงานที่บ้าน ผมเลยไม่ลังเลที่จะถอนเงินหมดบัญชีให้พ่อเพื่อซื้อบ้านขึ้นมา ซึ่งพ่อพอทำงานเสร็จตกเย็นก็จะขับจักรยานกลับไปนอนที่หมู่บ้านทุกวัน ร่วมเป็นสิบปีแล้วครับ ส่วนผม แม่ พี่คนกลางนอนที่ที่ทำงานเป็นห้องแถวอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
ซึ่งตอนนี้พี่คนโตผมพึ่งจะย้ายเข้าไปหมู่ในหมู่บ้านกับแฟนที่พึ่งแต่งงานไป
ผมมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลยครับ ต่อไปกิจการของคุณพ่อ พี่คนโตก็ต้องยืดเกาะไว้อย่างเหนียวแน่น พี่คนกลางผมก็สบายไปแล้ว ส่วนผมก็ทำงานเป็นเซลล์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆคงจะไม่ดีแน่นอน เพราะผมคงไม่ได้รับการโปรโมทเป็นผู้จัดการแน่ๆเพราะผมจบไม่ตรงสาย คุณพ่อก็ไม่มีวี่แววว่าจะคืนเงินให้ผมเลย ตอนนี้พ่อแม่เค้าไม่ได้นึกถึงผมเลย เค้าช่วยแต่ backup พี่ๆทั้งสองคน ผมน้อยใจมากๆทั้งที่ผมนึกถึงพวกเค้าทั้งสองคนตลอด ถ้าเป็นเพื่อนๆจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์แบบนี้ครับ ขอความเห็นหน่อยได้ไหมครับ ขอบคุณสำหรับทุกคนที่สละเวลามาอ่านและตอบนะครับ ขอบคุณมากๆครับ