อุทธรณ์ยกฟ้อง 9 แกนนำ พธม. ชุมนุมดาวกระจายไล่ "สมัคร" ปี 2551
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_1340967
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมดาวกระจายปี 2551 คดีหมายเลขดำ อ.3973/2558 ที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.
จำลอง ศรีเมือง, นาย
สนธิ ลิ้มทองกุล, นาย
พิภพ ธงไชย, นาย
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นาย
สมศักดิ์ โกศัยสุข, นาย
สุริยะใส กตะศิลา, นาย
ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นาย
อมร อมรรัตนานนท์ หรือ
รัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนาย
เทิดภูมิ ใจดี อดีตแกนนำ พธม.เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนและก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร , ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก แต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 , 215 , 216 กรณีที่มีการรวมตัวกันต่อต้านและขับไล่รัฐบาลนาย
สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2551
โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2558 ระบุถึงการชุมนุมขับไล่รัฐบาลลักษณะดาวกระจายนั้น พวกจำเลยใช้รถบรรทุกเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ไปยังสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ , สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , กระทรวงมหาดไทย , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทำให้โรงเรียน และสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ใกล้ชุมนุมต้องหยุดการเรียนการสอนหลายครั้ง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยจากการชุมนุมดังกล่าว นอกจากนี้พวกจำเลยยังได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลอีกด้วยในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 25 พ.ค.- ต.ค. 2551 ซึ่งจำเลย อดีตแกนนำ พธม.ทั้งเก้าให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี โดยทั้งหมดได้รับการประกันตัวในชั้นพิจารณา
ทั้งนี้สำหรับนาย
สนธิ อดีตแกนนำ พธม. จำเลยที่ 2 แม้จะได้รับการประกันตัวในคดีนี้ แต่ปัจจุบันนายสนธิ ถูกคุมขังในเรือนจำโทษจำคุก 20 ปีคดีทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-6 เนื่องจากเป็นการฟ้องจำเลยซ้ำกับคดี พธม.บุกรุกทำเนียบรัฐบาล หมายเลขดำ อ.4925/2555 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1-6 คนละ 2 ปี อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 7-9 นั้น ศาลเห็นว่าการกระทำเป็นความผิดฐานมั่วสุม 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 215 วรรคหนึ่ง แต่เห็นควรให้รอการกำหนดโทษจำเลยที่ 7-9 ไว้ก่อนมีกำหนด 2 ปี
วันนี้ศาลเบิกตัวนาย
สนธิจากเรือนจำเพื่อมาฟังคำพิพากษา ขณะที่อดีตแกนนำ พธม. อีก 8 คนก็ได้เดินทางมาศาล
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องจำเลยทั้ง 9 คน โดยเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นกรณีจำเลยที่ 1-6 เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีบุกรุกทำเนียบรัฐบาล ส่วนจำเลยที่ 7-9 ก็ไม่มีความผิดฐานก่อความวุ่นวายตามมาตรา 215 ด้วย แม้โจทก์จะยกกรณีการต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ในการรื้อถอนเวทีและเต๊นท์ของผู้ชุมนุม ศาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เริ่มจากผู้ชุมนุม และการตรวจค้นพบเหล็กแป๊บและขวานในพื้นที่หลังผู้ชุมนุมถอยออกไปก็ไม่ได้ค้นจากตัวผู้ชุมนุม มีข้อสงสัยว่าไม่ใช่ของผู้ชุมนุม จึงเป็นการใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ
JJNY : อุทธรณ์ยกฟ้อง9แกนนำพธม.ชุมนุมดาวกระจายไล่"สมัคร"ปี2551/เลื่อนอ่านฎีกาคดี'หญิงเป็ด'ปฏิบัติหน้าที่มิชอบจัดสัมมนาฯ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_1340967
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมดาวกระจายปี 2551 คดีหมายเลขดำ อ.3973/2558 ที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิ ใจดี อดีตแกนนำ พธม.เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนและก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร , ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก แต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 , 215 , 216 กรณีที่มีการรวมตัวกันต่อต้านและขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2551
โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2558 ระบุถึงการชุมนุมขับไล่รัฐบาลลักษณะดาวกระจายนั้น พวกจำเลยใช้รถบรรทุกเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ไปยังสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ , สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , กระทรวงมหาดไทย , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทำให้โรงเรียน และสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ใกล้ชุมนุมต้องหยุดการเรียนการสอนหลายครั้ง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยจากการชุมนุมดังกล่าว นอกจากนี้พวกจำเลยยังได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลอีกด้วยในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 25 พ.ค.- ต.ค. 2551 ซึ่งจำเลย อดีตแกนนำ พธม.ทั้งเก้าให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี โดยทั้งหมดได้รับการประกันตัวในชั้นพิจารณา
ทั้งนี้สำหรับนายสนธิ อดีตแกนนำ พธม. จำเลยที่ 2 แม้จะได้รับการประกันตัวในคดีนี้ แต่ปัจจุบันนายสนธิ ถูกคุมขังในเรือนจำโทษจำคุก 20 ปีคดีทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-6 เนื่องจากเป็นการฟ้องจำเลยซ้ำกับคดี พธม.บุกรุกทำเนียบรัฐบาล หมายเลขดำ อ.4925/2555 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1-6 คนละ 2 ปี อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 7-9 นั้น ศาลเห็นว่าการกระทำเป็นความผิดฐานมั่วสุม 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 215 วรรคหนึ่ง แต่เห็นควรให้รอการกำหนดโทษจำเลยที่ 7-9 ไว้ก่อนมีกำหนด 2 ปี
วันนี้ศาลเบิกตัวนายสนธิจากเรือนจำเพื่อมาฟังคำพิพากษา ขณะที่อดีตแกนนำ พธม. อีก 8 คนก็ได้เดินทางมาศาล
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องจำเลยทั้ง 9 คน โดยเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นกรณีจำเลยที่ 1-6 เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีบุกรุกทำเนียบรัฐบาล ส่วนจำเลยที่ 7-9 ก็ไม่มีความผิดฐานก่อความวุ่นวายตามมาตรา 215 ด้วย แม้โจทก์จะยกกรณีการต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ในการรื้อถอนเวทีและเต๊นท์ของผู้ชุมนุม ศาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เริ่มจากผู้ชุมนุม และการตรวจค้นพบเหล็กแป๊บและขวานในพื้นที่หลังผู้ชุมนุมถอยออกไปก็ไม่ได้ค้นจากตัวผู้ชุมนุม มีข้อสงสัยว่าไม่ใช่ของผู้ชุมนุม จึงเป็นการใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ