ฉันกระหืดกระหอบวิ่งมารับโทรศัพท์ที่หน้าทีวี เบอร์แปลกๆ ไม่รู้จักแต่ฉันก็รีบกดรับ “สวัสดีค่ะ”
“หมวยเหรอ” เสียงปลายสายเป็นผู้หญิงเสียงแหลมๆ “ใช่ค่ะ ใครคะ” ฉันงงๆ ถามกลับไป
“พิชาเอง” จำได้ไหม ฉันสตั๊นไปสองวิ “อ๋อ..พิชา” ทันทีที่นึกออกว่าเป็นใคร ฉันเดาเอาเองว่าเธอโทรมาขายประกัน
ไม่ก็ชวนทำขายตรง หรือที่ไม่อยากได้ยินมากที่สุดคือโทรมาขอยืมเงิน
แต่ฉันเดาผิดทั้งหมด ถึงแม้พิชาไม่ได้เอ่ยปากว่าคิดถึง แต่ที่คุยกันก็สรุปเป็นอื่นไม่ได้นอกจากคำว่าคิดถึง
เพื่อนคนนี้ฉันไม่ได้ติดต่อและไม่ได้ข่าวคราวกันเลยน่าจะนานเกินกว่าห้าปี
บทสนทนาไม่มีอะไรมาก คุยเรื่องทั่วไป เรื่องแฟน เรื่องเพื่อนและเรื่อยเปื่อยจนถึงเรื่องบ้าน ทำให้ได้รู้ว่าพิชาเพิ่งทำบ้านใหม่
พอได้คุยเรื่องนี้ก็เข้าล็อค คุยกันยาวเรื่องทำบ้าน เลยเถิดไปจนฉันขอนัดไปดูบ้านพิชา เพื่อดูงานของช่างที่เธอคุยว่าดีและราคาไม่แพง
ฉันมีแพลนทำบ้านพอดี ช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆ
งดงาม
ฉันกระหืดกระหอบวิ่งมารับโทรศัพท์ที่หน้าทีวี เบอร์แปลกๆ ไม่รู้จักแต่ฉันก็รีบกดรับ “สวัสดีค่ะ”
“หมวยเหรอ” เสียงปลายสายเป็นผู้หญิงเสียงแหลมๆ “ใช่ค่ะ ใครคะ” ฉันงงๆ ถามกลับไป
“พิชาเอง” จำได้ไหม ฉันสตั๊นไปสองวิ “อ๋อ..พิชา” ทันทีที่นึกออกว่าเป็นใคร ฉันเดาเอาเองว่าเธอโทรมาขายประกัน
ไม่ก็ชวนทำขายตรง หรือที่ไม่อยากได้ยินมากที่สุดคือโทรมาขอยืมเงิน
แต่ฉันเดาผิดทั้งหมด ถึงแม้พิชาไม่ได้เอ่ยปากว่าคิดถึง แต่ที่คุยกันก็สรุปเป็นอื่นไม่ได้นอกจากคำว่าคิดถึง
เพื่อนคนนี้ฉันไม่ได้ติดต่อและไม่ได้ข่าวคราวกันเลยน่าจะนานเกินกว่าห้าปี
บทสนทนาไม่มีอะไรมาก คุยเรื่องทั่วไป เรื่องแฟน เรื่องเพื่อนและเรื่อยเปื่อยจนถึงเรื่องบ้าน ทำให้ได้รู้ว่าพิชาเพิ่งทำบ้านใหม่
พอได้คุยเรื่องนี้ก็เข้าล็อค คุยกันยาวเรื่องทำบ้าน เลยเถิดไปจนฉันขอนัดไปดูบ้านพิชา เพื่อดูงานของช่างที่เธอคุยว่าดีและราคาไม่แพง
ฉันมีแพลนทำบ้านพอดี ช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆ