รีวิว Drag Race Season 2 EP2 : แตกต่างโลกถึงจะจำ


ภาพรวมของอีพี 2 คือสนุกมาก มีการร้อยเรื่องราวของทั้งรายการผ่านการคิดมาคืออยู่ในเรื่องเดียวกัยคือ "สีสัน"

เริ่มต้นจากวิดีโอของพี่อาร์ต (ที่ทำให้ผู้ชมเกร็งตามแกได้น้อยลง เพราะอะไรที่แกเคยฝืนๆ ในซีซั่น 1 หายไปเยอะแล้ว) พี่อาร์ตได้พูดถึงเรื่อง "รุ้ง" รุ้งในที่นี้เป็นได้ทั้งเรื่องของ "สีสัน" และเรื่องของ "ความหลากหลายทางเพศ" จากนั้นเรื่องราวของทั้งอีพีอยู่ในเส้นเรื่องนี้

มินิชาเลนจ์เป็นเกมจับคู่สีกางเกงผู้ชาย เป็นเกมที่เอามันเป็นหลักสไตล์เกมโชว์ แต่ก็วัดผลของเหล่าควีนเบาๆ ในสกิลความจำและเรื่องการแยกสีสัน เกมนี้ถือว่าดูเป็นอรรถรส การตัดต่อเล่าเรื่องออกมากระชับดีและขยี้ในส่วนที่จำเป็น เสพเหล่า Super Boy ที่มาเป็นสีสัน แล้วดูความมันที่เหล่าควีนที่ต้องมาสู้กัน มีความเป็นทายาทเมนเทอร์หมูที่ตะโกนรบกวนผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ตามด้วยการ "เล่นเกม" เมื่อคนชนะมีสิทธิ์ที่จะกลั่นแกล้งคู่แข่ง ก็เป็นอะไรที่ทำให้เกมดูเดือดขึ้นดี

ช่วงแม็กซี่ก็ยังอยู่ในธีมสีๆ คือถ่ายแบบกับสีฝุ่น ที่คุมตัวเองไม่พอยังต้องมาคุม Super Boy แล้วเหมือนว่า Super Boy จะถูกรับบรีฟมาว่าให้แกล้งเหล่าควีนให้มากที่สุด เป็นโจทย์ที่ท้าทายดี แล้วมีความทุลักทุเลเข้ากับโทนของรายการได้ดี รวมถึงช่างภาพอย่างคุณสุรปุยก็อรรถรสชะมัด แกจะมาถ่ายรูปหรือแกจะมาเป็นแดร็กซะเอง... สำหรับผลการตัดสินก็เป็นเอกฉันท์เพราะงานดีที่สุดจริงๆ ... ก่อนจะบ่นว่าเบื่อถ่ายแบบแล้ว อีพีหน้าก็มาด้วยชาเลนจ์ประดิษฐ์เครื่องหัวลิเกและน่าจะแข่งกันเรื่องเอนเตอร์เทนคนดูแล้ว

รันเวย์ในอีพีนี้อยู่ในโจทย์ "ฟ้าหลังฝน" เป็นโจทย์ที่ดีเลยทีเดียว เพราะสามารถคิดงานได้หลายระดับ จะเล่นนามธรรม รูปธรรม สัญญะ อะไรได้หมด วัดระดับความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าควีนได้ดีทีเดียว

กรรมการ
ก็ยังคงเห็นฟอร์มของการเลือกกรรมการคือมีเพศทางเลือกและเพศทั่วไปเพื่อให้ได้มุมมองที่หลากหลาย มีคนเบื้องหน้ากับเบื้องหลัง แต่อาจจะควบคือได้ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง กรรมการเซ็ตนี้ก็แอคทีฟกันและเข้าขากันดี มีสาระแต่ก็แทรกเรื่องอรรถรสไว้นิดๆ หน่อยๆ ส่วนตัวแอบเห็นด้วยความเห็นในทวีตหนึ่งว่า การแนะนำกรรมการแบบเอาฮาก็เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของรายการ แต่มันน่าจะดีกว่าถ้าใส่สาระเข้าไปด้วยว่า "กรรมการคือใคร" ซึ่งมันทำให้เห็นความสำคัญว่าทำไมถึงต้องเชิญมา แม้ว่าจะเป็นแขกรับเชิญที่รู้จักกันดีแค่ไหนก็ตาม รวมถึงผู้ชมส่วนหนึ่งก็เป็นต่างชาติด้วย แล้วค่อยมาหักมุมแบบตลกขบขันก็ว่าไป

เรื่องราวเหล่าแดร็ก
ภาพรวมของอีพีที่ผ่านมา การจิกกัดของควีนดูไปทางฮามากกว่ากัดกันเอาตาย ด่ากันแรงแต่ให้มูดแอนด์โทนแบบฮาๆ ถ้าเทียบกับซีซั่น 1 ที่มีความดราม่าสูงกว่านี้ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย รุมทุบตีเด็ก เหยียดหัวจรดเท้า ต้องมาดูว่าพล็อตแบบนั้นจะกลับมาหรือไม่ ด้านของความเป็นละคร น้อยกว่าซีซั่น 1 เพราะไม่มีพล็อตย่อยๆ อื่นๆ ใส่เข้ามาเลย เช่น อีพี 2 ของซีซั่นที่แล้วก็เริ่มทำให้เห็นปมของผู้เข้าแข่งขันแล้ว เริ่มที่จาจ้าที่เป็นคนเสียเส้นประจำแก๊งแต่เมื่อเปิดเผยเรื่องที่เป็นปมในใจก็ลากคนดูไปอยู่ในมูดสะเทือนใจได้ ก็ต้องมาดูว่าจะมีอรรถรสละครมาแฝงในซีซั่นนี้รึเปล่า

ลิปซิงค์
ดูจะเป็นช่วงที่แฟนๆ ไม่ค่อยให้ผ่านซักเท่าไหร่ ทั้งนี้มองว่าช่วงลิปซิงค์มันออกแบบมายังไงขึ้นอยู่กับว่ารายการต้องการอะไรจากผู้เข้าแข่งขัน และต้องการให้คนดูรู้สึกอย่างไร หากเลือกที่จะให้เห็นโชว์สุดว้าวและสมบูรณ์แบบ คงต้องเลือกเพลงขาประจำและให้ผู้เข้าแข่งขันไปเตรียมตัวมา แต่หากจะเลือกเส้นทางเคี่ยวผู้เข้าแข่งขัน กรองศิลปินไหวพริบออกจากโรบอต วิธีเลือกเพลงประหลาดและให้มารู้หน้างานว่าเป็นเพลงอะไร ก็เป็นวิธีที่เหมาะ มันเป็นเรื่องที่รายการต้องตัดสินใจเองว่าจะไปทางไหน

ส่วนตัวมองว่าไม่ต้องบอกเพลงก่อนแต่เลือกเพลงที่คุ้นหูอยู่แล้วมาก็พอ เพลงคลีเช่มันคือมันพิสูจน์อยู่แล้วว่าดีถึงได้ถูกเลือกมาโชว์บ่อยๆ แต่ไม่ต้องถึงบอกเพลงเพราะโอบอุ้มผู้เข้าแข่งขันมากเกินไป ถ้าใจใฝ่จะเป็นแดร็กควีนแล้วเพลงอะไรต้องผ่านไปให้ได้...ยิ่งเพลงคลีเช่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่แล้ว




ฝากร้าน

The Face Men 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รีวิวละคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่