Inter​ Express​ ที่จัดส่งซิมการ์ด​ให้​ AIS​ เอาบัตรประชาชน​ผมไปวางบนฟอร์มร้องขอการใช้บริการแล้วถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต

เกริ่นก่อนนะครับว่าผมเป็นลูกค้า AIS มาสิบกว่าปี ทำเรื่องย้ายค่ายไปปีที่แล้ว  ตอนนี้จะกลับมาใช้บริการอีก และที่เล่าให้ฟัง ไม่ได้มีเจตนาจะไม่ใช้บริการ AIS ต่อ ตรงกันข้ามครับ อยากจะใช้บริการต่อ  แต่อยากร้องเรียนบางเรื่องที่ไม่โอเคที่เกิดขึ้นในการใช้บริการครับ

ผมสั่งซื้อซิมการ์ด​จาก​ AIS​ ออนไลน์จากเว็บไซต์​ AIS​ โดยตรง​ ซึ่งทาง​ AIS​ได้มอบหมายให้ทาง​ Inter​ ​Express​ เป็นผู้จัดส่งซิมการ์ดให้​ ใช้เวลาประมาณ​ 3 วัน​ ซิมการ์ด​มาส่งให้ตามที่อยู่ที่ให้ไว้​

แต่ตอนที่ทำการลงทะเบียนการใช้ซิมการ์ดนี่สิครับ​ พนักงานจัดส่งเขาแจ้งว่าสามารถที่จะลงทะเบียนกับเขาได้เลย​ หรือจะไปลงทะเบียนเองที่ศูนย์​ AIS​ ก็ได้​ ผมถามเขาว่าถ้าลงทะเบียนกับพนักงานจัดส่งเลยเนี่ต้องใช้อะไรบ้าง​ เขาตอบว่าใช้บัตรประชาชนได้เลยครับ​ เลยถามเผื่อว่าจะให้ถ่ายสำเนาบัตรไว้ให้ไหม​ จะได้ประหยัดเวลา​ เขาบอกว่าไม่ต้อง​ จะเสียบบัตรเข้าเครื่องอ่านสมาร์ท​การ์ด​โดยตรงเลย​ ไอ่เราก็โอเค​ ให้บัตรเขาไป

แต่สิ่งที่เขาทำหลังจากเสียบบัตรเข้าเครื่องอ่านนี่สิ​ เขาเอาแบบฟอร์ม​การร้องขอใช้บริการ​ (เป็นกระดาษ)​ ออกมา​ ซึ่งมันจะมีส่วนที่ต้องกรอกหมายเลขบัตรประชาชน​ ข้อมูล​ส่วนตัว​ พร้อมที่อยู่​   เขาเอาบัตรประชาชนเราไปวางทับตรงส่วนนั้นของฟอร์ม​ แล้วถ่ายรูป​ ส่งข้อมูล​ไปทางมือถือ​เข้าระบบของเขา​

มันเกิดขึ้นเร็วมากครับ​ ผมห้ามเขาไม่ทัน​ พอผมถามว่าลบรูปได้ไหม​ เขาตอบอย่างเดียวเลยครับว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว​เพราะส่งเข้าระบบไปแล้ว ผมไม่โอเคกับการกระทำแบบนี้เลยครับ

1. เขาถ่ายรูป​บัตรประชาชนผมไปโดยไม่ได้รับอนุญาต​ ย้ำนะครับว่าโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต​ ไม่มีการแจ้งก่อนว่าจะมีการถ่ายรูป​บัตรไว้​ ถ้าผมทราบก่อน​ ผมจะไม่อนุญาต​ และยินดีที่จะเดินทางไปทำการลงทะเบียนที่ศูนย์​ AIS​ ด้วยตัวเองครับ​

ผมยินดีให้ทาง​ AIS​ เก็บข้อมูลบัตรประชาชนผมไว้นะครับ​ แต่เป็นในรูปแบบการถ่ายเอกสารสำเนา​ โดยผมเซ็นกำกับว่าสำเนานั้นใช้กับ​การขอเปิดใช้บริการกับ​ AIS​ เท่านั้น​ ซึ่งเป็นแบบที่ยอมรับได้ทางกฎหมาย แต่การถ่ายรูปบัตรไว้​ โดยเฉพาะการทำโดยไม่แจ้งล่วงหน้า​โดยได้รับการยินยอมจากเจ้าของบัตร​ ผมถือว่าเป็นการชิงทรัพย์ครับ​

รูป​บัตรประชาชนผมมันเป็นข้อมูลส่วนตัว​ซึ่งผมไม่เคยให้ใครไว้เกินกว่าที่จำเป็นจะต้องให้​ ระบบของคุณที่รับส่งข้อมูลเหล่านี้​ ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหนผมก็ไม่ทราบ​ เกิดอยู่ดีๆข้อมูล​มันหลุดไป​ มีคนเอาข้อมูล​บัตรผมไปทำธุรกรรมบางอย่าง​ กู้เงิน​โดยที่ผมไม่ได้รับรู้ หรือทำอะไรผิดกฎหมาย​ คุณจะว่ายังไงครับ​ มันต่างกันนะครับที่คุณมีข้อมูล​สำเนาที่เขียนกำกับไว้ว่าอนุญาต​ให้ใช้สำเนานี้ในการทำธุรกรรมบางอย่างที่เฉพาะเจาะจง​เพียงอย่างเดียวกับธุรกรรม​นั้น กับการที่มีรูปบัตรประชาชนเพียวๆเลย​ สามารถปริ๊นออกมาแล้วเอาไปเขียนกำกับอะไรเพิ่มก็ได้ภายหลัง​ ผมไม่โอเคเลยครับ

2. ไม่แน่ใจว่าทาง​ AIS​ ได้เทรน​ Inter​ Express​ ให้ทำแบบนี้ หรือทาง​ Inter​ Express​ ได้จัดแจงทำแบบนี้เองโดยพละการ​ ซึ่งเท่าที่ผมสังเกต (จากการเดาของผมล้วนๆ)​ เหมือนต้องการจะประหยัดเวลาในการกรอกฟอร์มการร้องขอการใช้บริการ​ (เพราะว่ามันมีช่องให้กรอกข้อมูลเหล่านี้)​ แทนที่จะให้ลูกค้ากรอกข้อมูลดังกล่าวด้วยปากกา​ กลับเอาบัตรประชาชนผมไปวางทับส่วนนั้นของฟอร์ม​ แล้วถ่ายรูป​ โดยไม่ต้องกรอกข้อมูล​อะไรใดๆ​

คุณครับ​ ผมยอมเสียเวลา​ 3-5​ นาทีในการกรอกฟอร์มให้คุณครับ​ ถ้าจะเอาสำเนาบัตร​ ผมพร้อมถ่ายเอกสารพร้อมเซ็นกำกับให้เลย​ มันเป็นเอกสารทางกฎหมายนะครับ​ผมยินดีให้เวลาในการกรอก ผมไม่โอเคที่ทางคุณอยากให้มันเสร็จเร็วๆเลยตัดกระบวนการให้สั้นลงโดยการให้พนักงานเอาบัตรประชาชนลูกค้าไปวางตรงส่วนที่ต้องกรอกข้อมูลในฟอร์ม​แล้วถ่ายรูปไว้​ (แถมไม่แจ้งลูกค้าก่อนที่จะทำอีกว่าจะดำเนินการเช่นนั้น​ ว่าลูกค้ายินยอมหรือไม่)

3. พอเห็นว่ามีการดำเนินการนั้น​เช่น แล้วผมร้องขอให้มีการลบข้อมูล​ ซึ่งทางผมยินดีจะเดินทางไปดำเนินการสมัครการใช้บริการเองที่ศูนย์​​ถ้าการลบข้อมูลนั้นหมายถึงการแคนเซิล​ transaction นั้นๆ แต่กลับถูกแจ้งว่าลบไม่ได้​อย่างเดียว อันนี้ก็ไม่โอเคครับ​ คุณไม่มีระบบรองรับความผิดพลาดของพนักงานภาคสนามที่สามารถให้เขาแก้ไขหรือลบข้อมูลที่ผิดพลาดหน้างานได้เลยหรือครับ

4. ตอนที่ผมคอมเพลนกับพนักงานจัดส่ง​ เขาก็กดเบอร์โทร​ออกให้คุยกับหัวหน้าเขา​ หัวหน้าบอกว่ารับรองครับว่าข้อมูลไม่รั่วไหล​ แถมให้ชื่อกับเบอร์โทร​เขาไว้ด้วย​เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้น​ ชื่อกับเบอร์โทร​คุณที่ให้นั้นจริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ​ เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนผมก็ไม่รู้​  ตอนที่ผมคอมเพลน น้องพนักงานจัดส่งเขาดูตกใจ​ ผมก็ไม่สามารถทราบได้ว่าปลายสายที่ผมคุยด้วยนั้นเป็นหัวหน้าของเขาจริงๆ​ (ผมจะรู้ได้ไงว่าน้องเขาไม่ได้โทรหาใครก็ไม่รู้​ที่อาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยมาให้ช่วยดีลให้)​ และถึงจะเป็นหัวหน้าเขาจริงๆ  แต่ถ้าถึงเวลาที่มันเกิดเหตุอะไรขึ้นมากับข้อมูลส่วนตัวของผม​ มีคนเอาข้อมูลผมไปก่ออาชญากรรม​บางอย่าง​ คุณ​มีความสามารถที่จะรับผิดชอบอะไรยังไงครับถ้าเกิดเรื่องดังกล่าวจริงๆ (การที่ผมมีชื่อและเบอร์โทรของคุณหัวหน้าไว้มันจะช่วยอะไรได้ครับถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ) คุณไปหาทางติดต่อใครก็ตามในบริษัทที่มี authority ที่จะลบข้อมูลตั้งแต่ตอนนี้เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจะไม่เป็นการรับผิดชอบที่สมเหตุสมผลกว่าไหมครับ

แล้วจริงๆแทนที่จะหาวิธีการลบข้อมูลหรือแก้ไขสถานการณ์  กลับพยายามพูดกล่อมให้ผมโอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าไม่เป็นไรหรอก  ใครก็ทำกัน  โถคุณครับ ชิงทรัพย์ผมไป ไม่เอามาคืนหรือหาทางเอาคืนแล้วยังมาบอกผมว่าไม่เป็นไร  ใครๆก็โดนกัน  คนมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุชิงทรัพย์เองพยายามให้ผมทำใจกับการที่ของผมถูกขโมย โดยที่ไม่คิดจะเอาของมาคืนเลยหรือครับ

5. ร้องเรียนไปทางคอลเซ็นเตอร์ AIS​ แล้วครับ เขาพูดดีนะ บอกว่าจะตรวจสอบให้ แจ้งว่าตอนนั้นข้อมูลยังส่งมาไม่ถึงฝั่ง AIS ปกติจะใช้เวลา 24 ชม ซึ่งเขาจะติดต่อกลับถ้าได้รับข้อมูลนี้  แจ้งเวลาว่าประมาณบ่ายโมงวันรุ่งขึ้นจะติดต่อกลับ  ผมรอครับ  บ่ายโมงวันรุ่งขึ้นไม่มีการติดต่อกลับ ผมโทรกลับไปคอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่คนหลังตรวจสอบเคสผมดู  บอกว่าพนักงานที่รับเรื่องไว้ตอนแรกเขาหยุดงาน  จะกลับมาทำงานอีกสามวันข้างหน้าและเขียนโน้ตไว้ว่ากลับมาทำงานแล้วจะติดต่อลูกค้ากลับ​

5.1  AIS คอลเซ็นเตอร์คุณจะรับปากลูกค้าทำไมครับว่าจะติดต่อกลับถ้ารู้ตัวว่าจะหยุดงานและจะไม่ได้ติดต่อกลับตามที่นัด หรือถ้ารู้ตัวว่าจะไม่อยู่  ทำไมไม่มีการมอบหมายงานให้พนักงานท่านอื่นดูแลแทนครับ

5.2 ที่ AIS คอลเซ็นเตอร์ มีการเทรนพนักงานให้บันทึกเรื่องร้องเรียนที่พนักงานได้รับในกรณีที่เรื่องจะถูกส่งมอบให้หลายฝ่ายหลายคนดำเนินการไหมครับ ผมต้องมานั่งเล่าเรื่องให้พนักงานคอลเซ็นเตอร์คนที่สองฟังอีกรอบอย่างละเอียด

5.3 พนักงานคนที่สองรับเรื่องไปแทนและแจ้งว่าจะมีคนติดต่อกลับ และมีการติดต่อกลับมาติดตามว่ามีคนติดต่อกลับมาหรือยัง (อันนี้ถือว่าบริการดี) แต่พอมีคนติดต่อกลับมาบอกแค่ว่ายังคงตรวจสอบอยู่ จะแจ้งกลับในอีกสามวัน มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกสื่อสารก่อนหน้านี้ว่าข้อมูลนี้จะเข้ามาในระบบ AIS ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเรื่อง ซึ่ง ณ เวลานั้นมันก็เลย 24 ชั่วโมงดังกล่าวไปแล้ว

คือผมเข้าใจนะครับว่าการตรวจสอบตามกระบวนการอาจจะต้องใช้เวลา และถ้ามันเป็นการ ตรวจสอบเคสปกติที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกับข้อมูลและทรัพย์สินของลูกค้า  ผมยินดีรอตามระยะเวลากระบวนการตรวจสอบปกติครับ จะห้าวัน สิบวัน หรือ 1 เดือนผมก็ไม่ว่า แต่นี่คุณทราบไหมครับว่าเป็นเคสการโจรกรรมข้อมูล คุณไม่คิดจะหาทางเร่งกระบวนการเลยหรือครับ ถ้าจะต้องดำเนินเรื่องขึ้นไปถึงผู้จัดการแผนกหรือใครที่มี authority ที่จะทำให้การตรวจสอบมันรวดเร็วขึ้น มันก็เป็นการสมควรไม่ใช่หรือครับ

5.4 ซิมที่ผมสั่งซื้อมา  ต้องมีการ activate ภายใน 7 วัน (จากวันสั่งซื้อ หรือวันที่ได้รับซิม อันนี้ไม่ทราบแน่ชัด) ไม่อย่างนั้นหมายเลขที่ซื้อมาจะเป็นโมฆะไป  แล้วที่พวกคุณทำการตรวจสอบกันนานๆหลายวันเนี่ย จะมีผลต่อการ activate ซิมของผมไหมครับเพราะผมจะไม่ activate ซิมแน่นอนจนกว่าเรื่องเอกสารจะเรียบร้อยถูกต้อง ถ้าใช้เวลาตรวจสอบนานเกินไป แล้วซิมผมเป็นโมฆะ เสียเงินค่าซิมไปเปล่าๆ เบอร์ก็ใช้เวลาหาเป็นเดือนๆกว่าจะเจอเบอร์ที่ถูกใจ คุณคิดว่าในฐานะลูกค้าที่ตั้งใจจะกลับมาใช้บริการระยะยาวกับคุณ ผมได้รับการให้บริการแบบนี้ มันโอเคหรือเปล่าครับ

6. ผมปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน เขตที่เกิดเหตุแล้วครับ เขารับแจ้งความเรื่องนี้ (ที่บัตรถูกเอาไปถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต) AIS คุณจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนได้หรือยังครับ

ย้ำนะครับว่าตั้งกระทู้มานี่ไม่ได้มีเจตนาจะไม่ใช้บริการ AIS ต่อ แต่อยากให้รีบดำเนินการด่วนในเรื่องลบข้อมูลของผมที่คุณถ่ายรูปไปโดยไม่ได้รับอนุญาต (และผมพร้อมจะไปทำเอกสารแบบแมนวลที่ศูนย์บริการ) เพราะอยากให้เรื่องจบเร็วๆ และจะได้ใช้บริการตามปกติ (และถ้าคุณจะใช้เหตุการณ์นี้ไปปรับปรุงการให้บริการลูกค้าท่านอื่นๆ ก็เป็นของแถมบทเรียนที่มีค่าของคุณไป) ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่