ปลาย นักสืบจำเป็น - File 5 : ยูโดสังหาร [บทเฉลย]

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แนะนำตัวละคร




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

- 4 -

    จากการที่ปลายสวมชุดยูโดผิด ทำให้เขาสามารถไขปริศนาที่ค้างคาได้กระจ่างแล้ว เพราะสมมติฐานที่ตั้งไว้ตรงกับข้อมูลที่ได้มาพอดี

    แม้ปลายจะยังใส่ชุดยูโดของบอย แต่ดูท่าหนุ่มนักสืบจะไม่ฝึกซ้อมต่อแล้ว เขาหยิบมือถือขึ้นมา โทรหาสองลูกสมุนที่เหลือ เพื่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากเครือข่ายในแก๊ง พอได้ความแล้วจึงค่อยวางหูลง

    “แบบนี้เอง มิน่าล่ะ ถึงทำได้” ปลายเอ่ยขึ้น หันหน้าไปหาแอล “เอาล่ะ เราไปไขคดีกันเถอะ”

    หลังจากนั้น ปลายก็เอามือถือขึ้นมาโทรอีกครั้ง เมื่อเสร็จธุระแล้ว ทั้งสองก็ก้าวเข้าไปในห้องฝึกซ้อมทันที

    ที่ห้องฝึกซ้อม นักยูโดที่มาก่อนกำลังยืดกล้ามเนื้อ ฝึกซ้อมพื้นฐานกันอยู่ ปลายเดินตรงไปหาพวกเขาทั้งที่อยู่ในชุดบอยตั้งท่าพร้อม เพื่อที่จะพูดขึ้นมา

    แต่ไม่ทันที่ปลายพูด โหน่งกลับพูดขึ้นมาก่อน

    “เร็ว ๆ สิวะ จะซ้อมแล้ว” โหน่งพูดพร้อมจ้องมองดูชุดยูโดที่ปลายใส่ “แกบ้าเปล่า.. เอาชุดใครมาใส่เนี่ย ตัวเบ้อเร่อเลย”

    “เออ เออ ของไอ้บอยมัน” ปลายมองหน้าประธานชมรมยูโด “เอาเถอะ ฉันว่าแกและทุกคนต้องหยุดซ้อมแล้วว่ะ”

    “ทำไม?” โหน่งลุกขึ้นมานั่ง

    “มันถึงเวลาแล้วไงเพื่อน เวลาที่ทุกคนจะได้รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าบอย”

    พอได้ยินอย่างนี้ นักยูโดที่ซ้อมอยู่ ต่างหยุดมือ เข้ามาหาปลายกันหมด

    อาจารย์อันที่ยืนคุมลูกทีมอยู่ห่าง ๆ ก็เดินมาหาปลายเช่นกัน เธอพูดขึ้นว่า

    “มีอะไรหรือปลาย?”

    ปลายยิ้มตอบ “อาจารย์อันครับ พอดีผมไขคดีได้แล้ว แต่ตอนนี้ต้องรอหน่อยครับ”

    “รอ...” คราวนี้ตั้มพูดบ้าง “รออะไรล่ะ?”

    “รอให้ครบองค์ประชุม แป๊บเดียว ไม่นานหรอก”

    ซึ่งองค์ประชุมที่เหลือตามที่ปลายพูดก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง หนุ่มผมตั้งรอได้ไม่นาน สารวัตรธนูกับเหล่าตำรวจก็เดินทางมาถึงที่นี่

    เมื่อปลายเห็นหน้าสารวัตรหนุ่มก็รีบเดินเข้าไปหาและยกมือไหว้ “สวัสดีครับสารวัตร”

    นายตำรวจยกมือรับไหว้ แล้วจ้องหน้าปลาย “อืม... ปลาย เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงสามารถสั่งพวกฉันได้”

    ปลายยิ้ม ๆ ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ

    สารวัตรธนูเห็นหนุ่มผมตั้งไม่พูด จึงเอ่ยต่อ “เธอต้องการให้พวกฉันมาทำอะไรที่นี่ ถ้าเรื่องคดีนั้นทางเรากำลังสืบอยู่”

    “ครับ แต่ผมว่าสารวัตรคงไม่ต้องสืบแล้ว เพราะที่ผมเรียกสารวัตรมาที่นี่ ก็จะมาบอกว่าใครเป็นฆาตกรฆ่าบอยครับ”

    “อะไรเธอ! ทางตำรวจกำลังสืบอยู่ เธอจะมายุ่งอะไร”

    “งั้นหรือครับ”

        หนุ่มผมตั้งว่าแล้วก็กดมือถือโทรออกเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้เขาโทรหาพ่อของตัวเอง พูดคุยได้สักพักก็วางหูลง

    พอปลายวางสายได้ไม่นาน ก็มีเสียงริงโทนมือถือดังขึ้นมา เสียงนั้นดังมาจากมือถือของสารวัตรธนูนั่นเอง พอนายตำรวจหนุ่มเห็นชื่อผู้โทรเข้ารีบรับสายทันที

    “สวัสดีครับ มีอะไรหรือครับผู้กำกับฯ” สารวัตรธนูพูดตอบปลายสาย ผู้โทรมาคือ ผู้กำกับฯ ผู้บังคับบัญชาของเขานั่นเอง

    ซึ่งพอหลังจากที่สารวัตรธนูรับสาย ก็ได้ยินแต่เสียงตอบ “ครับ ครับ” ของจากปากของนายตำรวจเท่านั้น แล้วไม่นานเขาก็วางสายลง

    พอวางสายไป ไม่รู้เพราะเหตุใด สารวัตรธนูกลับมีท่าทีอ่อนลง ดูอำนาจลดทอนลงไป

    “เธอเป็นใครกันแน่!” สารวัตรธนูพูดประโยคเดิมอีกครั้ง “ไม่รู้ทำไมผู้กำกับ ฯ ถึงมีคำสั่งให้ฉันต้องเชื่อฟังสิ่งที่เธอพูดด้วย”

    ปลายเปลี่ยนจากยิ้มเป็นขึงขัง “สารวัตรครับ ผมว่า..ถึงผมจะเป็นใครนั้น มันไม่สำคัญหรอกครับ เรื่องที่สำคัญมากกว่าตอนนี้คือ ฆาตกรที่ฆ่าบอยคือมันใคร”

    “มันก็จริงของเธอ” สารวัตรธนูไม่พูดต่ออีก เดินไปหาที่เหมาะ ๆ นั่งรอการไขคดีของปลาย แต่ก็เหมือนจะได้ยินเสียงพึมพำจากปากสารวัตรว่า “คำสั่งผู้บังคับบัญชาขัดไม่ได้” ขึ้นหลายครั้ง คล้ายกับเตือนตัวเองไม่ให้ผิดคำสั่งของผู้กำกับฯ ที่ให้ปฏิบัติตามที่ปลายพูด ซึ่งตำรวจที่ติดตามมาก็เช่นกัน พวกเขาทำตามสารวัตร ไปรวมกลุ่มอยู่ใกล้ ๆ ผู้บังคับบัญชาของตน

    พอครบองค์ประชุมแล้ว ปลายก็เอ่ยขึ้นต่อ “ในเมื่อมากันครบแล้ว ก็ต้องเริ่มเลยนะครับ เริ่มดูจากสภาพภายในห้องของบอยก่อนนะครับ จะเห็นได้ว่าประตูห้องถูกล็อก ไม่มีทางออกทางไหนยกเว้นหน้าต่างที่เปิดอยู่ ซึ่งผมดูแล้วมันก็ไม่น่าจะใช่ทางที่ฆาตกรออกไปเลย ดังนั้น คดีนี้จึงเหมือนเป็นฆาตกรรมในห้องปิดตายก็ว่าได้”

    “ห้องปิดตายเหรอ..” สารวัตรธนูพูดขึ้น “อืม... ถ้าคิดว่าหน้าต่างนั้นไม่สามารถเข้าออกได้มันก็ใช่”

    “ครับ ..และอีกอย่าง ฆาตกรที่ฆ่าบอยก็อยู่ในหมู่พวกเรานี่แหละ” ปลายกางนิ้วทั้งห้าวาดมือไปทางทุกคน

    แน่นอนว่าต้องมีเสียงฮือฮาดังขึ้นตามมาหลังจากได้ยิน เพราะถ้าปลายพูดแบบนี้แสดงว่าทุกคนก็มีสิทธิ์เป็นฆาตกรได้

    ไม่สิ ต้องยกเว้นสารวัตรธนูและคณะ เขาก็เลยพูดขึ้นว่า

    “ทำไมเธอถึงคิดเช่นนั้น?”

    “ทำไมหรือครับ... งั้นทุกคนลองคิดดูนะ ไอ้บอยฝีมือมันระดับชาติแล้ว ตัวก็ใหญ่มหึมา ถึงมีมีดก็ใช่ว่าจะเข้าประชิดตัวมันได้ ฉะนั้น คนที่เข้าใกล้มันได้ ต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดกับมัน ซึ่งก็น่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มพวกเรานักยูโดที่เก็บตัวนี่แหละ”

    “หา! แกพูดอะไร งั้นฉันก็มีสิทธิ์ด้วยสิ” โหน่งร้อนตัวขึ้นมาเลย

    “ใช่ แกก็เป็นหนึ่งในนั้น” ปลายหันไปบอกเพื่อน “แต่จะเป็นใครน่ะหรือ... เราต้องมาดูที่ศพของบอยก่อน”

    “ดูศพหรือ... ทำไม?” สารวัตรธนูถาม

    “ก็มันมีจุดหนึ่งที่ผิดปกติไงครับ ที่ตำแหน่งแผลที่โดนมีดแทง สารวัตรลองนึกดูดี ๆ นะครับว่ามันค่อนข้างผิดปกติ แผลมันอยู่ต่ำกว่าปกติ อยู่ใต้สะดือตรงท้องน้อยเลย”

    “แล้วมันหมายความว่ายังไง?” คราวนี้ตั้มถามขึ้นบ้าง

    “ก็หมายความว่า.. ฆาตกรต้องตัวไม่น่าสูงเท่าไหร่ ผมคิดว่าประมาณ 160 กว่า ๆ ได้ ไม่งั้นบาดแผลน่าจะอยู่สูงกว่านี้ ซึ่งถ้าในพวกเราก็มี...”

    “ดีที่เราสูงกว่า รอดตัววุ้ย” โหน่งพูดแทรกขึ้นมา เขาท่าจะโล่งอก แต่ก็เหลือบไปมองเพื่อนผู้เงียบขรึม “บีเหรอว่ะ?”

    “ไม่ ไม่ใช่ฉัน” บีที่ไม่ค่อยพูดปฏิเสธขึ้นมา

    “ไม่ใช่บีหรอก” ปลายพูดต่อ ทุกคนจึงเงียบเพื่อฟังเขาต่อ “ยังมีคนที่สูง 160 กว่า ๆ อยู่อีกคน นั่นก็คือ...” หนุ่มผมตั้งเว้นช่วงให้ระทึกอีกแล้ว “...อาจารย์อัน!!”

    “ไม่นะ ไม่ใช่ฉันนะ” อาจารย์อันปฏิเสธขึ้นบ้าง คำปฏิเสธใกล้เคียงบีเลยทีเดียว เพียงเพิ่มคำว่า นะ เท่านั้น

    “นั่นสิ จะเป็นอาจารย์อันได้ไง ปลายแกมั่วเปล่าเนี่ย..” โหน่งช่วยสนับสนุน

    “เอาน่า ..แกรอดูก่อนนะเพื่อน” ปลายบอกโหน่ง แล้วค่อยหันไปหาอาจารย์อัน “อาจารย์อันครับ ผมว่ายังไงก็ต้องเป็นอาจารย์ ข้อมูลมันชี้ว่าเป็นอย่างงั้นนะครับ”

     อาจารย์อันนิ่งไป แล้วค่อยพูดต่อ  “นี่ปลาย ไม่ใช่ฉันแน่ ๆ ฉันจะไปทำได้อย่างไร ...ห้องบอยก็ล็อกอยู่ จะให้เข้าไปในห้องแล้วออกมาโดยที่ห้องยังล็อก แถมกุญแจก็อยู่ข้างในห้อง มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก  ...เธอสันนิษฐานผิดแล้ว”

    “ไม่หรอกครับ” ปลายพูดตอบ “ถึงมันจะดูเหมือนเป็นฆาตกรรมในห้องปิดตาย แต่มันมีวิธีที่ทำให้ห้องปิดตายนั้นกลายเป็นห้องปกติธรรมดาได้”

    หนุ่มผมตั้งจ้องมองไปที่อาจารย์อัน เอ่ยขึ้นต่อ “ก็ง่าย ๆ ครับ อาจารย์อันเข้าไปหาบอยในห้อง บอยเป็นลูกศิษย์ย่อมเปิดประตูให้อาจารย์เข้าไปอยู่แล้ว อาจจะคุยอะไรกันบางอย่าง เพื่อเข้าประชิดตัว แล้วใช้มีดแทงเขาไป เนื่องจากอาจารย์อันตัวเล็กกว่าบอยมาก ตำแหน่งที่แทงจึงอยู่ต่ำพอสมควร จากนั้นก็ค้นของภายในห้องให้กระจุยกระจายเหมือนใครมาค้นหาอะไร เอาของมีค่าของบอยไปด้วย แล้วค่อยทุบกระจกที่บานหน้าต่างและเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เพื่อจะได้คิดว่าเป็นคนข้างนอกเข้ามาทางหน้าต่าง แต่ก็ทำพลาดไปอย่างหนึ่ง อาจารย์ไปทุบกระจกจากข้างในห้อง ข้างในห้องจึงไม่มีเศษกระจกเลย เพราะถ้ามีใครทุบกระจกเข้ามาจากข้างนอก ก็น่าจะมีเศษกระจกอยู่ในห้องบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย ...แล้วสุดท้ายอาจารย์ก็ออกจากห้องปิดประตูล็อกห้องซะ”

    ทุกคนคิดตามที่ปลายอธิบาย แต่แล้วอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมยูโดก็พูดขึ้นมา

    “แต่ปลาย เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า?” อาจารย์สาวย้อนถาม “เธอก็น่าจะรู้นี่... ว่าประตูห้องของที่นี่ต้องล็อกด้วยกุญแจของห้องนั้นเท่านั้น ...แล้วกุญแจห้องบอยก็พบอยู่ในห้อง ฉันจะไปล็อกห้องนั้นได้ไง” เธอหยุดพูดหันมองปลาย “..ปลาย เธออย่าพยายามวิเคราะห์เลยดีกว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

    “ไม่หรอกครับ ไม่เห็นยากเลย ก็ใช้กุญแจสำรองไง”

    “อะไร.. ฉันจะไปมีกุญแจสำรองได้ไง เธอก็เห็นนี่...  ฉันต้องไปขอกุญแจสำรองกับผู้ดูแลเลย”

    “ใช่” สารวัตรธนูพูดขึ้นบ้าง “ผมตรวจดูแล้ว อาจารย์อัญฌุกาไม่มีกุญแจสำรอง มีแต่กุญแจห้อง 303 ของเธอ”

    ปลายมองหน้าทั้งคู่ เอ่ยขึ้นต่อ “หรือครับ งั้นทุกคนดูนี่” เขาหยิบกุญแจห้อง 201 ของตัวเอง และกุญแจห้อง 302 ของแอลขึ้นมาให้ดู “นี่เป็นกุญแจห้องผมและแอลครับ”

     “แล้วมันยังไงล่ะ?” สารวัตรธนูถาม

    “หึ.. ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจ ผมขออนุญาตสารวัตร ให้ลูกน้องเอากุญแจสองดอกนี้ไปไขห้องตามที่บอกไว้ในพวงกุญแจได้มั้ยครับ?”

    “อือ” สารวัตรธนูพยักหน้ารับ แล้วสั่งให้ลูกน้องเอากุญแจห้องทั้งสองดอกไปไขห้องตามที่ปลายบอก

    ซึ่งเมื่อตำรวจเอากุญแจห้องทั้งสองไปไข กลับปรากฏว่ากุญแจทั้งสองดอกไม่สามารถเปิดประตูห้อง 201 และ 302 ได้

    “กุญแจเสียหรือครับ?” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่เอากุญแจไปไขบอกกับสารวัตรธนู

    สารวัตรธนูยังงง ๆ ปลายเลยพูดขึ้นแทน “พี่ครับ คราวนี้ลองสลับกันนะครับ เอากุญแจห้อง 201 ไขห้อง 302 แล้วเอากุญแจห้อง 302 ไขห้อง 201 แทน”

    นายตำรวจที่เป็นคนทดสอบหันมองผู้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งสารวัตรธนูก็พยักหน้าให้ทำตามที่ปลายบอก เจ้าหน้าที่ทั้งสองจึงเดินไปไขตามนั้น

    เมื่อเจ้าหน้าที่สองนายนั้นไปไขห้องสลับกันตามที่ปลายบอก ปรากฏว่า กลับสามารถไขเปิดประตูห้อง 201 และ 302 ได้

    “มันหมายความว่าไงเนี่ย?” โหน่งพูดขึ้นบ้าง

    “หมายความอย่างนี้ไงเพื่อน...” ปลายคลี่ยิ้มหันมองหน้าโหน่ง “กุญแจทั้งสองนั้นถูกสลับกัน ..แต่จะสลับอย่างไรนั้น ...มันก็แบบนี้ไง” เขาดึงพวงกุญแจที่บอกหมายเลขห้องของทั้งสองดอกออก แล้วสลับพวงกุญแจนั้นเปลี่ยนกลับติดกุญแจของอีกดอก “...เพราะเรามัวไปยึดติด ว่าถ้ากุญแจห้องไหนคล้องด้วยพวงกุญแจบอกเลขห้องไหน ก็ต้องเป็นกุญแจของห้องนั้น ดังนั้น พอผมแกะเอาพวงกุญแจสองห้องมาสลับกัน ผลเป็นอย่างนี้แหละครับ”

    สารวัตรธนูนิ่งฟังที่ปลายพูดอย่างไม่ตกหล่น ท่าทางเขาจะคิดตามได้แล้ว “งั้นแสดงว่าอาจารย์อัญฌุกาได้เปลี่ยนกุญแจห้องตัวเองกับกุญแจสำรองห้องบอยใช่มั้ย?”

    “ถูกต้องครับ”

    มิน่าล่ะ... ตอนปลายแต่งชุดยูโดผิดถึงนึกออก เขาเผลอไปใส่ชุดของบอย เพราะเห็นสายคาดเอวสีเขียวของตัวเองวางไว้ที่ชุดบอย ซึ่งพอคิดไปคิดมา ทำให้หนุ่มผมตั้งคิดถึงการสลับพวงกุญแจบอกเลขห้องกันจนได้





(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่