คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ฝุ่นเนี่ยน่ากลัวกว่าเยอะ และมันเป็นปัญหาที่เรื้อรังมากกว่าน้ำท่วมด้วย
แล้วต้องรอให้มีคนตายเพราะมันก่อนเหรอถึงจะเรียกว่ารุนแรง
สูดหายใจเอาควันพิษเข้าไปทุกวัน ๆ ส่งผลกระทบต่อปอด ต่อสุขภาพนี่มันยังไม่รุนแรงอีกเหรอ
เราเป็นภูมิแพ้ วันแรกที่เป็นข่าวนี่เราแทบตาย ไม่ได้เวอร์นะแต่มันเป็นงั้นจริง ๆ หายใจโคตรลำบาก คนไม่เป็นคงไม่เข้าใจมั้ง
ละที่ว่าสภาพอากาศดีนี่มองด้วยตาหรือใช้ความรู้สึก?
น้ำท่วมปีนั้น กทมชั้นในกับบางพื้นที่ไม่ท่วมเลยด้วยซ้ำ
เทียบกันแล้ว ฝุ่นน่ากลัวกว่าเยอะเพราะมันกระทบเกือบหมดเลย ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพและปริมณฑล
แล้วต้องรอให้มีคนตายเพราะมันก่อนเหรอถึงจะเรียกว่ารุนแรง
สูดหายใจเอาควันพิษเข้าไปทุกวัน ๆ ส่งผลกระทบต่อปอด ต่อสุขภาพนี่มันยังไม่รุนแรงอีกเหรอ
เราเป็นภูมิแพ้ วันแรกที่เป็นข่าวนี่เราแทบตาย ไม่ได้เวอร์นะแต่มันเป็นงั้นจริง ๆ หายใจโคตรลำบาก คนไม่เป็นคงไม่เข้าใจมั้ง
ละที่ว่าสภาพอากาศดีนี่มองด้วยตาหรือใช้ความรู้สึก?
น้ำท่วมปีนั้น กทมชั้นในกับบางพื้นที่ไม่ท่วมเลยด้วยซ้ำ
เทียบกันแล้ว ฝุ่นน่ากลัวกว่าเยอะเพราะมันกระทบเกือบหมดเลย ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพและปริมณฑล
แสดงความคิดเห็น
น้ำท่วมปี ‘54 กับ ‘ฝุ่น PM 2.5’ อย่างไหนมีผลกับคนกรุงฯ มากกว่ากันครับ ทางด้านเศรฐกิจ, สังคม และสุขภาพ
ผลต่อสุขภาพคิดว่า ฝุ่นละออง จะส่งผลระยะยาวและรุนแรงมากกว่า
ผลทางเศรษฐกิจ รถไฟฟ้าเสร็จก็คงได้ใช้กัน ส่วนตัวทำโรงงานผลิต นำเข้าส่งออกอุปกรณ์การแพทย์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ปกติยังผลิตไม่ค่อยทัน
ตอนนี้คนงานแทบจะกินนอนในโรงงานเพราะออร์เดอร์ล้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แค่เล่าให้ฟังน่ะครับ
มีวิธีแก้ปัญหาในหน้างานที่สามารถลด ฝุ่นละออง ช่วยลดมลภาวะ เพราะคิดว่า 3 ปี จะส่งผลกับสุขภาพคนกรุงเทพฯ มากเกินไป (จะตายก่อนได้ใช้รถไฟฟ้า)