เมื่อพี่ยังสาว ต้องเลี้ยงน้อง(วัยรุ่น) เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงในวัย 29 ปี


จากใจพี่คนโต

                  ใครเป็นพี่คนโตขอให้ยกมือขึ้น จะบอกว่าความเป็นพี่นั้นเหมือนเป็นบุคคลที่มีภาระมาตั้งแต่กำเนิด เกิดก่อนแล้วยังต้องรับภาระตั้งแต่ยังเด็ก ต้องพึ่งพาตัวเอง หาเงินเอง ถูกมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบจากพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็กจำได้ก็น่าจะชั้น ป.3 -4 ก็ต้องทำงานบ้าน ดูแลน้อง ๆ พ่อแม่จะสอนให้ต้องแบ่งปัน นึกถึงน้อง ดูแลน้อง อดทน แบ่งเบาภาระพ่อแม่ จนติดเป็นนิสัยตอนโตว่าต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่ทำตัวให้เป็นภาระของคนอื่น รูปแบบนี้อาจจะไม่ได้ใช้กันทุกครอบครัว และลูกคนโตอีกหลายคนก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ทั้งหมด ก็ขึ้นกับสังคมและสภาพครอบครัวที่เลี้ยงดู
การเลี้ยงน้องวัยรุ่น(16 ปี)ในวัย 29 หยก ๆ เริ่มจะคล้อย 30 หน่อย ๆ ถือเป็นวัยที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว วัยทำงาน บ้างาน ดูเหมือนเป็นภาระที่หนักอึ้งพอสมควรสำหรับคนที่มีต้นทุนมาน้อย และเคยใช้ชีวิตคนเดียวมาโดยตลอด อยากไปไหนก็ไป กินอะไรก็กิน ไม่ค่อยมีเรื่องต้องห่วงกังวลมาก
                อารมณ์แม่วัยรุ่นน่าจะประมาณนี้ไหม มีลูกแต่ไม่มีสามีฟิวนี้แน่เลย 55 อยู่คนเดียวมันเหงาเปลี่ยวหัวใจ พอมีน้องมาอยู่ด้วยเท่านั้นแหละค่ะ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ เป้าหมายที่เคยตั้งไว้ ฝันที่อยากทำ ก็ต้องวางไว้กลางทางทั้งหมด เริ่มต้นใหม่เราจึงอยากมาแชร์ประสบการณ์แบ่งปันและเรียนรู้ไปพร้อมกันค่ะ โดยขอแบ่งเป็นช่วง ๆ จากประสบการณ์ของเราเอง เริ่ม...................................................


ช่วงที่ 1 ช่วงของการปรับตัว
                 จากที่เคยมีชีวิตอิสระ ไม่ต้องรับผิดชอบกำกับติดตามชีวิตใครมาก ก็ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เตรียมใจเตรียมตัว วางแผนการใช้เงิน และนับวันจะยิ่งทำตัวเหมือนแม่555 บ่นเก่งขึ้น ผู้หญิงก็มีความเป็นแม่อยู่ในตัวกันทุกคน คำกล่าวนี้จริงที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
น้องเองก็ต้องปรับตัวเยอะมากพอกับพี่ เพราะอยู่กับพี่ซึ่งไม่ใช่แม่ มันมีความต่างกัน คำว่าแม่ คือจะสงสารลูก กลัวลูกทำไม่ได้ เข้าไปทำให้เลยทันที เอาง่าย ๆ ว่าตามใจ  ส่วนคำว่าพี่(โดยส่วนตัว)จะไม่มีคำว่าสงสาร ใจแข็งและขัดใจโดยปกติแต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง โดยลักษณะของลูกคนเล็กนั้น เอาแต่ใจ มีชีวิตสบาย ๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร อยากได้อะไรก็ได้ พ่อแม่คาดหวังแต่ไม่ได้กดดันและไม่ต้องรับภาระทั้งหลายสืบต่อจากพ่อแม่ เพราะมีพี่ทำอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงจัดได้ว่าเกิดมาเป็นลูกคนเล็กนั้นสบายสุด ทำไมไม่เป็นอิฉัน ฮึ


ช่วงที่ 2 ปัญหา กลยุทธวิธีการจัดการ
            ยอมรับว่าเมื่อต้องดูแลน้องจากการมอบหมายชีวิตน้องทุกอย่างให้พี่เป็นคนดูแล ตั้งแต่อาหารการกิน เสื้อผ้าหน้าผม การหลับนอนและพฤติกรรมส่วนตัวเมื่อต้องอยู่กับคนหมู่มากและเข้าสังคม ปัญหาต้น ๆ หรืออาจจะเรียกว่าพฤติกรรมที่ขัดใจพี่ที่พบคือ 1.เล่นเกมส์ไม่สนใจคนรอบข้างและเก็บตัวอยู่ในห้อง 2.วางของไว้เรี่ยลาด 3.ไม่เก็บที่นอน 4.ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมาย เช่น เลิกเรียนมาต้องล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมองว่าเราเจ้าระเบียบ แต่เราคิดว่านี่คือทักษะที่เด็กต้องมี และต้องทำ เพราะโลกมันกว้างใหญ่ เด็กเชื่อเทคโนโลยีอย่างพี่ Google มากกว่าพ่อแม่ เราจึงต้องเท่าทัน เพราะน้องเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ปล.มีมากกว่านี้แต่จะขอยกมาแค่ปัญหายอดฮิตที่แก้แล้ว แก้อีกจนถึงปัจจุบัน
โดยมีวิธีการจัดการในแบบของเรา ซึ่งแต่ละคนอาจจะไม่สามารถใช้วิธีการเดียวกันได้ถึงแม้จะเป็นปัญหาเดียวกัน ขอยกตัวอย่างวิธีการแก้ปัญหาและจัดการกับปัญหาดังนี้
1.ติดเกมส์  ใช้วิธีการนั่งคุยกันสองคนในบรรยากาศที่สบาย ๆ ท่าทีที่เป็นมิตร เช่น ช่วงนี้พี่เห็นว่าน้องไม่มีสมาธิในการทำอะไรเลย มันเป็นเพราะอะไร อาจจะไม่ต้องคาดคั้นให้ได้คำตอบในตอนนั้น  
            1.1 โทรศัพท์เล่นวันละกี่ชั่วโมง ถ้าพี่ยังเห็นเล่นจนไม่ทำงาน รับผิดชอบในหน้าที่อยู่ ครั้งต่อไปจะให้พี่ทำยังไง  ครั้งแรกยังจะไม่หยุดเล่น จงพูดคุยในครั้งที่ 2 ไหนรับปากกับพี่ว่ายังไง ตกลงกันซิว่าจะใช้โทรศัพท์วันละกี่ชั่วโมง โดยให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง ถ้ายังเห็นเล่นเกินนั้นจะให้พี่ทำยังไง พอถึงคำถามนี้เขาจะเงียบคิด หรืออาจจะไม่ได้คำตอบเลย คอยสังเกตพฤติกรรมเขา ถ้ายังมีครั้งที่สามต้องใช้มาตรการเด็ดขาดคือ เรียกมาคุยกันแล้วบอกว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่เมื่อถึงเวลานอนกี่ทุ่มก็ตกลงกับเขา จะไปเก็บโทรศัพท์
บอกเลยว่าปัญหานี้ถึงกับควันออกหูมากเลยในช่วงแรก ทั้งปลง หงุดหงิด โมโห แนะนำให้หายใจเข้าลึก ๆ เพราะกรณีน้องเราเคยโมโหจนเลือดขึ้นหน้าเกือบต้องลงมือกัน แต่เพราะหายใจเข้าลึก ๆ และดึงสติกลับมาทัน บอกเลยว่าใจร่ม ๆ
ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผลกับน้องสาวคะ แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะค่ะ มันยังจะมีพฤติกรรมอื่นให้เราต้องคอยปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น

2. วางของไว้เรี่ยลาด ปัญหานี้กำลังพยายามหาวิธีการอยู่ค่ะ ซึ่งอยู่ในขั้นทดลองหาวิธี โอ้วแม่เจ้าแต่ละข้อไม่ใช่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ ถ้าเราสังเกตและดูแลเขาด้วยความรักจริง ๆ ปัญหาแต่ละข้อที่ต้อปรับเปลี่ยนทำเอานึกถึงหัวอกของความเป็นพ่อแม่ทุกครั้งไป

3.ไม่เก็บที่นอน ผ้าห่ม อันนี้คือนอนคนละห้องกับน้องสาว แต่ทุกเช้าหลังจากเขาไปเรียน จะเข้าไปดูห้องน้องทุกวัน มาหาวิธีการปรับเปลี่ยนกัน ต้องบอกว่าเราเองต้องเป็นตัวอย่างก่อน และมันอาจจะไม่ได้ผลในบางคนโดยเฉพาะน้องของฉันคะ เราจัดการด้วยการพูดคุยก่อนว่านอนตื่นทุกวันต้องเก็บที่นอน พับผ้าห่มเป็นระเบียบก่อนออกจากห้อง   หลังจากนั้นก็ไปดูทุกเช้าคะว่าทำไหม ถ้าไม่ทำแนะนำวิธีนี้ค่ะ ถ่ายรูปผ้าห่มที่เขาไม่เก็บส่งไปให้ทาง Messenger Facebook คะ เขาก็จะตอบกลับมาว่าลืมหรือรีบ ซึ่งเราก็ไม่ต้องด่าทอหรือตอบโต้อะไร แต่ขอให้ตามดูพฤติกรรมเขาทุกวัน จะดีขึ้นในช่วง 2-3 วันแรก แล้วเราก็ทำวิธีเดิมจนกว่าเขาจะเก็บของ อันนี้ต้องใช้ความอดทนและขยั่นพูดบ่อย ๆ กะตุ้นบ่อย ๆ วันไหนที่เขาทำเรียบร้อยก็ชื่นชม วันนี้เก็บผ้าห่มที่นอนได้เรียบร้อยมากดีเริ่ด หาภาษาที่เหมาะกับวัยเขามาชม ตอนนี้พฤติกรรมนี้ก็ปรับเปลี่ยนได้แล้วค่ะ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

4.ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมาย เช่น เลิกเรียนมาต้องล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน      อันนี้คือใช้การพูดอย่างเดียวเลยคะ โดยคุยกันว่าถ้าน้องจะไปไหน ไปทำอะไรพี่ไม่ว่า แต่ขอให้ทำงานให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถ้าไม่ชอบบ่นก็ทำเพราะคนบ่นก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยกว่าคนโดนบ่นหรอกนะ อันนี้ต้องกระตุ้นบ่อยหน่อย เตือนความจำเป็นระยะ ๆ เพราะจะมีช่วงที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายอาทิตย์ ปล่อยให้น้องอยู่กับน้า แต่ข้อดีของน้าคือไม่บ่น ไม่ว่า ไม่บอกถ้าไม่ทำก็ปล่อยให้อยู่แบบสกปรกไป จานไม่ล้างเมื่อถึงเวลาไม่มีใส่เขาจะไปล้างเอง ถ้ากรณีที่ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลเขาในบางช่วง อาจจะต้องมีคนมาช่วยดูแลที่เข้าใจในวัยของเด็ก เราก็จะไปไหนมาไหนด้วยความห่วงน้อยลง
เอาเป็นว่าขอยกตัวอย่างการจัดการและวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไว้เท่านี้ก่อนนะค่ะ ถ้าเจอปัญหาหรือมีเรื่องราวอะไรระหว่างต้องดูแลน้องอยู่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในโอกาสต่อไปคะ สำหรับช่วงที่ 2 ปัญหา กลยุทธวิธีการจัดการคงต้องขอเล่าไว้เบื้องต้นเพียงแค่นี้ ติดตามได้ในช่วงที่ 3 เรื่องการจัดการอารมณ์และควบคุมสตินะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่