เราอยากจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาค่ะ
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรจะมีเรื่องหมาบางแก้วถูกทิ้งหรือหลงมาเยอะมากๆ ซึ่งเราเองก็ช่วยน้องหมามาเยอะมาก เป็นเหตุบังเอิญว่าน้องหมาที่บ้านเสียชีวิตลงหลายตัวตามอายุขับของเขา เราเลยได้ช่วยน้องหมาบางแก้วหลายตัว ซึ่งเจ้าของโพสเขาก็ลงหาบ้าน ไปด้วยเช่นเดียวกัน น้องหมาที่เราช่วยก็จะอยู่ระแวกบ้านเราซะส่วนใหญ่
และน้องหมาบางแก้วก็เป็นพันธุ์หนึ่งที่คนไม่กล้าช่วย ไม่กล้าจับ แต่เราเคยสัญญากับบัตเตอร์หมาบางแก้วพิการตอนเขาเสียชีวิตไปว่า ความรักและความเมตตาของเราจะถูกส่งต่อให้กับหมาบางแก้ว ที่มีวาสนากับเรา ที่เขาอาจโผล่มาให้เราเห็นด้วยทางไหนก็ตาม และช่วงนี้ก็ได้ช่วยหมาบางแก้วมาแล้ว 4 ชีวิต หมาพันธุ์ชิสุอาจผสมเทอเรียอีกหนึ่งชีวิตค่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม เราตื่นมาตี 5กว่า ก็เจอเคสนี้ค่ะ
https://www.facebook.com/groups/rakmha/permalink/1412284248938430/
พอสายๆกลุ่ม บางแก้วsos ก็เข้ามาทักว่า เคสนี้อยู่ใกล้บ้านเรามั๊ย เราเลยบอกว่า เราเห็นตั้งแต่เมื่อเช้า และตั้งใจว่า จะเข้าไปดูอยู่แล้ว
สายๆเราก็เริ่มเดินทางไปคนเดียว ตรงลำลูกกาคลอง 2 แต่ในระหว่างเดินทาง หลานสาวเราโทรเข้ามา ว่า " อี๊อยู่ที่ไหน เราตอบว่า ออกมาข้างนอก เลยถามว่ามีอะไร เขาเลยบอกว่า แม่เลี้ยงเราช็อค รถพยาบาล มารับแล้ว และกำลัง ปั๊มหัวใจอยู่ ......ถ้าอีกครึ่งชม.ไม่ฟื้น ....ก็คง.... "
และพ่อเราเองก็ออกไปสาธารณะสุข ตั้งแต่เช้า เนื่องจากความดันสูง ถึง 200 กว่า ซึ่งหลานอีกคนกำลังดูแลพ่อเราอีกที่หนึ่ง ส่วนพี่สาวเราก็กำลังอยู่ที่ รพ.กับแม่เลี้ยงเรา หลานสาวที่โทรหาเราก็ไม่รู้จะโทรหาใคร ก็ต้องโทรปรึกษาเราตลอดว่า จะเอายังไงดี ช่วงนั้นเราคงสะดวกที่สุดในการติดต่อ เราเลยโทรบอกน้องชายเราด้วย ถึงสถานะการณ์ต่างๆ เขาทำงานยุ่งมากๆ มีเราคนเดียวที่ต้องคอยรับฟังปัญหาของที่บ้าน.....
สักพักหลานสาวเราโทรมาอีกว่า สาธารณสุข จะส่งพ่อเราไปรักษาต่อที่รพ. ซึ่งแม่เลี้ยงเรากำลังปั๊มหัวใจอยู่ และ ช่วงเวลานั้น หลานสาวเราก็แจ้งว่า " แม่เลี้ยงเราเสียชีวิตแล้ว " เราเลยบอกหลานอีกคนว่า อย่าบอกพ่อเรา ว่าแม่เลี้ยงเราเสียชีวิตแล้ว กลัวพ่อเราช็อคไปอีกคน ใครจะไปคิดค่ะว่า แม่เลี้ยงเราจะเสียชีวิตอย่างกระทันหัน หลานสาวเราบอกว่า เมื่อเช้ายังเจอกันอยู่เลยอี๊ แล้วร้องไห้สะอื้น เราเลยบอกว่า ยังไงตอนนี้ปิดพ่อเราไว้ก่อน
ทางคุณหมอทางสาธารณะสุขก็โทรคุยกับคุณหมอทางรพ.ถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าต้องปิดเอาไว้ก่อน เพราะจะไปเจอกันที่ รพ.เดียวกัน สุดท้ายพอพ่อเรา ไปถึงรพ.ก็มีญาติทางแม่เลี้ยงเรา โทรไปบอกพ่อเราเรื่องนี้ ในขณะที่ พ่อเราความดันก้ยังสูงไป 200 กว่า หลานสาวเราก็ปรึกษาตลอดเวลา ที่เราขับรถไปช่วยน้องหมา วันนั้น โทรศัพท์อีกเครื่องแบตหมดไปเลยทีเดียว เลยอีกเครื่องที่ใช้ได้ ในขณะที่ กำลังไปช่วยน้องหมาด้วย
หลังจากที่ พ่อเรารู้เรื่องเขาก็ไปดูศพแม่เลี้ยงเรา และบอกว่า เมื่อเช้ายังเจอกันอยู่เลย .....และวันนั้นบ่าย3 โมงกว่า เขาต้องเคลื่อนศพไป และอาบน้ำศพ คุณหมอก็เช็คความดันพ่อเราว่า ต้องแอดมิท แต่พ่อเราไม่ยอม อยากออกไปรดน้ำศพด้วย จนหลานสาวโทรมาถามเราว่า จะเอายังไง เราเลยบอกว่า ห้ามเขาไม่ได้หรอก เขาอยู่กันมาหลายปี เราก้ต้องยอมให้พ่อเราออกมาและไปรดน้ำศพ ในขณะที่ ความดันลงมา 190 กว่าแล้ว
จนคุณหมอ ต้องให้พ่อเราเซ็นยินยอม และในช่วงที่ที่พ่อเราจะออกจาก รพ. ความดันก็ลงมาอยู่ที่ 160 กว่าแล้วค่ะ และได้ออกจาก รพ.มารดน้ำศพด้วย แต่ต้องให้หลานๆช่วยกันดูแลกันอย่างเต็มที่.....
และในช่วงเวลาหนึ่ง เราก็ไปช่วยน้องหมาบางแก้ว ใครๆก็จับไม่ได้ นอกจากน้องอีกคนที่เจอเขาคนแรก มีคนเห็นว่ามีคนถึบเขาลงที่หน้าวัด เคสนี้ทางบางแก้ว sos จะออกค่าใช้จ่ายค่าทำหมัน ค่าใช้จ่ายต่างๆที่คลีนิคให้ทั้งหมด และมาพักฟื้นที่บ้านเรา จนกว่าจะได้บ้านค่ะ น้องหมาดูอ้วนมาก และยอมแค่คนเดียว
และน้องเขาก้เรียกหนุ่มๆระแวกนั้นมาช่วยจับ ซึ่งเราก็เตรียมกรงกับที่ครอบปากไปพร้อม ในช่วงที่ดันหมาเข้าไปในกรง เขาไม่ยอมเข้า จนเราบอกว่า พลิกกรงไปด้านข้างเพื่อให้ตัวเขาลงไปเอง เพราะดันไม่เข้า ดิ้นสุดฤทธิ์ แต่ตอนพลิกกรง สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าคือ ปลอกคอเขาไปเกี่ยวกับกรง รัดคอน้องหมา และเขากำลังลิ้นห้อย น้ำลายฟูมปาก เราดึงห่วงไม่ออก จนเรียกให้หนุ่มๆช่วยแกะกน่อย เพราะมันกำลังรัดคอหมา พอเอาออกได้โล่งใจเลยทีเดียวค่ะ
สุดท้ายก็สามารถเอาเขาขึ้นรถ และไปส่งที่คลีนิคเพื่อที่จะทำหมันเขา ก่อนไปรักษาตัวที่บ้าน รุ่งเช้าคุณหมอแจ้งว่า เขาทำหมันแล้วมาแล้ว และได้ตรวจผลเลือด ทุกอย่างปกติ ฉีดวัคซีน เห็บหมัด ซึ่งทางบางแก้ว sos รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ค่ะ ตอนนี้ก้รอหาบ้านอยู่ค่ะ
ใครจะไปนึกว่า แค่วันเดียวเหตุการณ์ จะเกิดขึ้น มาพร้อมกัน และ หลังจากนั้น เราก็มีเรื่องคุยกับทางบ้านทุกวัน เรื่องพ่อเรา เรื่องจัดงานอีก เรียกได้ว่า เล่นเอาค่าโทรศัพท์ โอเว่อร์เกินพิกัดเลยค่ะ
ตลอดเวลาที่เราช่วยน้องหมาบางแก้วทุกๆตัว เราเชื่อเสมอว่า เขามีสัญชาตญาณรับรู้ได้ และความรักและความเมตตาจะช่วยปรับพฤติกรรมของบางแก้วได้จริงๆ แต่เราต้องเป็นผู้ที่ไม่กลัวด้วย แสดงให้เขารู้ว่า เราเป็นเจ้านายของคุณ เท่านั้นก็พอค่ะ
ไม่จำเป็นต้องเรียกใครมาจับถ้าใจเรากล้าพอ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยยิงยากันค่ะ เราช่วยมาบางตัว ต้องวางแผน ก่อนตลอด และไปช่วยทีไรก็ไม่ได้ขอรับบริจาค ไม่มีค่าน้ำมันอะไรเลย ไม่มีค่าอาหาร แต่เราจะช่วยเท่าที่มีกำลัง ทำมาหากินเลี้ยงเด็กๆ จริงๆ โชคดีที่เจอเพื่อนๆ ที่ศรัทธา เรา และช่วยสนับสนุนค่าอาหารให้เด็กๆ เราตามโอกาส
ผลแห่งบุญและผลแห่งทาน ที่เกิดขึ้น จากความเมตตาของเพื่อนๆ ก็ขอให้ส่งผลถึงทุกๆท่าน และเด็กๆ 4 ขาทั้งหมดด้วยนะคะ เราเชื่อว่า ทุกคนยินดีที่จะปิดทองหลังพระ ไปพร้อมๆกับเรา โดยแท้จริงๆ เราระลึกถึงเพื่อนๆทุกๆคน ที่ร่วมเมตตา ถึงแม้เราไม่ลงชื่อขอบคุณหน้าเฟส ( บางทีก็เป็นการดี เพราะถ้ารู้ว่าใครบริจาค ทุกคนอยากแอดเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ) แต่เราแผ่ผลบุญกุศลให้ผู้บริจาค ผู้ช่วยเหลือเด็กๆ บ้านเราทุกวัน นะคะ แค่ได้ทำ ก็เกิดปิติ แล้วค่ะ รับอานิสงค์ร่วมกันนะคะ
เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ในวันเดียวกัน ทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องน้องหมาบางแก้วที่ถูกคนมาทิ้ง
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรจะมีเรื่องหมาบางแก้วถูกทิ้งหรือหลงมาเยอะมากๆ ซึ่งเราเองก็ช่วยน้องหมามาเยอะมาก เป็นเหตุบังเอิญว่าน้องหมาที่บ้านเสียชีวิตลงหลายตัวตามอายุขับของเขา เราเลยได้ช่วยน้องหมาบางแก้วหลายตัว ซึ่งเจ้าของโพสเขาก็ลงหาบ้าน ไปด้วยเช่นเดียวกัน น้องหมาที่เราช่วยก็จะอยู่ระแวกบ้านเราซะส่วนใหญ่
และน้องหมาบางแก้วก็เป็นพันธุ์หนึ่งที่คนไม่กล้าช่วย ไม่กล้าจับ แต่เราเคยสัญญากับบัตเตอร์หมาบางแก้วพิการตอนเขาเสียชีวิตไปว่า ความรักและความเมตตาของเราจะถูกส่งต่อให้กับหมาบางแก้ว ที่มีวาสนากับเรา ที่เขาอาจโผล่มาให้เราเห็นด้วยทางไหนก็ตาม และช่วงนี้ก็ได้ช่วยหมาบางแก้วมาแล้ว 4 ชีวิต หมาพันธุ์ชิสุอาจผสมเทอเรียอีกหนึ่งชีวิตค่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม เราตื่นมาตี 5กว่า ก็เจอเคสนี้ค่ะ
https://www.facebook.com/groups/rakmha/permalink/1412284248938430/
พอสายๆกลุ่ม บางแก้วsos ก็เข้ามาทักว่า เคสนี้อยู่ใกล้บ้านเรามั๊ย เราเลยบอกว่า เราเห็นตั้งแต่เมื่อเช้า และตั้งใจว่า จะเข้าไปดูอยู่แล้ว
สายๆเราก็เริ่มเดินทางไปคนเดียว ตรงลำลูกกาคลอง 2 แต่ในระหว่างเดินทาง หลานสาวเราโทรเข้ามา ว่า " อี๊อยู่ที่ไหน เราตอบว่า ออกมาข้างนอก เลยถามว่ามีอะไร เขาเลยบอกว่า แม่เลี้ยงเราช็อค รถพยาบาล มารับแล้ว และกำลัง ปั๊มหัวใจอยู่ ......ถ้าอีกครึ่งชม.ไม่ฟื้น ....ก็คง.... "
และพ่อเราเองก็ออกไปสาธารณะสุข ตั้งแต่เช้า เนื่องจากความดันสูง ถึง 200 กว่า ซึ่งหลานอีกคนกำลังดูแลพ่อเราอีกที่หนึ่ง ส่วนพี่สาวเราก็กำลังอยู่ที่ รพ.กับแม่เลี้ยงเรา หลานสาวที่โทรหาเราก็ไม่รู้จะโทรหาใคร ก็ต้องโทรปรึกษาเราตลอดว่า จะเอายังไงดี ช่วงนั้นเราคงสะดวกที่สุดในการติดต่อ เราเลยโทรบอกน้องชายเราด้วย ถึงสถานะการณ์ต่างๆ เขาทำงานยุ่งมากๆ มีเราคนเดียวที่ต้องคอยรับฟังปัญหาของที่บ้าน.....
สักพักหลานสาวเราโทรมาอีกว่า สาธารณสุข จะส่งพ่อเราไปรักษาต่อที่รพ. ซึ่งแม่เลี้ยงเรากำลังปั๊มหัวใจอยู่ และ ช่วงเวลานั้น หลานสาวเราก็แจ้งว่า " แม่เลี้ยงเราเสียชีวิตแล้ว " เราเลยบอกหลานอีกคนว่า อย่าบอกพ่อเรา ว่าแม่เลี้ยงเราเสียชีวิตแล้ว กลัวพ่อเราช็อคไปอีกคน ใครจะไปคิดค่ะว่า แม่เลี้ยงเราจะเสียชีวิตอย่างกระทันหัน หลานสาวเราบอกว่า เมื่อเช้ายังเจอกันอยู่เลยอี๊ แล้วร้องไห้สะอื้น เราเลยบอกว่า ยังไงตอนนี้ปิดพ่อเราไว้ก่อน
ทางคุณหมอทางสาธารณะสุขก็โทรคุยกับคุณหมอทางรพ.ถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าต้องปิดเอาไว้ก่อน เพราะจะไปเจอกันที่ รพ.เดียวกัน สุดท้ายพอพ่อเรา ไปถึงรพ.ก็มีญาติทางแม่เลี้ยงเรา โทรไปบอกพ่อเราเรื่องนี้ ในขณะที่ พ่อเราความดันก้ยังสูงไป 200 กว่า หลานสาวเราก็ปรึกษาตลอดเวลา ที่เราขับรถไปช่วยน้องหมา วันนั้น โทรศัพท์อีกเครื่องแบตหมดไปเลยทีเดียว เลยอีกเครื่องที่ใช้ได้ ในขณะที่ กำลังไปช่วยน้องหมาด้วย
หลังจากที่ พ่อเรารู้เรื่องเขาก็ไปดูศพแม่เลี้ยงเรา และบอกว่า เมื่อเช้ายังเจอกันอยู่เลย .....และวันนั้นบ่าย3 โมงกว่า เขาต้องเคลื่อนศพไป และอาบน้ำศพ คุณหมอก็เช็คความดันพ่อเราว่า ต้องแอดมิท แต่พ่อเราไม่ยอม อยากออกไปรดน้ำศพด้วย จนหลานสาวโทรมาถามเราว่า จะเอายังไง เราเลยบอกว่า ห้ามเขาไม่ได้หรอก เขาอยู่กันมาหลายปี เราก้ต้องยอมให้พ่อเราออกมาและไปรดน้ำศพ ในขณะที่ ความดันลงมา 190 กว่าแล้ว
จนคุณหมอ ต้องให้พ่อเราเซ็นยินยอม และในช่วงที่ที่พ่อเราจะออกจาก รพ. ความดันก็ลงมาอยู่ที่ 160 กว่าแล้วค่ะ และได้ออกจาก รพ.มารดน้ำศพด้วย แต่ต้องให้หลานๆช่วยกันดูแลกันอย่างเต็มที่.....
และในช่วงเวลาหนึ่ง เราก็ไปช่วยน้องหมาบางแก้ว ใครๆก็จับไม่ได้ นอกจากน้องอีกคนที่เจอเขาคนแรก มีคนเห็นว่ามีคนถึบเขาลงที่หน้าวัด เคสนี้ทางบางแก้ว sos จะออกค่าใช้จ่ายค่าทำหมัน ค่าใช้จ่ายต่างๆที่คลีนิคให้ทั้งหมด และมาพักฟื้นที่บ้านเรา จนกว่าจะได้บ้านค่ะ น้องหมาดูอ้วนมาก และยอมแค่คนเดียว
และน้องเขาก้เรียกหนุ่มๆระแวกนั้นมาช่วยจับ ซึ่งเราก็เตรียมกรงกับที่ครอบปากไปพร้อม ในช่วงที่ดันหมาเข้าไปในกรง เขาไม่ยอมเข้า จนเราบอกว่า พลิกกรงไปด้านข้างเพื่อให้ตัวเขาลงไปเอง เพราะดันไม่เข้า ดิ้นสุดฤทธิ์ แต่ตอนพลิกกรง สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าคือ ปลอกคอเขาไปเกี่ยวกับกรง รัดคอน้องหมา และเขากำลังลิ้นห้อย น้ำลายฟูมปาก เราดึงห่วงไม่ออก จนเรียกให้หนุ่มๆช่วยแกะกน่อย เพราะมันกำลังรัดคอหมา พอเอาออกได้โล่งใจเลยทีเดียวค่ะ
สุดท้ายก็สามารถเอาเขาขึ้นรถ และไปส่งที่คลีนิคเพื่อที่จะทำหมันเขา ก่อนไปรักษาตัวที่บ้าน รุ่งเช้าคุณหมอแจ้งว่า เขาทำหมันแล้วมาแล้ว และได้ตรวจผลเลือด ทุกอย่างปกติ ฉีดวัคซีน เห็บหมัด ซึ่งทางบางแก้ว sos รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ค่ะ ตอนนี้ก้รอหาบ้านอยู่ค่ะ
ใครจะไปนึกว่า แค่วันเดียวเหตุการณ์ จะเกิดขึ้น มาพร้อมกัน และ หลังจากนั้น เราก็มีเรื่องคุยกับทางบ้านทุกวัน เรื่องพ่อเรา เรื่องจัดงานอีก เรียกได้ว่า เล่นเอาค่าโทรศัพท์ โอเว่อร์เกินพิกัดเลยค่ะ
ตลอดเวลาที่เราช่วยน้องหมาบางแก้วทุกๆตัว เราเชื่อเสมอว่า เขามีสัญชาตญาณรับรู้ได้ และความรักและความเมตตาจะช่วยปรับพฤติกรรมของบางแก้วได้จริงๆ แต่เราต้องเป็นผู้ที่ไม่กลัวด้วย แสดงให้เขารู้ว่า เราเป็นเจ้านายของคุณ เท่านั้นก็พอค่ะ
ไม่จำเป็นต้องเรียกใครมาจับถ้าใจเรากล้าพอ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยยิงยากันค่ะ เราช่วยมาบางตัว ต้องวางแผน ก่อนตลอด และไปช่วยทีไรก็ไม่ได้ขอรับบริจาค ไม่มีค่าน้ำมันอะไรเลย ไม่มีค่าอาหาร แต่เราจะช่วยเท่าที่มีกำลัง ทำมาหากินเลี้ยงเด็กๆ จริงๆ โชคดีที่เจอเพื่อนๆ ที่ศรัทธา เรา และช่วยสนับสนุนค่าอาหารให้เด็กๆ เราตามโอกาส
ผลแห่งบุญและผลแห่งทาน ที่เกิดขึ้น จากความเมตตาของเพื่อนๆ ก็ขอให้ส่งผลถึงทุกๆท่าน และเด็กๆ 4 ขาทั้งหมดด้วยนะคะ เราเชื่อว่า ทุกคนยินดีที่จะปิดทองหลังพระ ไปพร้อมๆกับเรา โดยแท้จริงๆ เราระลึกถึงเพื่อนๆทุกๆคน ที่ร่วมเมตตา ถึงแม้เราไม่ลงชื่อขอบคุณหน้าเฟส ( บางทีก็เป็นการดี เพราะถ้ารู้ว่าใครบริจาค ทุกคนอยากแอดเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ) แต่เราแผ่ผลบุญกุศลให้ผู้บริจาค ผู้ช่วยเหลือเด็กๆ บ้านเราทุกวัน นะคะ แค่ได้ทำ ก็เกิดปิติ แล้วค่ะ รับอานิสงค์ร่วมกันนะคะ