ดุสิตโพล เผยผลสำรวจกว่าร้อยละ 63 มอง “ไม่คุ้มค่า” หากเลื่อนเลือกตั้ง
https://workpointnews.com/2019/01/13/เผยผลสำรวจกว่าร้อยละ-63-ม/
สวนดุสิตโพล เผย ผลสำรวจประชาชนกลุ่มตัวอย่าง มอง “เลื่อนเลือกตั้ง” ไม่คุ้มค่ากว่าร้อยละ 63 แต่ข้อดีคือผู้สมัคร-พรรคการเมือง มีเวลาหาเสียง, ประชาชนมีเวลาตัดสินใจมากขึ้น
วันที่ 13 ม.ค. สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 1,029 คน ระหว่างวันที่ 8-12 มกราคม 2562 เรื่อง ประชาชนคิดอย่างไร? กับการเลื่อนเลือกตั้ง จากกระแสข่าวการเลื่อนวันเลือกตั้งที่อาจไม่ใช่ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามเดิม ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แต่ถึงอย่างไร หากจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนเลือกตั้ง กกต.จะต้องจัดการให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ตามกรอบกฎหมายที่กำหนด
ผลสำรวจพบว่า 3 อันดับแรก กลุ่มตัวอย่างประชาชนคิดว่า
ร้อยละ 31.50 ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวม ไม่สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง
ร้อยละ 23.32 กกต.ต้องประกาศวัน เวลา เลือกตั้งที่ชัดเจน
ร้อยละ 20.11 ส่งกระทบกับรัฐบาลและกกต. มีกระแสข่าวในทางลบ
สำหรับ “ข้อดี” ของการเลื่อนการเลือกตั้ง กลุ่มตัวอย่างประชาชนมองว่า
ร้อยละ 48.45 ทั้งผู้สมัครและพรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัว ลงพื้นที่หาเสียงได้มากขึ้น
ร้อยละ 29.19 กกต.มีเวลาเตรียมการต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างรอบคอบ รัดกุม
ร้อยละ 27.95 ประชาชนมีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น
“ข้อเสีย” ของการเลื่อนเลือกตั้ง
ร้อยละ 49.17 บ้านเมืองขาดเสถียรภาพ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ร้อยละ 44.97 ทิศทางการเมืองไม่ชัดเจน อึมครึม เสียเวลา
ร้อยละ 30.70 เกิดความขัดแย้ง ใส่ร้าย โจมตีทางการเมืองมากขึ้น
เมื่อพิจารณาแล้ว ประชาชนคิดว่า การเลื่อนเลือกตั้ง จะทำให้เกิดความคุ้มค่าหรือไม่ ?
ร้อยละ 63.75 ไม่คุ้มค่า เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจ การเมืองขาดเสถียรภาพ เสื่อมเสียภาพลักษณ์ เป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง
ร้อยละ 36.325 คุ้มค่า เพราะมีเวลาในการเตรียมพร้อม และพิจารณาดำเนินการเรื่องต่างๆ ได้อย่างรอบคอบมากขึ้น จะได้ไม่เสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
'หญิงหน่อย' ลุยร้อยเอ็ด แห่ฟังล้น เก้าอี้ 5,000 ไม่พอ 'เพื่อไทย' จวกบิ๊กตู่ยิ่งบริหาร คนไทยยิ่งยากจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1316389
หญิงหน่อยลงพื้นที่ 2 เขตเลือกตั้งร้อยเอ็ด อ้อนคนเลือกเพื่อไทยทุกคนเพื่อสู่[เผล่ะจัง]ที่ทำให้คนจนทั้งประเทศ ออกไปจากการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ที่มีอำนาจ แต่ไร้ความสามารถ
เมื่อวันที่ 13 มกราคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พร้อมด้วย นาย
นิสิต สินธุไพร, นาย
อดิสร เพียงเกษ นาย
ประยุทธ์ ศิริพานิช แกนนำพรรคเพื่อไทย สายอีสาน และ และ ว่าผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย คือนาย
ศักดา คงเพชร เขต 7 นาย
วราวงศ์ พันธ์ศิลา เขต 1, นาย
ฉลาด ขามช่วง เขต 2 , นาย
นิรมิต สุจารีย์ เขต 3 ,นางสาว
จิราพร สินธุไพร เขต 5
และผู้สมัคร ปัญชีรายชื่อ 2 คน คือ นาย
นิสิต สินธุไพร , นาง
นราภรณ์ ไวนิยมพงษ์, ลงพื้นที่ปราศรัยและพบปะประชาชน ชาวร้อยเอ็ด 2 เขตเลือกตั้ง โดยจุดแรก ปราศรัย ที่ลานบ้านแมต .ต.บ้านเขือง อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร นายฉลาด ขามช่วง อดีต สส.7 สมัย พรรคเพื่อไทย ที่มีประชาชนมาร่วมรับฟังการปราศรัย จนล้นเก้าอี้ ที่นาย
ฉลาด ขามช่วงกล่าวว่า เตรียมไว้ทั้งสิ้น 5,000 ตัว
และจากนั้นลงพื้นที่ ปราศรัยจุดที่ 2 ในเขตเลือกตั้งของ นาย
นิรมิต สุจารีย์ ผู้สมัคร พรรคเพื่อไทย 3 ซึ่งคณะของ คุณหญิง
สุดารัตน์ เดินทางไปปราศรัย ได้รับการต้อนรับจากประชาชน ที่ลานข้าง สถานี บขส.อำเภอโพนทอง
โดยนาย
นิสิต สินธุไพร กล่าวว่า หลังจากการเลือกตั้ง ถือว่าหมดวาระของคนไม่น่าเชื่อถือและขาดความน่าเชื่อถือ เพราะไม่เพียงแต่หลอกลวงโกหกคนไทย เพราะโกหก แม้แต่สหประชาชาติ ที่โกหก เรื่องวันเลือกตั้ง ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนครั้งที่ 5 แล้วยังจะเลื่อนอีก จนกลายเป็นคนโมฆะบุรุษ ที่เชื่อถือไม่ได้ ในความรู้สึกของสหประชาชาติและคนไทยทั้งประเทศ แต่ยังอยากจะกลับมาทำหน้าที่บริหารประเทศชาติบ้านเมือง ต่อไป ซึ่งยิ่งจะนำพาประเทศไทยไปสู่ความหายนะ มากกว่าเดิม
บริหารบ้านเมือง มา 5 ปี คนตกงานทั้งประเทศ คนยากจนเพิ่มขึ้นๆ ตอนปี 6 ล้านกว่า 14ล้าน 5แสนคน แทนที่จะบริหารบ้านเมืองให้คนจนให้ลดลง แต่ พลเอก
ประยุทธ์ ยิ่งบริหารยิ่งจนมากขึ้น แล้วมาแก้ปัญหา เอาเงิน 500 บาท มาอุดปาก เป็นสิ่งที่แก้ปัญหาความยากจนไมได้ ซึ่งขาดความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองอีกต่อไปเพราะยิ่งนานจะยิ่งพาคนไทยยากจนลง และนำพาประเทศไปสู่ความพินาศ ล้มละลายทางเศรษฐกิจ
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ราคาพืชผลทางการเกษตร ทุกอย่างตกต่ำ สร้างความยากจนให้กับประชาชน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ทั้งราคาข้าว อ้อย ยางพารา และผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกร ทุกอย่าง ตกต่ำ ผลผลิตขายได้ไม่คุ้มทุน พล.อ.
ประยุทธ หลังจากยึดอำนาจแล้ว กลับสร้างความทุกข์ยากมาถมทับประชาชน ยึดอำนาจแล้ว หากทำให้คนไทยมีความอยู่ดีกินดี ก็คงไม่ว่า แต่กลับยิ่งทำให้คนไทย ยากจน อ่อนแรงลงทุกวันกลับยังอยากจะ เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป ด้วยการพยายามวางฐานอำนาจทางการเมือง ที่จะเข้ามาบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอีก
ซึ่งคือที่พรรคเพื่อไทยเป็นทุกข์ เมื่อเห็นคนไทยเดือดร้อน จึงอาสากลับเข้ามาบริหารบ้านเมืองต่อ เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ยากจนลงทุกวัน จากราคาผลผลิตตกต่ำ มาแก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยขะกลับเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชนกลับมามีความสุขเหมือนเดิม
ในการเลือกตั้งครั้งนี้อยากให้ประชาชนใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ของตนเอง เลือกคนของพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แทนรัฐบาล[เผล่ะจัง] ที่บริหารบ้านเมืองไม่เป็น แต่ใช้แต่อำนาจในทางที่ผิด ซึ่งก็จะทำให้ภาวะความเป็นอยู่ของประชาชนเกิดความแร้นแค้นยากจน ซึ่งถึงเวลาที่ต้อง “เลือกพรรคเพื่อไทยให้คนไทยกลับมากระเป๋าตุง แทแนที่จะเลือกใครบางคน ที่ทำให้คนไทย กระเป๋าแบน ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องมาเลือกอนาคตร่วมกันในวันเลือกตั้ง เพื่อให้ความอยู่ดีกินดีของคนไทยกลับคืนมา ด้วยการเลือกแต่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ให้ได้สส.มากเพื่อเข้าไปต่อสู่กับรัฐบาล[เผล่ะจัง]ที่พยายามสืบทอดอำนาจ หวังจะกลับมาด้วยการวางกลไก ด้วยการตั้ง สว.ไว้รออยู่แล้ว 250 คน เพื่อโหวตให้ตนเองและเผด็จการกลับมา ที่จะสืบทอดเพื่อการครองอำนาจต่อไป แต่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย กลับเริ่มต้นจากศูนย์ ดังนั้นจึงมาพบเพื่อขอให้อย่าเลือกพรรคอื่น ซึ่งจะเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ ขอให้ทุกคนลงคะแนนให้เพื่อไทยเยอะๆ เพียงพรรคเดียว เพื่อให้มีโอกาสมาช่วยเหลือประชาชน ให่กลับมากินดี อยู่ดีเหมือนเดิม
สำหรับ ว่าที่ ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย 7 เขต คือ นาย
วราวงศ์ พันธ์ศิลาเขต 1,
ฉลาด ขามช่วง เขต 2 , นาย
นิรมิต สุจารีย์ เขต 3 ,นาย
นิรันดร์ นาเมืองรักษ์ เขต 4 ,นางสาว
จิราพร สินธุไพร (ลูกสาว
นิสิต สินธุไพร)เขต 5, นาย
กิตติ สมทรัพย์ เขต 6, นาย
ศักดา คงเพชร เขต 7
ส่วน ผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อของร้อยเอ็ด คือ 1 นาย
นิสิต สินธุไพร ,2 พล.ต.อ.
วิรุณ พื้นแสน และ 3 นางสาว
นราพร ไวนิยมพงศ์
JJNY : 4in1 ดุสิตโพลเผยร้อยละ63ไม่คุ้มค่าหากเลื่อนลต./หญิงหน่อยลุยร้อยเอ็ด/อนาคตใหม่โต้กลับผบ.ทบ./สยามเมืองฝุ่น!
https://workpointnews.com/2019/01/13/เผยผลสำรวจกว่าร้อยละ-63-ม/
สวนดุสิตโพล เผย ผลสำรวจประชาชนกลุ่มตัวอย่าง มอง “เลื่อนเลือกตั้ง” ไม่คุ้มค่ากว่าร้อยละ 63 แต่ข้อดีคือผู้สมัคร-พรรคการเมือง มีเวลาหาเสียง, ประชาชนมีเวลาตัดสินใจมากขึ้น
วันที่ 13 ม.ค. สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 1,029 คน ระหว่างวันที่ 8-12 มกราคม 2562 เรื่อง ประชาชนคิดอย่างไร? กับการเลื่อนเลือกตั้ง จากกระแสข่าวการเลื่อนวันเลือกตั้งที่อาจไม่ใช่ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามเดิม ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แต่ถึงอย่างไร หากจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนเลือกตั้ง กกต.จะต้องจัดการให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ตามกรอบกฎหมายที่กำหนด
ผลสำรวจพบว่า 3 อันดับแรก กลุ่มตัวอย่างประชาชนคิดว่า
ร้อยละ 31.50 ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวม ไม่สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง
ร้อยละ 23.32 กกต.ต้องประกาศวัน เวลา เลือกตั้งที่ชัดเจน
ร้อยละ 20.11 ส่งกระทบกับรัฐบาลและกกต. มีกระแสข่าวในทางลบ
สำหรับ “ข้อดี” ของการเลื่อนการเลือกตั้ง กลุ่มตัวอย่างประชาชนมองว่า
ร้อยละ 48.45 ทั้งผู้สมัครและพรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัว ลงพื้นที่หาเสียงได้มากขึ้น
ร้อยละ 29.19 กกต.มีเวลาเตรียมการต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างรอบคอบ รัดกุม
ร้อยละ 27.95 ประชาชนมีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น
“ข้อเสีย” ของการเลื่อนเลือกตั้ง
ร้อยละ 49.17 บ้านเมืองขาดเสถียรภาพ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ร้อยละ 44.97 ทิศทางการเมืองไม่ชัดเจน อึมครึม เสียเวลา
ร้อยละ 30.70 เกิดความขัดแย้ง ใส่ร้าย โจมตีทางการเมืองมากขึ้น
เมื่อพิจารณาแล้ว ประชาชนคิดว่า การเลื่อนเลือกตั้ง จะทำให้เกิดความคุ้มค่าหรือไม่ ?
ร้อยละ 63.75 ไม่คุ้มค่า เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจ การเมืองขาดเสถียรภาพ เสื่อมเสียภาพลักษณ์ เป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง
ร้อยละ 36.325 คุ้มค่า เพราะมีเวลาในการเตรียมพร้อม และพิจารณาดำเนินการเรื่องต่างๆ ได้อย่างรอบคอบมากขึ้น จะได้ไม่เสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
'หญิงหน่อย' ลุยร้อยเอ็ด แห่ฟังล้น เก้าอี้ 5,000 ไม่พอ 'เพื่อไทย' จวกบิ๊กตู่ยิ่งบริหาร คนไทยยิ่งยากจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1316389
หญิงหน่อยลงพื้นที่ 2 เขตเลือกตั้งร้อยเอ็ด อ้อนคนเลือกเพื่อไทยทุกคนเพื่อสู่[เผล่ะจัง]ที่ทำให้คนจนทั้งประเทศ ออกไปจากการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ที่มีอำนาจ แต่ไร้ความสามารถ
เมื่อวันที่ 13 มกราคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายนิสิต สินธุไพร, นายอดิสร เพียงเกษ นายประยุทธ์ ศิริพานิช แกนนำพรรคเพื่อไทย สายอีสาน และ และ ว่าผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย คือนายศักดา คงเพชร เขต 7 นายวราวงศ์ พันธ์ศิลา เขต 1, นายฉลาด ขามช่วง เขต 2 , นายนิรมิต สุจารีย์ เขต 3 ,นางสาวจิราพร สินธุไพร เขต 5
และผู้สมัคร ปัญชีรายชื่อ 2 คน คือ นาย นิสิต สินธุไพร , นางนราภรณ์ ไวนิยมพงษ์, ลงพื้นที่ปราศรัยและพบปะประชาชน ชาวร้อยเอ็ด 2 เขตเลือกตั้ง โดยจุดแรก ปราศรัย ที่ลานบ้านแมต .ต.บ้านเขือง อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร นายฉลาด ขามช่วง อดีต สส.7 สมัย พรรคเพื่อไทย ที่มีประชาชนมาร่วมรับฟังการปราศรัย จนล้นเก้าอี้ ที่นายฉลาด ขามช่วงกล่าวว่า เตรียมไว้ทั้งสิ้น 5,000 ตัว
และจากนั้นลงพื้นที่ ปราศรัยจุดที่ 2 ในเขตเลือกตั้งของ นายนิรมิต สุจารีย์ ผู้สมัคร พรรคเพื่อไทย 3 ซึ่งคณะของ คุณหญิงสุดารัตน์ เดินทางไปปราศรัย ได้รับการต้อนรับจากประชาชน ที่ลานข้าง สถานี บขส.อำเภอโพนทอง
โดยนายนิสิต สินธุไพร กล่าวว่า หลังจากการเลือกตั้ง ถือว่าหมดวาระของคนไม่น่าเชื่อถือและขาดความน่าเชื่อถือ เพราะไม่เพียงแต่หลอกลวงโกหกคนไทย เพราะโกหก แม้แต่สหประชาชาติ ที่โกหก เรื่องวันเลือกตั้ง ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนครั้งที่ 5 แล้วยังจะเลื่อนอีก จนกลายเป็นคนโมฆะบุรุษ ที่เชื่อถือไม่ได้ ในความรู้สึกของสหประชาชาติและคนไทยทั้งประเทศ แต่ยังอยากจะกลับมาทำหน้าที่บริหารประเทศชาติบ้านเมือง ต่อไป ซึ่งยิ่งจะนำพาประเทศไทยไปสู่ความหายนะ มากกว่าเดิม
บริหารบ้านเมือง มา 5 ปี คนตกงานทั้งประเทศ คนยากจนเพิ่มขึ้นๆ ตอนปี 6 ล้านกว่า 14ล้าน 5แสนคน แทนที่จะบริหารบ้านเมืองให้คนจนให้ลดลง แต่ พลเอกประยุทธ์ ยิ่งบริหารยิ่งจนมากขึ้น แล้วมาแก้ปัญหา เอาเงิน 500 บาท มาอุดปาก เป็นสิ่งที่แก้ปัญหาความยากจนไมได้ ซึ่งขาดความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองอีกต่อไปเพราะยิ่งนานจะยิ่งพาคนไทยยากจนลง และนำพาประเทศไปสู่ความพินาศ ล้มละลายทางเศรษฐกิจ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ราคาพืชผลทางการเกษตร ทุกอย่างตกต่ำ สร้างความยากจนให้กับประชาชน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ทั้งราคาข้าว อ้อย ยางพารา และผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกร ทุกอย่าง ตกต่ำ ผลผลิตขายได้ไม่คุ้มทุน พล.อ.ประยุทธ หลังจากยึดอำนาจแล้ว กลับสร้างความทุกข์ยากมาถมทับประชาชน ยึดอำนาจแล้ว หากทำให้คนไทยมีความอยู่ดีกินดี ก็คงไม่ว่า แต่กลับยิ่งทำให้คนไทย ยากจน อ่อนแรงลงทุกวันกลับยังอยากจะ เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป ด้วยการพยายามวางฐานอำนาจทางการเมือง ที่จะเข้ามาบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอีก
ซึ่งคือที่พรรคเพื่อไทยเป็นทุกข์ เมื่อเห็นคนไทยเดือดร้อน จึงอาสากลับเข้ามาบริหารบ้านเมืองต่อ เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ยากจนลงทุกวัน จากราคาผลผลิตตกต่ำ มาแก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยขะกลับเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชนกลับมามีความสุขเหมือนเดิม
ในการเลือกตั้งครั้งนี้อยากให้ประชาชนใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ของตนเอง เลือกคนของพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แทนรัฐบาล[เผล่ะจัง] ที่บริหารบ้านเมืองไม่เป็น แต่ใช้แต่อำนาจในทางที่ผิด ซึ่งก็จะทำให้ภาวะความเป็นอยู่ของประชาชนเกิดความแร้นแค้นยากจน ซึ่งถึงเวลาที่ต้อง “เลือกพรรคเพื่อไทยให้คนไทยกลับมากระเป๋าตุง แทแนที่จะเลือกใครบางคน ที่ทำให้คนไทย กระเป๋าแบน ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องมาเลือกอนาคตร่วมกันในวันเลือกตั้ง เพื่อให้ความอยู่ดีกินดีของคนไทยกลับคืนมา ด้วยการเลือกแต่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ให้ได้สส.มากเพื่อเข้าไปต่อสู่กับรัฐบาล[เผล่ะจัง]ที่พยายามสืบทอดอำนาจ หวังจะกลับมาด้วยการวางกลไก ด้วยการตั้ง สว.ไว้รออยู่แล้ว 250 คน เพื่อโหวตให้ตนเองและเผด็จการกลับมา ที่จะสืบทอดเพื่อการครองอำนาจต่อไป แต่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย กลับเริ่มต้นจากศูนย์ ดังนั้นจึงมาพบเพื่อขอให้อย่าเลือกพรรคอื่น ซึ่งจะเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ ขอให้ทุกคนลงคะแนนให้เพื่อไทยเยอะๆ เพียงพรรคเดียว เพื่อให้มีโอกาสมาช่วยเหลือประชาชน ให่กลับมากินดี อยู่ดีเหมือนเดิม
สำหรับ ว่าที่ ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย 7 เขต คือ นายวราวงศ์ พันธ์ศิลาเขต 1, ฉลาด ขามช่วง เขต 2 , นายนิรมิต สุจารีย์ เขต 3 ,นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ เขต 4 ,นางสาวจิราพร สินธุไพร (ลูกสาวนิสิต สินธุไพร)เขต 5, นายกิตติ สมทรัพย์ เขต 6, นายศักดา คงเพชร เขต 7
ส่วน ผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อของร้อยเอ็ด คือ 1 นายนิสิต สินธุไพร ,2 พล.ต.อ.วิรุณ พื้นแสน และ 3 นางสาวนราพร ไวนิยมพงศ์