ขอนำบทความจาก fueleconomy.gov "การเลือกออคเทนที่เหมาะสม" มาแชร์(หากมีข้อผิดพลาดบ้างก็ขออภัยล่วงหน้า)
ค่าออคเทน คือ ค่าที่วัดความสามารถของน้ำมันในการต้านการเกิด "knocking-เชื้อเพลิงติดไฟเองก่อนหัวเทียนจะจุดประกายไฟ" และ"Pinging-เสียงเขกของเครื่องยนต์" ซึ่งการเกิด knocking ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการใช้น้ำมันและเครื่องยนต์ โดยในอเมริกามีน้ำมันเบนซิน 3 เกรดตามค่าออคเทนคือ 87(regular), 89(midgrade), และ 92(premium)
หมายเหตุ 1 : ค่าออคเทนน้ำมันเบนซินที่ขายในอเมริกา(วัดค่าออคเทนด้วยวิธี AKI) จะเห็นค่าออกเทนต่ำกว่าน้ำมันที่ขายในไทย(วัดค่าออคเทนด้วยวิธี RON) โดยวิธีวัดค่าออคเทนจะมี 3 วิธีคือ 1.Research Octane Number หรือ RON (วัดในห้องปฏิบัติการ) จะได้ค่าสูงกว่า MON, 2.Motor Octane Number หรือ MON (วัดในสถาะขับรถจริง) จะได้ค่าต่ำกว่า RON และ 3.Anti-Knock Index หรือ AKI (คำนวนจากค่า RON และ MON)
หมายเหตุ 2 : ค่าออคเทน RON จะสูงกว่า MON 8-12 จุด, และค่า RON จะสูงกว่า AKI 4-6 จุด
ค่าออคเทนเท่าไรที่ควรใช้? : ควรใช้ตามที่ผู้ผลิตรถกำหนดไว้
ทำไมผู้ผลิตรถบางกรณีกำหนดให้ใช้ออคเทนสูงกว่าน้ำมันเกรดทั่วไป? : น้ำมันออคเทนสูงกว่าจะเหมาะกับเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาให้มีกำลังอัดสูงกว่าทั่วไป รวมถึงระบบซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบชาร์จ ซึ่งอัดอากาศเข้าไปในกระบอกสูบได้มากกว่าทั่วไป โดยข้อดีของกำลังอัดที่สูงกว่าคือจะได้พลังงานกลมากกว่าจากน้ำมันเท่าๆกัน
ถ้าใช้ออคเทนต่ำกว่าที่กำหนดของผู้ผลิตรถ? : เครื่องยนต์จะทำงานได้ไม่ดี เกิดการเสียหายของเครื่องยนต์ ปล่อยมลภาวะสูง และสิ้นเปลืองน้ำมัน
จะประหยัดน้ำมันและกำลังเครื่องยนต์ดีขึ้นไหม ถ้าใช้ออคเทนสูงกว่าที่ผู้ผลิตรถกำหนดมา? : ในสภาวะการใช้งานปกติ จะไม่ได้ประโยชน์หรืออาจได้น้อยมากมาก แต่ในสภาะเครื่องยนต์ทำงานหนัก เช่นน้ำหนักบรรทุกมากโดยเฉพาะเมื่ออากาศร้อนมาก จะได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งทั้งหมดมีตัวแปรหลายอย่าง
ใช้น้ำมันออคเทนที่สูงขึ้นคุ้มกับราคาที่สูงกว่าไหม? : โดยทั่วไป เงินที่จ่ายค่าน้ำมันไป มักสูงกว่าเงินที่จะประหยัดน้ำมันได้ แต่จะได้การปล่อย CO2 ที่น้อยลงและจำนวนน้ำมันที่ใช้น้อยลงบ้างซึ่งผู้ใช้งานบางท่านมองว่าสำคัญกว่าเงินที่จ่ายออกไป
เอทานอลเพิ่มค่าออคเทนในน้ำมันเบนซินได้ไหม? : เอทานอลมีค่าออคเทน 109 ซึ่งสูงกว่าเบนซินมาก น้ำมันเบนซินส่วนมากที่ขายในอเมริกาผสมเอทานอล 10%
เกร็ดความรู้ค่าออคเทนของน้ำมันเบนซิน
ค่าออคเทน คือ ค่าที่วัดความสามารถของน้ำมันในการต้านการเกิด "knocking-เชื้อเพลิงติดไฟเองก่อนหัวเทียนจะจุดประกายไฟ" และ"Pinging-เสียงเขกของเครื่องยนต์" ซึ่งการเกิด knocking ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการใช้น้ำมันและเครื่องยนต์ โดยในอเมริกามีน้ำมันเบนซิน 3 เกรดตามค่าออคเทนคือ 87(regular), 89(midgrade), และ 92(premium)
หมายเหตุ 1 : ค่าออคเทนน้ำมันเบนซินที่ขายในอเมริกา(วัดค่าออคเทนด้วยวิธี AKI) จะเห็นค่าออกเทนต่ำกว่าน้ำมันที่ขายในไทย(วัดค่าออคเทนด้วยวิธี RON) โดยวิธีวัดค่าออคเทนจะมี 3 วิธีคือ 1.Research Octane Number หรือ RON (วัดในห้องปฏิบัติการ) จะได้ค่าสูงกว่า MON, 2.Motor Octane Number หรือ MON (วัดในสถาะขับรถจริง) จะได้ค่าต่ำกว่า RON และ 3.Anti-Knock Index หรือ AKI (คำนวนจากค่า RON และ MON)
หมายเหตุ 2 : ค่าออคเทน RON จะสูงกว่า MON 8-12 จุด, และค่า RON จะสูงกว่า AKI 4-6 จุด
ค่าออคเทนเท่าไรที่ควรใช้? : ควรใช้ตามที่ผู้ผลิตรถกำหนดไว้
ทำไมผู้ผลิตรถบางกรณีกำหนดให้ใช้ออคเทนสูงกว่าน้ำมันเกรดทั่วไป? : น้ำมันออคเทนสูงกว่าจะเหมาะกับเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาให้มีกำลังอัดสูงกว่าทั่วไป รวมถึงระบบซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบชาร์จ ซึ่งอัดอากาศเข้าไปในกระบอกสูบได้มากกว่าทั่วไป โดยข้อดีของกำลังอัดที่สูงกว่าคือจะได้พลังงานกลมากกว่าจากน้ำมันเท่าๆกัน
ถ้าใช้ออคเทนต่ำกว่าที่กำหนดของผู้ผลิตรถ? : เครื่องยนต์จะทำงานได้ไม่ดี เกิดการเสียหายของเครื่องยนต์ ปล่อยมลภาวะสูง และสิ้นเปลืองน้ำมัน
จะประหยัดน้ำมันและกำลังเครื่องยนต์ดีขึ้นไหม ถ้าใช้ออคเทนสูงกว่าที่ผู้ผลิตรถกำหนดมา? : ในสภาวะการใช้งานปกติ จะไม่ได้ประโยชน์หรืออาจได้น้อยมากมาก แต่ในสภาะเครื่องยนต์ทำงานหนัก เช่นน้ำหนักบรรทุกมากโดยเฉพาะเมื่ออากาศร้อนมาก จะได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งทั้งหมดมีตัวแปรหลายอย่าง
ใช้น้ำมันออคเทนที่สูงขึ้นคุ้มกับราคาที่สูงกว่าไหม? : โดยทั่วไป เงินที่จ่ายค่าน้ำมันไป มักสูงกว่าเงินที่จะประหยัดน้ำมันได้ แต่จะได้การปล่อย CO2 ที่น้อยลงและจำนวนน้ำมันที่ใช้น้อยลงบ้างซึ่งผู้ใช้งานบางท่านมองว่าสำคัญกว่าเงินที่จ่ายออกไป
เอทานอลเพิ่มค่าออคเทนในน้ำมันเบนซินได้ไหม? : เอทานอลมีค่าออคเทน 109 ซึ่งสูงกว่าเบนซินมาก น้ำมันเบนซินส่วนมากที่ขายในอเมริกาผสมเอทานอล 10%