"อดีตขุนคลัง" หวั่น "รัฐบาล" ยกที่ดิน77ไร่รง.ยาสูบให้เอกชนพัฒนาโดยไม่ผ่านกม.ร่วมทุน
https://www.matichon.co.th/economy/news_1305805
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค.62 เฟซบุ๊ก นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เรื่องที่ดินโรงงานยาสูบ ซึ่งระบุว่าอาจจะหลุดจากกฎหมายร่วมทุน (พีพีพี) สำหรับรายละเอียดเรื่องดังกล่าว
นาย
ธีระชัยระบุว่า
“ผมสงสัยว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำนโยบายเกี่ยวกับที่ดินยาสูบที่ถนนรัชดาภิเษกตัดกับถนนพระราม 4 อาจจะเป็นขบวนการเพื่อนำที่ดินไปให้นายทุนระดับชาติทำโครงการอสังหาริมทรัพย์หากำไร ตามบันไดหลายขั้น ต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 เปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ จากเดิมที่บุหรี่ไทยได้เปรียบ กลับเป็นเสมอกับบุหรี่นอก
ขั้นที่ 2 เมื่อราคาขายปลีกบุหรี่ไทยแพงขึ้นเสมอบุหรี่นอก โรงงานยาสูบก็เปลี่ยนจากกำไรปีละ1 หมื่นล้านบาท เป็นขาดทุนหลายพันล้าน
ขั้นที่ 3 เสนอแก้ไขฐานะโรงงานยาสูบโดยตรากฎหมายจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ ยสท. ซึ่งกำหนดให้กระทรวงคลังต้องโอนที่ดินที่ใช้งาน เข้าไปอยู่ใน ยสท.
ขั้นที่ 4 เสนอร่างกฎหมายร่วมทุนฯ ที่ตัดโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ออกไปจากกระบวนการควบคุมของกฎหมาย
ขั้นที่ 5 ในอนาคต ก็จะสามารถเปิดให้นายทุนระดับชาติใช้ที่ดินนี้ เพื่อทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้
โดยอำนาจพิจารณาอยู่แค่ กก.ยสท. ไม่ต้องเสนอคณะกรรมการร่วมทุนฯ (โดยตัดโครงการทำนองนี้ออกไปจากร่างมาตรา 7ใหม่ )
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือ วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ถึงนายกรัฐมนตรี เสนอแนะว่า การโอนอสังหาริมทรัพย์ไปให้แก่ ยสท. ควรจะจำกัดขอบเขตเฉพาะทรัพย์สินที่ ยสท. จะใช้เพื่อการยาสูบในระยะยาวเท่านั้น
แต่จะต้องไม่ทำการโอนที่ดินที่ถนนรัชดาภิเษกให้ ยสท. เพียงเพื่อใช้งานเป็นการชั่วคราว เพราะไม่เข้าลักษณะจำเป็นต่อการดำเนินกิจการของ ยสท. อย่างแท้จริงตามที่มาตรา 39 บัญญัติไว้
ซึ่งอธิบดีกรมธนารักษ์นายอำนวย ปรีมนวงศ์ มีหนังสือ (ในขณะนั้น) แจ้งว่า ที่ดินจุดนี้ 527 ไร่ ทำสวน ‘เบญจกิติ’ 450 ไร่ ที่เหลือ 77 ไร่ ยสท. ยังคงใช้ประโยชน์เป็นโรงพยาบาลยาสูบและสำนักงานใหญ่ตามเดิม ดังนั้น กระทรวงการคลังและ ยสท. จึงไม่มีการนำพื้นที่โรงงานยาสูบไปจัดหาประโยชน์เชิงพาณิชย์แต่อย่างใด
ก็ในเมื่อมีการย้ายโรงงานไปที่อยุธยาแล้ว คนงานทั้งหมดก็จะไปอยู่ที่นั้นแล้ว …
ผมขอถามว่า ในอนาคตอีกไม่นาน โรงพยาบาลยาสูบและสำนักงานใหญ่จะไม่ย้ายตามไปอยู่ที่อยุธยาหรือ?
ในอนาคต ที่ดิน 77 ไร่ใจกลางเมืองหลวง ที่มีทัศนียภาพสุดยอด เพราะล้อมสวนป่าอันร่มรื่น จะไม่กลายเป็นที่ว่างหรือ?
ตรงนี้แหละครับ ที่ผมต้องการชี้ช่องว่า กรณีใดที่ถ้าหากจะมีการทำทุจริตเชิงกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการด้วยกฎหมายหลายฉบับที่สอดรับกัน เป็นกฎหมายชุด ซึ่งโดยลำพังกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่เพียงแค่ปลดล๊อคประตู ในขณะที่บานประตูยังปิดอยู่อาจจะดูไม่เป็นอันตรายต่อประเทศ …จนกระทั่งเกิดกฎหมายฉบับที่สอง ที่เปิดบานประตูเพื่อแสวงหาประโยชน์
ผู้อ่านคงเข้าใจแล้วนะครับ ทำไมผมจึงคัดค้านการแก้ไขร่างมาตรา 7 ของกฎหมายร่วมทุนฉบับใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/thirachai.phuvanatnaranubala/posts/2334678299899295?__xts__%5B0%5D=68.ARCxwihzt-_ACSeP_AfjJMB2VR3IRqZN_QkO5aZD4gMBOVm64soyAyrzb1m9Lj9PdXkK_6H-lSLOy6j2GHnscFdxVRaRDwsX8zOoMc0dMm7IWU_La2JebrYgXOyVyrUkKAq3Zg19hIFokfkWQLOFojsI_1oozg1Ox_o8xQEIPjv8SMP4WlymEizCDp_vgoz29ZFows5C5CbZmPCDoKm_6wYKtfwPU1Pq3BMiHLNTeYUSlDvElTZuNMRdpXeo5PCJNtopSHoqZS4P4brTiSa4yLZA--iFG42JR9uUQmmHA8FK2L8DDTh7FqeMMqWA_Mjz_h308Q9rDExlXy-lh5fVk1TP7Q&__tn__=-R
JJNY : อดีตขุนคลังหวั่นรบ.ยกที่ดิน77ไร่รง.ยาสูบให้เอกชนพัฒนาโดยไม่ผ่านกม.ร่วมทุน/ไอลอว์สำรวจพบ98%ไม่เห็นด้วยเลื่อนลต.
https://www.matichon.co.th/economy/news_1305805
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค.62 เฟซบุ๊ก นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เรื่องที่ดินโรงงานยาสูบ ซึ่งระบุว่าอาจจะหลุดจากกฎหมายร่วมทุน (พีพีพี) สำหรับรายละเอียดเรื่องดังกล่าว
นายธีระชัยระบุว่า
“ผมสงสัยว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำนโยบายเกี่ยวกับที่ดินยาสูบที่ถนนรัชดาภิเษกตัดกับถนนพระราม 4 อาจจะเป็นขบวนการเพื่อนำที่ดินไปให้นายทุนระดับชาติทำโครงการอสังหาริมทรัพย์หากำไร ตามบันไดหลายขั้น ต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 เปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ จากเดิมที่บุหรี่ไทยได้เปรียบ กลับเป็นเสมอกับบุหรี่นอก
ขั้นที่ 2 เมื่อราคาขายปลีกบุหรี่ไทยแพงขึ้นเสมอบุหรี่นอก โรงงานยาสูบก็เปลี่ยนจากกำไรปีละ1 หมื่นล้านบาท เป็นขาดทุนหลายพันล้าน
ขั้นที่ 3 เสนอแก้ไขฐานะโรงงานยาสูบโดยตรากฎหมายจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ ยสท. ซึ่งกำหนดให้กระทรวงคลังต้องโอนที่ดินที่ใช้งาน เข้าไปอยู่ใน ยสท.
ขั้นที่ 4 เสนอร่างกฎหมายร่วมทุนฯ ที่ตัดโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ออกไปจากกระบวนการควบคุมของกฎหมาย
ขั้นที่ 5 ในอนาคต ก็จะสามารถเปิดให้นายทุนระดับชาติใช้ที่ดินนี้ เพื่อทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้
โดยอำนาจพิจารณาอยู่แค่ กก.ยสท. ไม่ต้องเสนอคณะกรรมการร่วมทุนฯ (โดยตัดโครงการทำนองนี้ออกไปจากร่างมาตรา 7ใหม่ )
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือ วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ถึงนายกรัฐมนตรี เสนอแนะว่า การโอนอสังหาริมทรัพย์ไปให้แก่ ยสท. ควรจะจำกัดขอบเขตเฉพาะทรัพย์สินที่ ยสท. จะใช้เพื่อการยาสูบในระยะยาวเท่านั้น
แต่จะต้องไม่ทำการโอนที่ดินที่ถนนรัชดาภิเษกให้ ยสท. เพียงเพื่อใช้งานเป็นการชั่วคราว เพราะไม่เข้าลักษณะจำเป็นต่อการดำเนินกิจการของ ยสท. อย่างแท้จริงตามที่มาตรา 39 บัญญัติไว้
ซึ่งอธิบดีกรมธนารักษ์นายอำนวย ปรีมนวงศ์ มีหนังสือ (ในขณะนั้น) แจ้งว่า ที่ดินจุดนี้ 527 ไร่ ทำสวน ‘เบญจกิติ’ 450 ไร่ ที่เหลือ 77 ไร่ ยสท. ยังคงใช้ประโยชน์เป็นโรงพยาบาลยาสูบและสำนักงานใหญ่ตามเดิม ดังนั้น กระทรวงการคลังและ ยสท. จึงไม่มีการนำพื้นที่โรงงานยาสูบไปจัดหาประโยชน์เชิงพาณิชย์แต่อย่างใด
ก็ในเมื่อมีการย้ายโรงงานไปที่อยุธยาแล้ว คนงานทั้งหมดก็จะไปอยู่ที่นั้นแล้ว …
ผมขอถามว่า ในอนาคตอีกไม่นาน โรงพยาบาลยาสูบและสำนักงานใหญ่จะไม่ย้ายตามไปอยู่ที่อยุธยาหรือ?
ในอนาคต ที่ดิน 77 ไร่ใจกลางเมืองหลวง ที่มีทัศนียภาพสุดยอด เพราะล้อมสวนป่าอันร่มรื่น จะไม่กลายเป็นที่ว่างหรือ?
ตรงนี้แหละครับ ที่ผมต้องการชี้ช่องว่า กรณีใดที่ถ้าหากจะมีการทำทุจริตเชิงกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการด้วยกฎหมายหลายฉบับที่สอดรับกัน เป็นกฎหมายชุด ซึ่งโดยลำพังกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่เพียงแค่ปลดล๊อคประตู ในขณะที่บานประตูยังปิดอยู่อาจจะดูไม่เป็นอันตรายต่อประเทศ …จนกระทั่งเกิดกฎหมายฉบับที่สอง ที่เปิดบานประตูเพื่อแสวงหาประโยชน์
ผู้อ่านคงเข้าใจแล้วนะครับ ทำไมผมจึงคัดค้านการแก้ไขร่างมาตรา 7 ของกฎหมายร่วมทุนฉบับใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้