ตอนนี้อายุ16ปีค่ะ กำลังจะขึ้นม.5หลังสงกรานต์ เราได้คุยกับแม่ไว้ว่าอยากจะไปเรียนที่มหาลัยรังสิต คณะศิลปศาสตร์ เพราะว่าคณะนี้ในมหาลัยนี้หลักสูตรดี และได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่จบม.6กันไปแล้ว แต่แม่อยากให้เรียนที่อื่นที่ไม่ใช่
กทม.เพราะเราเป็นคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เรียนที่นี่ก็ได้ไปเรียนไกลทำไม ส่วนตัวเราก็เข้าใจเขาแต่ว่าที่เลือกเรียนที่รังสิตเพราะว่า ญาติๆอยู่นั่นกันเยอะและหลักสูตรเขาก็ดี ดีกว่าของมอ.ในหาดใหญ่ซึ่งคิดว่าถ้าเรียนที่กทม. โตไปจะตั้งรากฐานธุรกิจที่อยากทำได้ง่ายๆ เพราะเป็นแหล่งรวมความเจริญ หางานทำได้ คิดว่าจบมาอยากเป็นแอร์กราวด์ที่สนามบินดอนเมืองค่ะ จึงเลือกเรียนภาษาเพราะว่าชอบภาษามาตั้งแต่ป.1 แต่แม่เขายังเห็นต่างอยู่ดี เพราะมันเกิดจากเรื่องที่เราเคยโกหกเขาว่าเราไปเข้าค่ายที่กทม. บวกกับเรื่องที่เรามีคนที่อย่าเรียกว่าคบหาเลยแต่เป็นความสัมพันธ์ที่เรื่อยๆ(แต่จริงจัง)อยู่ที่กทม. ตอนนี้เรื่อยๆมาได้ประมาณ8เดือนแล้วค่ะ (อายุ16ถือว่ายังเด็กค่ะแต่ก็จะเรียนรู้ไปเรื่อยๆในเรื่องความรักและความคิดที่กำลังจะโต เราทราบตัวเราเองดี) ตอนหนีไปก็ไม่ได้แอบไปหาเขานะคะไม่ได้นัดเจอด้วยเพราะคิดว่ารอให้โตกว่านี้ดีกว่าอย่าชิงสุกก่อนห่าม(ความรักขึ้นอยู่กับเวลาและความซื่อสัตย์ คิดว่าถ้ายังคุยกันได้จนถึงจบม.6แล้วย้ายไปเรียนที่กทม.พอดี คงจะพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไปเรื่อยๆ) ความเป็นจริงแล้วแอบไปอยู่กับรุ่นพี่ที่สนิทเป็นผู้หญิง เขาอยู่บ้านกับพี่ชายที่มีครอบครัวและมีลูกแล้ว พี่ชายเขาไม่ค่อยจะกลับบ้านสักเท่าไหร่ ถึงหนีไปก็ไม่ได้คิดจะไปไหน ก็คิดว่าไปแค่ซื้ออาหารมาทำกันในบ้านแล้วก็ไปเดินแฟชั่นแค่นั้น ไม่ได้ไปข้าวสารหรือหนีไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ ในช่วงเวลาที่โกหกเป็นเวลา5วัน เราด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด แม่เป็นคนขี้หวงและห่วง(อันนี้เราเข้าใจ)แต่ด้วยความที่เราคิดน้อยก็ยังโกหกต่อไปจนถึงวันที่6 เราตัดสินใจโทรบอกความจริงและเขาก็นั่งเครื่องลงมารับและกลับในวันถัดไป กลับมาแม่จึงไม่ค่อยไว้วางใจ ทำให้ส่งผลต่ออนาคต บทเรียนของการหนีเที่ยวคือ ควรซื่อสัตย์ต่อพ่อแม่ แต่ทั้งนี้เรายังได้สกิลการเอาตัวรอดในกทม.มา และไม่หลงแสงสีเสียง(เพราะคิดว่ามันเปลืองทรัพย์สินและยังไม่ถึงเวลา) อยากถามว่าจะทำยังไงให้เขาเชื่อใจเราอีกครั้ง
มีปัญหากับแม่เรื่องเลือกที่เรียนช่วงมหาลัยค่ะ
กทม.เพราะเราเป็นคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เรียนที่นี่ก็ได้ไปเรียนไกลทำไม ส่วนตัวเราก็เข้าใจเขาแต่ว่าที่เลือกเรียนที่รังสิตเพราะว่า ญาติๆอยู่นั่นกันเยอะและหลักสูตรเขาก็ดี ดีกว่าของมอ.ในหาดใหญ่ซึ่งคิดว่าถ้าเรียนที่กทม. โตไปจะตั้งรากฐานธุรกิจที่อยากทำได้ง่ายๆ เพราะเป็นแหล่งรวมความเจริญ หางานทำได้ คิดว่าจบมาอยากเป็นแอร์กราวด์ที่สนามบินดอนเมืองค่ะ จึงเลือกเรียนภาษาเพราะว่าชอบภาษามาตั้งแต่ป.1 แต่แม่เขายังเห็นต่างอยู่ดี เพราะมันเกิดจากเรื่องที่เราเคยโกหกเขาว่าเราไปเข้าค่ายที่กทม. บวกกับเรื่องที่เรามีคนที่อย่าเรียกว่าคบหาเลยแต่เป็นความสัมพันธ์ที่เรื่อยๆ(แต่จริงจัง)อยู่ที่กทม. ตอนนี้เรื่อยๆมาได้ประมาณ8เดือนแล้วค่ะ (อายุ16ถือว่ายังเด็กค่ะแต่ก็จะเรียนรู้ไปเรื่อยๆในเรื่องความรักและความคิดที่กำลังจะโต เราทราบตัวเราเองดี) ตอนหนีไปก็ไม่ได้แอบไปหาเขานะคะไม่ได้นัดเจอด้วยเพราะคิดว่ารอให้โตกว่านี้ดีกว่าอย่าชิงสุกก่อนห่าม(ความรักขึ้นอยู่กับเวลาและความซื่อสัตย์ คิดว่าถ้ายังคุยกันได้จนถึงจบม.6แล้วย้ายไปเรียนที่กทม.พอดี คงจะพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไปเรื่อยๆ) ความเป็นจริงแล้วแอบไปอยู่กับรุ่นพี่ที่สนิทเป็นผู้หญิง เขาอยู่บ้านกับพี่ชายที่มีครอบครัวและมีลูกแล้ว พี่ชายเขาไม่ค่อยจะกลับบ้านสักเท่าไหร่ ถึงหนีไปก็ไม่ได้คิดจะไปไหน ก็คิดว่าไปแค่ซื้ออาหารมาทำกันในบ้านแล้วก็ไปเดินแฟชั่นแค่นั้น ไม่ได้ไปข้าวสารหรือหนีไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ ในช่วงเวลาที่โกหกเป็นเวลา5วัน เราด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด แม่เป็นคนขี้หวงและห่วง(อันนี้เราเข้าใจ)แต่ด้วยความที่เราคิดน้อยก็ยังโกหกต่อไปจนถึงวันที่6 เราตัดสินใจโทรบอกความจริงและเขาก็นั่งเครื่องลงมารับและกลับในวันถัดไป กลับมาแม่จึงไม่ค่อยไว้วางใจ ทำให้ส่งผลต่ออนาคต บทเรียนของการหนีเที่ยวคือ ควรซื่อสัตย์ต่อพ่อแม่ แต่ทั้งนี้เรายังได้สกิลการเอาตัวรอดในกทม.มา และไม่หลงแสงสีเสียง(เพราะคิดว่ามันเปลืองทรัพย์สินและยังไม่ถึงเวลา) อยากถามว่าจะทำยังไงให้เขาเชื่อใจเราอีกครั้ง