
ผมเชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่หมอทุกคนต้องเคยเจอในการดูแลผู้ป่วยและเป็นสิ่งที่หมอทุกคนอยากจะให้ผู้ป่วยเข้าใจ...ยิ่งเร็วยิ่งดี ..เป็นประสบการณ์ของผมที่ฟังดูอาจจะตลกแต่เป็นสิ่งที่น่าสะท้อนมากครับ
ชายหนุ่มอายุ 34 เป็นพ่อครัวอยู่ในโรงแรม5 ดาว มาพบผมด้วยเรื่อง
“ไอน่ารำคาญมามากกว่า 1เดือน...”
ผู้ป่วย: หมอครับผมไอมาเป็นเดือนแล้วครับไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเลย นี่ดูสิผมกินยาแพงๆจากร้านขายยามากี่ชนิดแล้ว ( ยื่นถุงยาที่เต็มไปด้วยยามาให้ผมดู)
ผม: โอเคครับเอาอย่างนี้คนเก็บยาไว้ก่อนเดี๋ยวผมขอซักประวัติและฟังรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอะไรของคุณก่อน
หลังจากนั่งฟังรายละเอียด
ผมสงสัยอยู่2-3 ภาวะ ที่อาจอธิบายไอของเค้าได้
ผม: ขอบคุณมาก ตอนนี้ผมขอดูคอและตรวจร่างกายบริเวณที่เกี่ยวข้องก่อนนะครับ
จากนั้นก็ส่งผู้ป่วยไปเอกซเรย์และตรวจเพิ่มในสิ่งที่สงสัย
เหตุการณ์ดังกล่าวพบบ่อยมาก และคงจะพบต่อไปเรื่อยๆตราบใดที่สังคมยังไม่เลิกพฤติกรรมการซื้อยาฆ่าเชื้อกินเอง
ล่าสุดผมมีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องแนวทางการดูแลผู้ป่วยไอเรื้อรังกับเพื่อนแพทย์ คำถามยอดนิยมที่มักจะถามกันเสมอคือ
“..จะทำยังไงให้ประชาชนเลิกซื้อยาฆ่าเชื้อกินเองและรณรงค์ให้มีการตรวจร่างกายก่อนตัดสินใจซื้อฆ่าเชื้ออยากกิน...”
ผมมักจะหัวเราะเสมอเมื่อถูกถามแบบนี้ และมักจะตอบอยู่เป็นประจำว่า
“ When in Rome, do as the Roman do..”
แปลว่าเมื่ออยู่ในโรม ให้ทำตามที่ชาวโรมเค้าทำกัน
ประชาชนคนไทยนิยมเสพข่าวสารและติดตามสื่อจากโซเชียลมีเดียเยอะมาก เราจึงจำเป็นต้องหันมาใช้สื่อโซเชียลมีเดียให้มากขึ้นและให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับประชาชนในการแก้ไขความคิดและความเชื่อเดิมๆ
สิ่งที่เราควรจะช่วยผลักดันให้เขาคิดก่อนที่จะออกไปซื้อยาฆ่าเชื้อคือ กระตุ้นให้เค้าถามตัวเองว่า
1. เราจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหรือไม่?
2. คนที่ขายยาฆ่าเชื้อได้ ซักประวัติเกี่ยวกับเรื่องไอของเรามากเพียงพอไหม?
3. คนที่ขายยาได้ตรวจคอหรือจมูกเราไหม?
4. คนที่ขายยาได้ฟังปอดเราไหม?
5. การที่เรากินยาฆ่าเชื้อแบบนี้จะทำให้เราดื้อยาในอนาคตไหม?
6. พฤติกรรมการซื้อยาฆ่าเชื้อแบบนี้เราเอาไปใช้กับลูกหลานหรือผู้ใหญ่ในบ้านเราไหม?
7. การซื้อยาฆ่าเชื้อจะช่วยประหยัดเงินและเวลาเราจริงหรือไม่ ?
กลับมาที่ผู้ป่วยของผม
ผลเลือดและผลเอกซเรย์กลับมาปรกติ สรุปว่าไอเรื้อรังภาวะภูมิแพ้ของหลอดลมส่วนบน( Upper Airway Cough Syndrome ) ผมอธิบายถึงโรคแนวทางการรักษาและผลการตอบสนอง เค้าดูตั้งใจฟังมากและสบตาผมตลอด แต่คิ้วเขาขมวดอยู่ตลอดเวลา...
ผมจึงอดใจไม่ได้ เลยถามเขาว่า
ผม: มีอะไรสงสัยมั้ยครับ?
ผู้ป่วย : เข้าใจครับ ไม่สงสัยอะไรเลย 🙂
ผม: โอเคครับ เจอกันทีสองอาทิตย์นะครับ
แล้วผู้ป่วยก็ลุกขึ้นยืนหันหน้าเดินออกไปที่ประตู แล้วเค้าก็หยุด แล้วหันกลับมาถามผมด้วยสีหน้าที่สงสัยมาก...
“ หมอครับผมยังไม่เข้าใจ... เท่าที่ฟังหมอ..ผมเองก็วินิจฉัยใกล้เคียงกับคุณหมอ..แล้วซื้อยามากิน.. แต่ทำไมรักษาไม่สำเร็จครับ ?? “
ผมคิดอยู่ในใจ “ ว่าแล้วเชียวต้องมีอะไรที่เขายังไม่สบายใจอยู่แน่..”
ผม: คุณเป็นพ่อครัวใช่ไหมครับ .. คุณสามารถเขียนสูตรต้มยำกุ้งที่ทำให้ทุกคนชอบในเวลาเดียวกันได้ไหมครับ ?
ผู้ป่วย: (หัวเราะ... ) ไม่ได้ครับ รสชาติแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมจึงต้องปรับเปลี่ยนสูตรตามความต้องการของแต่ละคน
ผม: ขอบคุณครับ เช่นเดียวกันครับ อาการไอเรื้อรังแต่ละคนก็ต้องใช้สูตรยาแต่ละแบบ เอาเป็นว่า ครั้งนี้สูตรยาที่คุณเลือกให้ตนเอง ดูเหมือนยังไม่ตรงกลับสาเหตุ เลยไม่หาย
ลองเปลี่ยนพ่อครัวดูนะครับ ...
ผู้ป่วย: ขอบคุณครับเจอกันที่สองอาทิตย์ ครับคุณหมอ( หัวเราะดังและเดินออกจากห้อง)
ปัจจุบัน พ่อครัวหายจากอาการไอเรื้อรังแล้วครับ กลับไปทำงานได้ปรกติ แวะเข้ามาเยี่ยมผมเป็นระยะๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : โอเคนะครับที่จะซื้อยาจากร้านขายยา แต่เมื่อไหร่ที่เราต้องกินยาฆ่าเชื้อ ขอให้มั่นใจว่าเรามีการติดเชื้อจึง อย่าซื้อยาฆ่าเชื้อกินเองโดยไม่ได้รับการตรวจคอจากแพทย์ คุณกำลังทำให้ร่างกายคุณดื้อต่อยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น
translate from pncmedicare.com/blog
เรื่องราวที่หมอทุกคนเจอ..แล้วอยากให้ผู้ป่วยรับรู้..
ผมเชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่หมอทุกคนต้องเคยเจอในการดูแลผู้ป่วยและเป็นสิ่งที่หมอทุกคนอยากจะให้ผู้ป่วยเข้าใจ...ยิ่งเร็วยิ่งดี ..เป็นประสบการณ์ของผมที่ฟังดูอาจจะตลกแต่เป็นสิ่งที่น่าสะท้อนมากครับ
ชายหนุ่มอายุ 34 เป็นพ่อครัวอยู่ในโรงแรม5 ดาว มาพบผมด้วยเรื่อง
“ไอน่ารำคาญมามากกว่า 1เดือน...”
ผู้ป่วย: หมอครับผมไอมาเป็นเดือนแล้วครับไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเลย นี่ดูสิผมกินยาแพงๆจากร้านขายยามากี่ชนิดแล้ว ( ยื่นถุงยาที่เต็มไปด้วยยามาให้ผมดู)
ผม: โอเคครับเอาอย่างนี้คนเก็บยาไว้ก่อนเดี๋ยวผมขอซักประวัติและฟังรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอะไรของคุณก่อน
หลังจากนั่งฟังรายละเอียด
ผมสงสัยอยู่2-3 ภาวะ ที่อาจอธิบายไอของเค้าได้
ผม: ขอบคุณมาก ตอนนี้ผมขอดูคอและตรวจร่างกายบริเวณที่เกี่ยวข้องก่อนนะครับ
จากนั้นก็ส่งผู้ป่วยไปเอกซเรย์และตรวจเพิ่มในสิ่งที่สงสัย
เหตุการณ์ดังกล่าวพบบ่อยมาก และคงจะพบต่อไปเรื่อยๆตราบใดที่สังคมยังไม่เลิกพฤติกรรมการซื้อยาฆ่าเชื้อกินเอง
ล่าสุดผมมีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องแนวทางการดูแลผู้ป่วยไอเรื้อรังกับเพื่อนแพทย์ คำถามยอดนิยมที่มักจะถามกันเสมอคือ
“..จะทำยังไงให้ประชาชนเลิกซื้อยาฆ่าเชื้อกินเองและรณรงค์ให้มีการตรวจร่างกายก่อนตัดสินใจซื้อฆ่าเชื้ออยากกิน...”
ผมมักจะหัวเราะเสมอเมื่อถูกถามแบบนี้ และมักจะตอบอยู่เป็นประจำว่า
“ When in Rome, do as the Roman do..”
แปลว่าเมื่ออยู่ในโรม ให้ทำตามที่ชาวโรมเค้าทำกัน
ประชาชนคนไทยนิยมเสพข่าวสารและติดตามสื่อจากโซเชียลมีเดียเยอะมาก เราจึงจำเป็นต้องหันมาใช้สื่อโซเชียลมีเดียให้มากขึ้นและให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับประชาชนในการแก้ไขความคิดและความเชื่อเดิมๆ
สิ่งที่เราควรจะช่วยผลักดันให้เขาคิดก่อนที่จะออกไปซื้อยาฆ่าเชื้อคือ กระตุ้นให้เค้าถามตัวเองว่า
1. เราจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหรือไม่?
2. คนที่ขายยาฆ่าเชื้อได้ ซักประวัติเกี่ยวกับเรื่องไอของเรามากเพียงพอไหม?
3. คนที่ขายยาได้ตรวจคอหรือจมูกเราไหม?
4. คนที่ขายยาได้ฟังปอดเราไหม?
5. การที่เรากินยาฆ่าเชื้อแบบนี้จะทำให้เราดื้อยาในอนาคตไหม?
6. พฤติกรรมการซื้อยาฆ่าเชื้อแบบนี้เราเอาไปใช้กับลูกหลานหรือผู้ใหญ่ในบ้านเราไหม?
7. การซื้อยาฆ่าเชื้อจะช่วยประหยัดเงินและเวลาเราจริงหรือไม่ ?
กลับมาที่ผู้ป่วยของผม
ผลเลือดและผลเอกซเรย์กลับมาปรกติ สรุปว่าไอเรื้อรังภาวะภูมิแพ้ของหลอดลมส่วนบน( Upper Airway Cough Syndrome ) ผมอธิบายถึงโรคแนวทางการรักษาและผลการตอบสนอง เค้าดูตั้งใจฟังมากและสบตาผมตลอด แต่คิ้วเขาขมวดอยู่ตลอดเวลา...
ผมจึงอดใจไม่ได้ เลยถามเขาว่า
ผม: มีอะไรสงสัยมั้ยครับ?
ผู้ป่วย : เข้าใจครับ ไม่สงสัยอะไรเลย 🙂
ผม: โอเคครับ เจอกันทีสองอาทิตย์นะครับ
แล้วผู้ป่วยก็ลุกขึ้นยืนหันหน้าเดินออกไปที่ประตู แล้วเค้าก็หยุด แล้วหันกลับมาถามผมด้วยสีหน้าที่สงสัยมาก...
“ หมอครับผมยังไม่เข้าใจ... เท่าที่ฟังหมอ..ผมเองก็วินิจฉัยใกล้เคียงกับคุณหมอ..แล้วซื้อยามากิน.. แต่ทำไมรักษาไม่สำเร็จครับ ?? “
ผมคิดอยู่ในใจ “ ว่าแล้วเชียวต้องมีอะไรที่เขายังไม่สบายใจอยู่แน่..”
ผม: คุณเป็นพ่อครัวใช่ไหมครับ .. คุณสามารถเขียนสูตรต้มยำกุ้งที่ทำให้ทุกคนชอบในเวลาเดียวกันได้ไหมครับ ?
ผู้ป่วย: (หัวเราะ... ) ไม่ได้ครับ รสชาติแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมจึงต้องปรับเปลี่ยนสูตรตามความต้องการของแต่ละคน
ผม: ขอบคุณครับ เช่นเดียวกันครับ อาการไอเรื้อรังแต่ละคนก็ต้องใช้สูตรยาแต่ละแบบ เอาเป็นว่า ครั้งนี้สูตรยาที่คุณเลือกให้ตนเอง ดูเหมือนยังไม่ตรงกลับสาเหตุ เลยไม่หาย
ลองเปลี่ยนพ่อครัวดูนะครับ ...
ผู้ป่วย: ขอบคุณครับเจอกันที่สองอาทิตย์ ครับคุณหมอ( หัวเราะดังและเดินออกจากห้อง)
ปัจจุบัน พ่อครัวหายจากอาการไอเรื้อรังแล้วครับ กลับไปทำงานได้ปรกติ แวะเข้ามาเยี่ยมผมเป็นระยะๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : โอเคนะครับที่จะซื้อยาจากร้านขายยา แต่เมื่อไหร่ที่เราต้องกินยาฆ่าเชื้อ ขอให้มั่นใจว่าเรามีการติดเชื้อจึง อย่าซื้อยาฆ่าเชื้อกินเองโดยไม่ได้รับการตรวจคอจากแพทย์ คุณกำลังทำให้ร่างกายคุณดื้อต่อยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น
translate from pncmedicare.com/blog