คิดว่าตัวเองสุขภาพดีมาโดยตลอด มารู้อีกทีก็สายเกินไปแล้ว...

สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องราวมาแบ่งปันให้กับทุกๆคนกันอีกครั้ง อยากให้เรื่องนี้ได้เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลายๆคนที่ได้อ่านและได้นำเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าสู่กันฟังให้กับคนที่รักกันนะคะ

ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับญาติจขกทเองค่ะ ขออนุญาตเรียกญาติคนนี้ว่า “ลุงรอ” นะคะ
คือลุงรออายุประมาน40ต้นๆ มีภรรยาและลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ชั้นม.1 อาศัยกันอยู่3 คน พ่อแม่ลูก ลุงรอเนี่ยทำงานในบริษัทหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับอุปกรณ์สำหรับรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ ซึ่งแน่นอนค่ะ ว่าการทำงานจะต้องเจอสารเคมีต่างๆมากมาย หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป บางคนก็คิดว่าก็แค่สารมันไม่ได้น่ากลัวอะไร คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก ใช่ค่ะ..ไม่ใช่ทุกคนที่โชคร้าย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเสมอไป ลุงรอเป็นคนดื่มเหล้า+สูบบุหรี่ แต่ไม่ได้จัดนะคะ คือจะดื่มเหล้าเวลาสังสรรค์กับเพื่อน ช่วงวันหยุด ไม่ได้บ่อยอะไรมากแต่ก็มีดื่มกัน จนอยู่มาวันหนึ่งที่แผนก(โรงงาน)มีนัดกินเลี้ยงสังสรรค์ หรือ มีตติ้งกันนั้นแหล่ะค่ะ แต่อยู่ๆเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คือลุงรอหน้ามืดและล้มลงไปที่พื้น ทุกคนตกใจกันมาก เรียกรถพยาบาลมารับ ในวันนั้นลุงรอหมดสติลง เพื่อนก็โทรหาภรรยาลุงรอและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ในระหว่างที่ลุงรออยู่ห้องICUนั้น ทุกคนก็ถามว่าลุงรอมีโรคประจำตัวอะไรมั้ย ทำไมอยู่ๆก็หมดสติทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ปกติมากๆยังคุยเฮฮากับเพื่อนอยู่เลย ปกติแล้วลุงรอแข็งแรงมากๆ ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลย ทุกคนก็แปลกใจ ต่างก็คิดว่าทำงานหนัก+พักผ่อนน้อยละมั้ง ลุงรอไม่มีอาการใดๆก่อนหน้านี้เลยนะคะ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ใช้ชีวิตปกติมากๆ และตอนนั้นก็ถึงมือหมอแล้วทุกคนก็เลยไม่ได้เครียดอะไร คุณหมอก็หาสาเหตุว่าลุงรอเนี่ย เป็นอะไร เรียกได้ว่าตรวจอย่างละเอียดเลยก็ว่าได้ค่ะ จนรู้สาเหตุที่แน่ชัดว่า “ ลุงรอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย” ตอนนี้มะเร็งได้ลามไปที่ตับและลำไส้ คือเรียกได้ว่า โอกาสรอดแทบไม่มีเลยค่ะ
คุณหมอบอกให้เรียกญาติมาดูใจ มาให้ลุงรอได้เห็นหน้า เพราะหมอไม่รู้ว่าลุงรอจะอยู่ได้นานแค่ไหน เลยอยากให้ญาติๆมาให้กำลังใจลุงรอ ซึ่งจขกทก็เป็นหนึ่งในนั้น จขกทได้ฟังก็น้ำตาไหลเลยค่ะ ขนาดไม่ได้เจอลุงรอมานานมาก เป็น10กว่าปี มาเจอลุงรออีกครั้งก็ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว ทุกคนร้องไห้และพยายามจะกลั้นไว้ไม่ให้ลุงรอเห็น เพราะลุงรอยังไม่รู้นะคะว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เพราะคุณหมอบอกว่า ลุงรอจะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นหมอจึงแนะนำว่าไม่ให้บอกและไม่ควรคุยเรื่องนี้ค่ะ ปล.หมอบอกกับลุงรอว่าลุงรอเป็นเนื้องอกในลำไส้ ต้องผ่าตัด ลุงรอก็คิดว่าผ่าตัดแล้วจะหาย แต่จริงๆแล้วคือโอกาสหายไม่มีแล้ว เพราะมันสายเกินกว่าจะแก้ไขได้แล้ว

จขกท จึงอยากเตือนหลายๆคนที่สูบบุหรี่ กินเหล้า หรือเจอสภาวะแวดล้อมที่มีสารเคมีที่ก่อให้เป็นมะเร็งได้ เราไม่รู้หรอกค่ะว่าเราจะโชคดีหรือโชคร้าย ชีวิตเราเกิดมาครั้งเดียว อะไรที่ไม่ดีก็อยากให้เลิก ไม่งั้นจะมีการรณรงค์ให้เลิกเหล้า เลิกบุหรี่กันไปทำไม ถ้ามันดี?? จริงมั้ยคะ ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง เราคงไม่ตะหนักเหมือนกันค่ะ ก็ยังคงมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป แต่จริงๆแล้วสิ่งเหล่านี้นี่แหล่ะค่ะที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ อยากให้ทุกคนรักตัวเอง ดูแลสุขภาพตัวเอง หมั่นตรวจสุขภาพบ่อยๆอย่างน้อยปีละ1ครั้ง

“ สุขภาพเปรียบเสมือนรถยนต์ ที่จะต้องเข้าศูนย์บริการเมื่อครบกำหนด เพื่อปรับแต่งและตรวจเช็คสภาพรถ ว่ามีสิ่งใดชำรุดสึกหรอ ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ ร่างกายคนเราก็เช่นเดียวกัน ควรจะพบแพทย์เพื่อตรวจสภาพของร่างกายเป็นระยะ ก่อนที่จะเจ็บป่วยเกินกว่าจะแก้ไขค่ะ”

เชื่อเถอะค่ะ เสียเงินค่าตรวจสุขภาพเพียงเล็กน้อย ยังดีกว่าต้องมานั่งทุกข์ทรมานกับสถานการณ์แบบจขกท เสียเงินมากกว่าค่าตรวจสุขภาพหลายร้อยเท่าค่ะ แต่อยากจะบอกว่าเงินยังไม่สำคัญเท่ากับสุขภาพที่ดีนะคะ เพราะเหตุการณ์บางเรื่องเงินก็ไม่สามารถซื้ออะไรกลับมาได้ค่ะ อย่างเช่นเหตุการณ์นี้...


สาเหตุของโรคมะเร็ง(อันนี้จขกทหามาจากเว็บโรงพยาบาลกรุงเทพนะคะ ขอบคุณโรงพยาบาลกรุงเทพด้วยค่ะ”

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่เชื่อว่ามีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งอยู่หลายประการ ดังนี้

1. สาเหตุจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย

1.1 สารเคมีบางชนิด เช่น

สารเคมีในควันบุหรี่ และเขม่ารถยนต์
สารพิษจากเชื้อรา
สารพิษที่เกิดจากเนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอด จนไหม้เกรียม
สีย้อมผ้า
สารเคมีบางชนิดที่เกิดจากขบวนการทางอุตสาหกรรม
1.2 รังสีต่างๆ รวมทั้งรังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด

1.3 การติดเชื้อเรื้อรัง เช่น

ไวรัสตับอักเสบ ชนิด บี มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งตับ
ฮิวแมน แพพพิโลมา ไวรัส (Human Papilloma Virus หรือ HPV) อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งของเซลล์เยื่อบุต่างๆ เช่น มะเร็งปากมดลูก
เอบสไตน์ บาร์ ไวรัส (Epstein Barr Virus) มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหรือมะเร็งโพรงหลังจมูก
เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลรัย (Helicobacter Pylori) มีความสัมพันธ์กับมะเร็งกระเพาะอาหาร
1.4 พยาธิ เช่น พยาธิใบไม้ตับ มีความสัมพันธ์กับมะเร็งท่อน้ำดีในตับ

2. สาเหตุภายในร่างกาย เช่น

2.1 กรรมพันธ์ที่ผิดปกติ

2.2 ความไม่สมดุลทางฮอร์โมน

2.3 ภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง

2.4 การระคายเคืองที่เกิดซ้ำๆ เป็นเวลานาน

2.5 ภาวะทุพโภชนาการ เป็นต้น



อาการของโรคมะเร็ง

ไม่มีอาการเฉพาะของโรคมะเร็ง แต่เป็นอาการเช่นเดียวกับการอักเสบของเนื้อเยื่อ/อวัยวะที่เป็นมะเร็ง โดยที่แตกต่างคือ มักเป็นอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ และเรื้อรัง ดังนั้นเมื่อมีอาการต่างๆ นานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ จึงควรรีบพบแพทย์ อย่างไรก็ตาม อาการที่น่าสงสัยว่าเป็นมะเร็ง ได้แก่

มีก้อนเนื้อโตเร็ว หรือ มีแผลเรื้อรัง ไม่หายภายใน 1 – 2 สัปดาห์ หลังจากการดูแลตนเองในเบื้องตัน
มีต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ มักจะแข็ง ไม่เจ็บ และโตขึ้นเรื่อยๆ
ไฝ ปาน หูด ที่โตเร็วผิดปกติ หรือ เป็นแผลแตก
หายใจ หรือ มีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เลือดกำเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงข้างเดียว (อาจออกทั้งสองข้างได้)
ไอเรื้อรัง หรือ ไอเป็นเลือด
มีเสมหะ น้ำลาย หรือ เสลดปนเลือดบ่อย
อาการของโรคมะเร็ง

อาเจียนเป็นเลือด
ปัสสาวะเป็นเลือด
ปัสสาวะบ่อย ขัดลำ ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือเป็นมูกเลือด
ท้องผูก สลับท้องสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือ มีประจำเดือนผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน
ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น อึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
มีไข้ต่ำๆ หาสาเหตุไม่ได้
มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้
ผอมลงมากใน 6 เดือน น้ำหนักลดลงจากเดิม 10%
มีจ้ำห้อเลือดง่าย หรือ มีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย
ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือ แขน/ขาอ่อนแรง หรือ ชักโดยไม่เคยชักมาก่อน
ปวดหลังเรื้อรัง และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ อาจร่วมกับ แขน/ขาอ่อนแรง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่