เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...คือมีอยู่วันนึงเมื่อผมกลับมาถึงบ้านแล้วเดินผ่านรถยนต์ที่บ้าน Nissan cefiro คันโปรดของคุณนาย (คุณแม่ผมเองครับ)

พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็ได้พบรอยโดนเบียดอยู่รอยนึงผมก็เลยถามคุณนายเค้าว่า "เอาไปเจิมอะไรเข้ามาล่ะครับ" คุณนายเค้าก็ตอบกลับมาว่า
"แม่ก็ไม่แน่ใจนะ....แม่จำไม่ได้แล้วอะลูก" (และก็เป็นที่แน่นอนครับ! รถเก่าประกันภัยชั้น 3 ไปซ่อมกันเอาเองครัชชชชชชช!)
ผมคิดในใจ.....คือถ้าเพิ่งโดนเบียดมาเนี่ยน่าจะยังพอลบง่ายอยู่น่ะ ก็เลยลองพยายามมองหาอุปกรณ์ที่มีอยู่ในบ้านก่อน.......สุดท้ายยยยยยยก็ไม่มี อย่าเสียเวลาหาต่ออีกเล้ยยยยยย นี่ก็เย็นมากละใกล้มืดแล้วด้วย เลยไปห้าง Big C ที่อยู่แถวบ้าน เพื่อไปหาซื้อพวกน้ำยา scratch remover มาใช้ดีกว่า ในใจนี่คิดถึงอย่างแรกเลยคือ Cana แต่เดินหาแล้วก็ไม่มี (มีแต่ Carpro นี่ก็ออกแนว Cream Wax ซึ่งใช้ไม่ได้แน่ๆ) กำลังจะถอดใจละเด๋วพรุ่งนี้ค่อยไปเดินคลองถมละกันนะ (บ้านอยู่ไม่ไกลจากคลองถมมากนักครับ) ปรากฏว่าไปเจอเจ้าตัวนี้เข้าพอดี และเหมือนเคยเห็นโฆษณาใน Net พอผ่านๆตาอยู่บ้าง เลยตัดสินใจลองซื้อมาใช้ดู

เค้าลดราคาเหลือร้อยกว่าบาท (แต่จำราคาที่แน่นอนไม่ได้อะ) สำหรับผมราคานี้ก็โอเคอยู่นะ (ถือว่าได้ทดลองอะไรที่ไม่เคยได้ใช้มาก่อนด้วย)
และก็ตามด้วยซื้อเจ้าตัวนี้มาอีกตัว


ลดราคาเหมือนกันครับตัวนี้จำได้ๆ 149บาทครับ เอามาใช้เก็บงานหลังจากลงเจ้า D1S ตัวบนน่ะครับ ตัวนี้เคยลองผ่านมือมาละครับ เอาจริงๆเลยนะ ถ้าคิดว่าจะใช้เคลือบเป็นตัวหลักอะ....ไม่ทนหรอก! แต่ถ้าจะเอาไว้ใช้ลบพวกรอยคราบน้ำยา Compound อะดีมากเลย
พอซื้อเสร็จกลับมาบ้านก็ลองเปิด Youtube แล้วนั่งดูโฆษณาซิว่าเจ้าผลิตภัณฑ์ D1S ตัวนี้เค้าดียังไง (ขออนุญาติแปะไว้นะครับ)
https://www.youtube.com/watch?v=0PPMppNSVVA
โอ้โห...........ใช้แรงมือ+น้ำยา+ผ้าชามัวร์ แค่นี้ก็ได้แล้วหราาาาาาาาาา ได้เลยเด๋วพี่จัดให้นะไอน้อง ลงมือทำกันเลยดีกว่า!..........ก็เอามือถูๆวนๆหมุนๆไปดิ เมื่อยมือชิบ.....เลย ผ่านไป 10นาที ความยาวกว่าโฆษณาตอนที่เค้าขัดให้ดูซะอีก scratch แผ่นเป็นดีเจทั้งเพลงจนจบเพลงละ T_T สรุปคือ.....ไม่ออกอะ! (ก็ออกแหละแต่ออกแบบนิดเดียวจริงๆไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปน่ะครับ....ผมก็ดันลืมถ่ายรูปตอนก่อนใช้มือขัดไว้ด้วยอะ) คิดในใจ.....ก็นั่นมันโฆษณาหนิอะไรๆก็ต้องทำให้มันดูง่ายๆไปหมดสิ มันคือPropที่ทางทีมงานเค้าสร้างขึ้นมา ไม่ใช่สถานะการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆซักหน่อย แรงปะทะ มุมในการปะทะ ประเภทของสี ระยะเวลา ฯลฯ โอ๊ยยยยยยย วิทยาศาสตร์เกิ๊นนนนน......ตัวแปรมันเยอะ!
ฉุกคิดได้อีกทีคือ......หรือว่ารอยนี้มันโดนมานานแล้วหว่าาาาาาา แบบนี้สีมันก็คงแข็งตัวติดรถไปแล้วแน่ๆเลย ต้องเครื่องแล้วล่ะ วันรุ่งขึ้นเปิด Net เลย ณ วันที่สั่งซื้อของคือ 12/12/2018 Shopee เค้าฉลองอะไรกันก็ไม่รุอะ....แต่ฟรีค่าจัดส่ง ผมก็เลยจัดมาเลยครับ
ชุดฟองน้ำขัดสีรถยนต์ขนาด 3นิ้ว 1ชุด ราคา 99บาท ก็ได้หลายชิ้นอยู่น่ะครับ
ผมเอามานั่งเรียงตามความแข็งของแต่ละสี ก็ได้ตามในรูปนี้เลยครับ ( แข็ง>นุ่ม )

ตามด้วยเครื่องขัดสีรถยนต์ยี่ห้อยอดฮิตของชาว DIY For My Car มา 1เครื่อง ราคา 365บาท

ประมาณ 4-5วันเองนะครับถ้าผมจำไม่ผิด ของมาส่งละ เด๋วนี้เค้าส่งของกันไวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอาล่ะ เรามาเริ่มกันต่อเลยพร้อมละครับ
รอยนี้ที่โดนครับ ตอนแรกถูด้วยมือออกไปได้แบบว่านิดดดดดดดดดเดียววววววววจริงๆครับ......เด๋วทีนี้จะใช้เครื่องก็ละกันนะครับ

พอใช้น้ำยา D1S กับ เครื่องเท่านั้นแหละ ง่ายยยยยมว๊ากกกกกกกกกกก ลองเปิดเครื่องรอบต่ำก่อน (เบอร์ 1) เดินเครื่อง ซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย บนลงล้าง ล้างขึ้นบน ไม่กดแช่ ไม่กดอยู่กับที่ เพื่อให้น้ำยามันนิ่งและกระเด็นน้อยลงก่อน ตามด้วยเบอร์ 2 แป๊ปเดวเท่านั้นแหละสีแข็งๆที่ติดอยู่หายไปเลย เจ้า D1S นี่ก็แอบเจ๋งใช่ย่อยเลยนะครับ มีติดบ้านเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินก็ไม่เสียหายอะไรน่ะ

แต่กลับเจออุปสรรคใหม่แทน ให้สังเกตุดูภาพสะท้อนที่อยู่ในรูปนะครับ จะมีรอยบาดลึกของกันชนอยู่ตรงบริเวณ รองเท้าของผม กับ อยู่ตรงเหนือมือถือ ( ต้องขออภัยที่ไม่ได้ใส่เสื้อน่ะครับ วันนั้นอากาศมันร้อนจริงๆ แถมก็ไม่ใส่หน้ากากปิดจมูก เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีอย่าทำตามนะครับ ^_^" ) ทำไงดีล่ะทีนี้.........คงต้องใช้วิชากระดาษทรายเข้าช่วยละ เหมือนเดิมครับ วันรุ่งขึ้นไปเดินคลองถม ซื้อของมาเลย โชคดีเป็นรอยบาดที่ลึกไม่มากเลยใช้กระดาษทรายตามนี้ครับ เบอร์ 1200 ตามด้วย 2000 และจบด้วย 3000
ส่วนราคาก็ 20บาท/แผ่น ยกเว้นเบอร์ 3000 มันเป็นกระดาษทรายกลม 6นิ้ว ราคา 35บาท เอามาตัดแบ่งใช้อีกทีครับ

เบอร์ 1500 ผมคิดว่าไม่น่าจะเอาอยู่นะเพราะเป็นรอยลึก ไม่ใช่รอย เม็ดฝุ่น หรือ ผิวส้ม ส่วนเบอร์ 1000 นี่ตอนแรกก็คิดว่าจะลอง พอลง 1200 แล้วเอาอยู่ ก็พอเลยหยุดที่เบอร์นี้นี่แหละ เด๋วมันจะกินหน้าแลคเกอร์เยอะเกินไป แล้วก็ง่ายๆเลยครับ น้ำเปล่าผสมน้ำยาล้างจานเอากระดาษทรายแช่ลงไปก่อนซัก 10นาที แล้วทำ Wet Sanding ค่อยๆลูบไปทีละนิดนะครับอย่าแรง (ย้ำ!ใช้คำว่าลูบนะครับ ตอนที่ทำนี่ผมแค่เอานิ้วหนีบกระดาษทรายไว้ แล้วป้ายๆด้วยซ้ำไม่ต้องออกแรงอะไรเยอะแยะเลย แป๊บเดียวแลคเกอร์ก็เรียบละ แต่ห้ามถู ห้ามขัด อย่าเผลอละกันนะครับ!) ก็ลูบไล่ตามเบอร์ไปน่ะครับ 1200 - 2000 - 3000 เสร็จแล้วก็ล้างให้สะอาด เอาไดร์เป่าผมเป่าไล่น้ำ (ของผมมีแบบปรับให้เป็นลมที่ไม่ผ่านความร้อนได้) ซับน้ำ และเป่าอีกรอบให้แห้งสนิท หน้าตาออกมาเป็นแบบนี้ครับ

อันนี้ผมเผลอตีวงกว้างรอบบาดแผลมากไปครับ...คือมันมือไปหน่อยอะ...อย่าทำตามนะ ให้กว้างมากกว่ารอยแผลนิดหน่อยก็พอครับ
แต่จริงๆถ้าจบการลูบกระดาษทรายได้ที่เบอร์ 5000 ก็จะดีมากครับ จะทำงานได้ง่ายขึ้นตอนใช้ยาขัดหยาบ ไม่ต้องใช้ใบขนแกะเลย ข้ามไปเป็นฟองน้ำได้เลย ปลอดภัยด้วย แล้วจบงานออกมาสวยด้วยครับ (ของ 3m ก็มีขายในเน็ตนะ แต่ผมขี้เกียจรอละอะครับ)
ถึงเวลาขัดยาแล้วครับ ก่อนอื่นผมเลือกฟองน้ำก่อน เอามาใช้ซัก 5ตัวตามรูปนี้ครับ
(จริงๆตอนที่ทำนี่ผมก็เอามาลองใช้เกือบทุกสีเลยนะไล่ตั้งแต่ ขนแกะ>สีดำ ยกเว้นสีเหลือง กับสีแดง แค่ลองจับดูแล้วผมรู้สึกว่ามันนุ่มไป คิดว่าไม่ได้ผลแน่ๆ คือของที่ไม่เคยใช้อะ ต้องเอามาลองดูก่อนว่ามันพอดีกับขั้นตอนการทำงานของเราและน้ำยาที่เรามีรึป่าว แข็งหยาบไปรึป่าว นุ่มละเอียดไปรึป่าว เปิดเครื่องแล้วลองเอาฟองน้ำไปแตะๆที่ตัวรถดูก็รู้ละ ถ้าอันไหนที่มันไม่พอดีผมก็ข้ามไป คัดเลือกจนเหลือเท่าที่เห็นนี่แหละครับ)

1.ใบขนแกะ 2.สีส้ม 3.สีขาว 4.สีฟ้า 5.สีดำ
ตอนไปคลองถมผมก็ซื้อยาขัดมาด้วยนะครับลืมบอกไป
ตัวนี้ขัดหยาบครับ ผมเรียก 3m กระป๋อง ละกันนะครับ 180บาท

ตัวนี้ขัดละเอียดครับ 3m ฝาแดง 250บาท


เริ่มกันเลย.........เริ่มจาก 1.ใบขนแกะ กับ 3m กระป๋อง ก่อนใช้ยาขัดผมฉีดน้ำเปล่า (ฟ๊อกกี้) ลงบนใบขนแกะเอาพอเป็นละอองชื้นๆ และเตรียมผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำบิดหมาดๆ เอาไว้ประคบหลังขัดเสร็จ (ประคบเอาไว้เฉยๆนะครับ ห้ามถู ห้ามลากผ้า จริงๆต้องใช้ผ้าชามัวร์นะ แต่ผมหาแล้วไม่เจอ สงสัยจะทำหายในบ้านนี่แหละ+ขี้เกียจหาด้วยล่ะครับ) เพื่อลดอุณหภูมิตรงบริเวณรอยขัดด้วยครับ (มีเผื่อเอาไว้....ถ้ากลัวว่าจะร้อนเกินไปเพราะเป็นเครื่อง RO) เวลาทำก็อย่ากดเครื่องหนักเกินไปด้วยนะครับ แค่ลากๆป้ายๆผ่อนแรงของเครื่องบ้าง ถ้าตรงไหนไม่ได้จริงๆก็ค่อยๆเพิ่มรอบเครื่อง หรือค่อยๆเพิ่มแรงกดไปทีละนิดนะครับ เครื่อง RO+ใบขนแกะ (รวมถึงพวกฟองน้ำด้วยนะ) นี่ขึ้นชื่อเรื่องความ sensitive และความรุนแรงอยู่แล้วครับ ถ้ากดหนักไปหรือเพิ่มรอบมากไปก็อาจจะทำให้สีไหม้ได้นะ


ขัดออกมาแล้วเป็นแบบนี้ครับ

ตอนขัดใบขนแกะเสร็จ ผมลืมถ่ายรูปแบบตอนที่ใช้แสงแฟล็ตถ่าย แต่หลายๆท่านก็คงพอจะทราบกันอยู่แล้วว่า รอยขัดด้วยใบขนแกะบนแสงแฟล็ตมันเป็นยังไง........เป็นริ้วๆวนๆ ( Wool pad swirl marks ) ไม่เรียบไม่สวยอยู่แล้วน่ะครับ เด๋วรูปต่อๆไปมีทั้ง 2แบบละครับ
ตัวต่อไปก็........ 2.สีส้ม กับ 3m กระป๋อง น้ำยาตัวเดิมแต่เปลี่ยนฟองน้ำครับ รอย swirl ยังใหญ่อยู่ครับ

3.สีขาว กับ 3m ฝาแดง รอย swirl เล็กแล้ว

4.สีฟ้า กับ 3m ฝาแดง เหมือนกันครับ น้ำยาตัวเดิมแต่เปลี่ยนฟองน้ำครับ รอย swirl ใกล้จะหมดแล้ว

และจบงานตัวสุดท้าย...... 5.สีดำ กับ Karshine ขวดแดง ตัวน้ำยามันเหลวๆคล้ายๆน้ำเลยแหละ ขัดง่าย เช็ดง่าย ไว้ใช้ลบรอยคราบน้ำยาต่างๆได้ดีทีเดียวเลย (ถามว่าใช้แค่น้ำเปล่าเช็ดคราบน้ำยาต่างๆไม่ได้หรอ......ใช้ได้ครับ! แต่ผิวสีของตัวรถก็จะแห้งไปเลย และก็ใช้ลบได้ไม่สะอาดเท่าน้ำยาพวกนี้อยู่แล้วแน่ๆ) จริงๆผมก็มี 3m gloss enhancer เหมือนกันนะครับ (ตัวนี้แค่ฉีดแล้วก็ตามด้วยใช้ผ้าเช็ด) 2ตัวนี้ใช้ทดแทนกันได้ แต่แค่ผมอยากลองใช้ Karshine ขวดแดงร่วมกับ เครื่องขัดเฉยๆน่ะครับ (ตัวนี้เค้าออกแแบบมาให้ใช้กับเครื่องขัดสีได้ด้วยครับ)

(แต่ถ้าอยากจะเคลือบ Wax จริงๆผมแนะนำให้ใช้เป็นพวก paste wax จะดีกว่า...ทนกว่าเยอะเลยครับ)

ขอจบงานแค่นี้ก่อนนะครับ ดูจากสภาพรถแล้วคงต้องล้างรถทั้งคันอีกทีก่อน แล้วค่อยลง wax เพิ่มเติมครับ ซื้อมาแล้ว 3m paste wax 150g 450บาท ของเค้าดีจริงๆครับ รอบนี้ขอแค่แก้สีแก้รอยลึกรอยถลอกเฉยๆไปก่อนน่ะครับ
ขอบคุณที่สละเวลามานั่งอ่านนะครับ ถ้าท่านกูรูท่านใดอยากจะมีอะไรแนะนำผมก็เชิญได้เลยนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง......ขอบคุณคร้าบบบบบบบบ
ป.ล. รูปอุปกรณ์ที่ถ่ายคือ ใช้ทำงานเสร็จแล้วเลยหยิบเอามาถ่ายเพื่อใช้ประกอบการเล่าเรื่องราว ไม่สะดวกถ่ายไปขัดสีไปจริงๆครับ เพราะทำอยู่คนเดียว จับกล้องไม่ได้ แต่ขอรับรองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานนี้ขัดสีจริงๆครับ (กล้าสาบานมะ?.....ก็ได้เลยนะ! จัดให้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครัชชชช)
[CR] DIY ลบรอยถลอกจากการโดนเบียดของรถยนต์ แบบคุ้มค่าราคาไม่แรงครับ
"แม่ก็ไม่แน่ใจนะ....แม่จำไม่ได้แล้วอะลูก" (และก็เป็นที่แน่นอนครับ! รถเก่าประกันภัยชั้น 3 ไปซ่อมกันเอาเองครัชชชชชชช!)
ผมคิดในใจ.....คือถ้าเพิ่งโดนเบียดมาเนี่ยน่าจะยังพอลบง่ายอยู่น่ะ ก็เลยลองพยายามมองหาอุปกรณ์ที่มีอยู่ในบ้านก่อน.......สุดท้ายยยยยยยก็ไม่มี อย่าเสียเวลาหาต่ออีกเล้ยยยยยย นี่ก็เย็นมากละใกล้มืดแล้วด้วย เลยไปห้าง Big C ที่อยู่แถวบ้าน เพื่อไปหาซื้อพวกน้ำยา scratch remover มาใช้ดีกว่า ในใจนี่คิดถึงอย่างแรกเลยคือ Cana แต่เดินหาแล้วก็ไม่มี (มีแต่ Carpro นี่ก็ออกแนว Cream Wax ซึ่งใช้ไม่ได้แน่ๆ) กำลังจะถอดใจละเด๋วพรุ่งนี้ค่อยไปเดินคลองถมละกันนะ (บ้านอยู่ไม่ไกลจากคลองถมมากนักครับ) ปรากฏว่าไปเจอเจ้าตัวนี้เข้าพอดี และเหมือนเคยเห็นโฆษณาใน Net พอผ่านๆตาอยู่บ้าง เลยตัดสินใจลองซื้อมาใช้ดู
และก็ตามด้วยซื้อเจ้าตัวนี้มาอีกตัว
พอซื้อเสร็จกลับมาบ้านก็ลองเปิด Youtube แล้วนั่งดูโฆษณาซิว่าเจ้าผลิตภัณฑ์ D1S ตัวนี้เค้าดียังไง (ขออนุญาติแปะไว้นะครับ)
https://www.youtube.com/watch?v=0PPMppNSVVA
โอ้โห...........ใช้แรงมือ+น้ำยา+ผ้าชามัวร์ แค่นี้ก็ได้แล้วหราาาาาาาาาา ได้เลยเด๋วพี่จัดให้นะไอน้อง ลงมือทำกันเลยดีกว่า!..........ก็เอามือถูๆวนๆหมุนๆไปดิ เมื่อยมือชิบ.....เลย ผ่านไป 10นาที ความยาวกว่าโฆษณาตอนที่เค้าขัดให้ดูซะอีก scratch แผ่นเป็นดีเจทั้งเพลงจนจบเพลงละ T_T สรุปคือ.....ไม่ออกอะ! (ก็ออกแหละแต่ออกแบบนิดเดียวจริงๆไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปน่ะครับ....ผมก็ดันลืมถ่ายรูปตอนก่อนใช้มือขัดไว้ด้วยอะ) คิดในใจ.....ก็นั่นมันโฆษณาหนิอะไรๆก็ต้องทำให้มันดูง่ายๆไปหมดสิ มันคือPropที่ทางทีมงานเค้าสร้างขึ้นมา ไม่ใช่สถานะการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆซักหน่อย แรงปะทะ มุมในการปะทะ ประเภทของสี ระยะเวลา ฯลฯ โอ๊ยยยยยยย วิทยาศาสตร์เกิ๊นนนนน......ตัวแปรมันเยอะ!
ฉุกคิดได้อีกทีคือ......หรือว่ารอยนี้มันโดนมานานแล้วหว่าาาาาาา แบบนี้สีมันก็คงแข็งตัวติดรถไปแล้วแน่ๆเลย ต้องเครื่องแล้วล่ะ วันรุ่งขึ้นเปิด Net เลย ณ วันที่สั่งซื้อของคือ 12/12/2018 Shopee เค้าฉลองอะไรกันก็ไม่รุอะ....แต่ฟรีค่าจัดส่ง ผมก็เลยจัดมาเลยครับ
ชุดฟองน้ำขัดสีรถยนต์ขนาด 3นิ้ว 1ชุด ราคา 99บาท ก็ได้หลายชิ้นอยู่น่ะครับ
ผมเอามานั่งเรียงตามความแข็งของแต่ละสี ก็ได้ตามในรูปนี้เลยครับ ( แข็ง>นุ่ม )
เอาล่ะ เรามาเริ่มกันต่อเลยพร้อมละครับ
รอยนี้ที่โดนครับ ตอนแรกถูด้วยมือออกไปได้แบบว่านิดดดดดดดดดเดียววววววววจริงๆครับ......เด๋วทีนี้จะใช้เครื่องก็ละกันนะครับ
ส่วนราคาก็ 20บาท/แผ่น ยกเว้นเบอร์ 3000 มันเป็นกระดาษทรายกลม 6นิ้ว ราคา 35บาท เอามาตัดแบ่งใช้อีกทีครับ
แต่จริงๆถ้าจบการลูบกระดาษทรายได้ที่เบอร์ 5000 ก็จะดีมากครับ จะทำงานได้ง่ายขึ้นตอนใช้ยาขัดหยาบ ไม่ต้องใช้ใบขนแกะเลย ข้ามไปเป็นฟองน้ำได้เลย ปลอดภัยด้วย แล้วจบงานออกมาสวยด้วยครับ (ของ 3m ก็มีขายในเน็ตนะ แต่ผมขี้เกียจรอละอะครับ)
ถึงเวลาขัดยาแล้วครับ ก่อนอื่นผมเลือกฟองน้ำก่อน เอามาใช้ซัก 5ตัวตามรูปนี้ครับ
(จริงๆตอนที่ทำนี่ผมก็เอามาลองใช้เกือบทุกสีเลยนะไล่ตั้งแต่ ขนแกะ>สีดำ ยกเว้นสีเหลือง กับสีแดง แค่ลองจับดูแล้วผมรู้สึกว่ามันนุ่มไป คิดว่าไม่ได้ผลแน่ๆ คือของที่ไม่เคยใช้อะ ต้องเอามาลองดูก่อนว่ามันพอดีกับขั้นตอนการทำงานของเราและน้ำยาที่เรามีรึป่าว แข็งหยาบไปรึป่าว นุ่มละเอียดไปรึป่าว เปิดเครื่องแล้วลองเอาฟองน้ำไปแตะๆที่ตัวรถดูก็รู้ละ ถ้าอันไหนที่มันไม่พอดีผมก็ข้ามไป คัดเลือกจนเหลือเท่าที่เห็นนี่แหละครับ)
ตอนไปคลองถมผมก็ซื้อยาขัดมาด้วยนะครับลืมบอกไป
ตัวนี้ขัดหยาบครับ ผมเรียก 3m กระป๋อง ละกันนะครับ 180บาท
ตัวต่อไปก็........ 2.สีส้ม กับ 3m กระป๋อง น้ำยาตัวเดิมแต่เปลี่ยนฟองน้ำครับ รอย swirl ยังใหญ่อยู่ครับ
4.สีฟ้า กับ 3m ฝาแดง เหมือนกันครับ น้ำยาตัวเดิมแต่เปลี่ยนฟองน้ำครับ รอย swirl ใกล้จะหมดแล้ว
ขอบคุณที่สละเวลามานั่งอ่านนะครับ ถ้าท่านกูรูท่านใดอยากจะมีอะไรแนะนำผมก็เชิญได้เลยนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง......ขอบคุณคร้าบบบบบบบบ
ป.ล. รูปอุปกรณ์ที่ถ่ายคือ ใช้ทำงานเสร็จแล้วเลยหยิบเอามาถ่ายเพื่อใช้ประกอบการเล่าเรื่องราว ไม่สะดวกถ่ายไปขัดสีไปจริงๆครับ เพราะทำอยู่คนเดียว จับกล้องไม่ได้ แต่ขอรับรองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานนี้ขัดสีจริงๆครับ (กล้าสาบานมะ?.....ก็ได้เลยนะ! จัดให้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครัชชชช)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม