[CR] รีวิว...ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น 14วัน 26 ตุลาคม – 10 พฤศจิกายน ตอนที่3 Tokyo-Nikko-Kawagoe-Yokohama

ตอนที่1 Haneda-Abashiri-Asahikawa
https://pantip.com/topic/38364233

ตอนที่2 Sapporo-Otaru-Yoichi-Hakodate
https://pantip.com/topic/38367191
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท่านสามารถอ่าน2ตอนแรกได้ตามลิงค์ด้านบนนะครับ...ภาคสุดท้ายแล้วครับ จากนี้เราจะเดินทางจาก Hakodate เข้า Tokyo แน่นอนว่านั่งรถไฟไป กระทู้นี้ยาวเหยียดเหมือนเคย...พร้อมแล้ว ไปกันเลยครับ

จาก Hakodate ต้องนั่งรถไฟไปที่สถานี Shin-Hakodate Hokuto เพื่อไปนั่งรถไฟ Shinkansen เข้าTokyo ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 260 นาทีหรือ 4 ชั่วโมงกว่า(จะนานไปใหน)

ตั๋วรถไฟสามารถซื้อได้ล่วงหน้าจากเวปไซท์ของ JR East ได้เลยแต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถจองได้ทุกขบวน ในเวปจะมีรายชื่ออยู่ว่าขบวนใหนที่จองออนไลน์ได้บ้าง

มีกติกานิดหน่อยสำหรับผู้ถือบัตร Japan Rail Pass คือถ้าถือ Ordinary แล้วอยากนั่ง Green จะต้องจ่ายเงินเพิ่มแต่สำหรับ Gran class ไม่สามารถใช้ Japan Rail Pass ได้ไม่ว่าจะถือ Ordinary หรือ Green และจะต้องไปรับตั๋วก่อนเวลา 3 ทุ่ม 1 วันล่วงหน้าก่อนการเดินทางไม่อย่างนั้นถูกปรับ
จองออนไลน์ล่วงหน้าไปเรียบร้อยโดยจะต้องใส่ข้อมูลบัตรเครดิตด้วย เมื่อไปเอาตั๋วพนักงานจะเอาบัตรเครดิตไปรูดแล้วข้อมูลจะขึ้นมาเลยและเงินจะตัดผ่านบัตรเลย

ถือ Ordinary แต่อยากนั่ง Gran Class จ่ายเต็มสิเธอ...แพงมหาโหด แต่สำหรับประสบการณ์และเวลาในการเดินทางแล้วถือว่าคุ้ม นั่งยาว 4 ชมให้เต็มที่
ที่นั่งชั้น Gran Class จะอยู่ในรถไฟ 2 รุ่นในตอนนี้คือ E5 สีเขียวที่วิ่งจาก Tokyo ขึ้นเหนือ และ E7 รุ่นใหม่สีน้ำเงินที่วิ่งจาก Tokyo ไป Kanazawa ดังนั้นเมื่อมีโอกาสที่ไม่ได้มีบ่อยๆก็ยอมจ่ายล่ะ

เดินไปตู้ที่10 แล้วเข้าไปเลย ที่นั่งจัดแบบ 1 และ 2 ใครมาเดี่ยวก็นั่งเดี่ยวได้ ใครมาคู่ก็เลือกแบบคู่ไป ลักษณะที่นั่งคล้ายๆเก้าอี้แบบ Business Class รุ่นกลางเก่ากลางใหม่บนเครื่องบินคือเอนได้แต่ไม่ราบและมีกล่องที่นั่งของใครของมัน เอนไปก็ไม่รบกวนคนข้างหลัง

ที่ว่างระหว่างเก้าอี้เหลือเฟือจริงๆ เหยียดขาได้สบาย นอนได้สบายทำให้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงกว่ารู้สึกสั้นลงได้ เคยเห็นมาบ้างว่ามีคนบอกว่า Shinkansen นิ่มมาก วางเหรียญแนวตั้งยังไม่ล้ม จริงๆมันไม่ขนาดนั้นหรอกมันก็มีสั่นสะเทือนบ้างเหมือนรถที่วิ่งบนถนนเรียบๆอ่ะแหละ มันก็มีสะเทือนบ้าง


ชั้นนี้มีขนม และเครื่องดื่มให้ไม่อั้นทั้งแบบมีแอลกอฮอลและเครื่องดื่มทั่วไป ผู้หญิงนั่งข้างหน้าเยื้องๆกับผม ช่วงเวลา 4 ชม. เธอดื่มไวน์ขาว ไวน์แดง อย่างละขวด(แน่นอนว่าขวดเล็ก)และเบียร์อีก 1 ขี้เมาใช่เล่น

และมีอาหารให้ด้วยรสชาติธรรมดาไม่ได้พิเศษอะไร ปริมาณเมื่อเทียบกับข้าวกล่องปกติ อันนี้จะน้อยกว่าหน่อย ถ้าถือว่ากินพออิ่มแล้วกินขนมไปเรื่อยๆก็ได้นะ

สิ่งที่ผมรู้สึกต่างจาก Shinkansen ชั้นปกติคือ ชั้นนี้ “เงียบ” มาก ชั้นอื่นๆยังมีเสียงคุยอะไรบ้างเบาๆแต่นี่เงียบสนิท แต่ละคนนั่งกันเงียบๆ จะสั่งอะไรกับพนักงานก็แทบจะกระซิบกันไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ทุกเที่ยวหรือเปล่า

ที่สถานี Morioka ขบวน E5 จะเชื่อมกับขบวน E6 สีแดงที่มาจาก Akita เราก็ไม่รอช้ารีบวิ่งลงรถไฟไปถ่ายภาพการเชื่อมต่อรถไฟกันหน่อย คนญี่ปุ่นเองก็ดูจะตื่นเต้นกับการเชื่อมต่อรถไฟแบบนี้ไม่น้อย มายืนถ่ายภาพกันเยอะเลย

โรงแรม: Hotel Metropolitan Tokyo Ikebukuro
ที่ตั้ง: ติดสถานีรถไฟ JR Ikebukuro เลยออกทางห้าง Lumine แล้วเดินข้ามถนนก็ถึงเลย
เวปไซท์: https://ikebukuro.metropolitan.jp/    
ชนิดห้องที่จอง: Standard twin สำหรับ 5 คืน
ราคาที่จ่าย: 103,014 เยนสำหรับ 5 คืนไม่รวมอาหารเช้า

ลงShinkansen แล้วต่อรถไฟมาที่ Ikebukuro คราวนี้เราจะนอนกันที่นี่ในช่วงที่อยู่ Tokyo ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเป็นย่านที่อยู่แล้วมีอะไรให้เดินนอนย่าน Shinjuku หรือ Ueno น่าจะดีกว่า Ikebukuro ย่านนี้เหมือนรวมหลายๆย่านมาอย่างละนิดแล้วจุดที่คึกคักจริงๆมันไกลจากสถานีนิดหน่อย ห้องพักใหญ่โต เตียงเบ่อเริ่มและปรับแอร์ได้...อ่า ในที่สุด

ร้าน Nabezo
ที่ตั้ง: โรงหนัง Humax ใกล้ตึก Sunshine Ikebukuro ชั้น 5
หมายเลขโทรศัพท์: 035-958-4141
เวลาเปิด-ปิด: จันทร์-ศุกร์ 11:30-15:00 และ 17:00-23:00 เสาร์-อาทิตย์ 11:30-23:00
เวปไซท์ http://nabe-zo.com/

เดินไปหาอะไรกินกัน ข้ามฝั่งเดินไปทางตึก Sunshine ฝนก็ตกไปพลางเห็นร้านนี้ตรงโรงหนัง Humax ขึ้นชั้น 5 ไปเลย มั่วๆไปเดี๋ยวดีเอง

ร้านชื่อ Nabezo หน้าร้านดูเงียบๆแต่ในร้านคนเยอะพอสมควร พนักงานพาเราไปที่โต๊ะแล้วเอาเมนูมาให้ราคาเริ่มต้นตั้งแต่คนละ 2,600 เยน จนถึงคนละ 4,600เยนซึ่งเป็นเนื้อวากิว แน่นอนว่าเราเลือกชุดเนื้อวากิว ร้านนี้เป็นแบบกินเท่าที่ไหว จำกัดเวลา 100 นาที

เนื้อมาแล้ว ลายสวยงามทีเดียว ชิ้นไม่บางเป็นกระดาษเหมือนบ้านเรา ออกจะหนาและชิ้นใหญ่เลยล่ะ เวลาจะสั่งเพิ่มก็สั่งกับพนักงานเลย เดี๋ยวเขาจะเอามาให้เป็นกล่องๆแบบนี้ น้ำซุปมีให้เลือกหลายแบบเราเลือก 2 แบบในหม้อเดียว ฝั่งหนึ่งเป็นสุกี้ ฝั่งหนึ่งเป็นชาบู

น้ำซุปสุกี้ดูจะเหมาะกว่า เข้มข้นและมีรสชาติมากกว่ายิ่งน้ำเนื้อที่ไขมันเยอะลงไปแช่จนไขมันละลายในซุป ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปอีก อร่อยมากๆ เราสั่งเนื้อวากิวกันไม่หยุด รวมๆน่าจะสั่งไป 6-7กล่องเลย อิ่มแทบจะนอนในร้าน

วันต่อมาเราเดินทางไปที่ Nikko ซึ่งเราค่อนข้างคาดว่าจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี ออกจากTokyo แต่เช้าถึง Nikko ตั้งแต่ยังไม่ 9 โมงเช้าแล้วก็เช่ารถขับที่นั่น 1 วัน ฝนยังตกๆหยุดๆแต่ยังดีที่เป็นวันธรรมดาคนไม่เยอะมาก

Akechidaira Ropeway
ที่ตั้ง: จากสถานี JR Nikko ใช้เส้นทางหมายเลข 120 มุ่งหน้าทะเลสาบ Chuzenji ขึ้นเขามาเรื่อยๆจะเจอสถานีกระเช้าและที่จอดรถ
หมายเลขโทรศัพท์:
เวลาเปิด-ปิด: เม.ย.-พ.ย. 08:40-16:00 ธ.ค.-มี.ค. 09:00-15:00 ปิดซ่อมช่วง 25กพ-15มีค
ค่าใช้จ่าย: ตั๋วไปกลับ 730เยน/คน
เวปไซท์ https://www.nikko-kotsu.co.jp/en/ropeway/

ป้ายแรกของเราคือขึ้นกระเช้าไปดูวิวมุมสูงของน้ำตก Kegon ขับรถมาตามถนนที่มุ่งหน้าไปทะเลสาบ Chuzenji ซึ่งพาเราขึ้นเขามาเรื่อยๆ รถไม่ถึงกับเยอะ(ช่วงบ่ายรถติดเลย) วิวระหว่างทางสวยมากใบไม้เปลี่ยนสีอย่างสวยงาม ไม่นานเราก็ขึ้นมาถึงบนเขา คนเยอะพอสมควร ไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าดีกว่า

ระหว่างรอคิวขึ้นกระเช้า เห็นคนบอกสุโก้ยๆกันเลยหันไปดู ฟ้าประทานวิวสวยๆมาให้เราแล้ว รุ้งกินน้ำโค้งสวยไปตามภูเขา ธรรมชาติสวยงามเสมอ มุมขวาล่างเห็นน้ำตกนั่นมั้ยครับ ขากลับเราจะไปดูให้ใกล้ขึ้น

ขึ้นกระเช้ามาถึงด้านบน ฝนตกมาอีกรอบ...ช่างแกล้งกันจัง หลบฝนอยู่พักหนึ่งฝนก็ซาแล้วเราก็ออกไปดูน้ำตกกัน ลิบๆโน่นเลย วิวบนนี้สวยจริงๆ และผมว่าสวยทุกฤดู

ซูมเข้าไปอีกหน่อย ด้านหน้าน้ำตกจะมีอีกน้ำตกหนึ่งซึ่งหาไม่เจอว่าชื่ออะไรและเหมือนจะไม่มีทางลงไปดูได้ แต่ดูจากบนนี้ก็สวยอยู่นะ
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น , Japan
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่