สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นเราแนะนำตัวก่อน สมมติว่าเราชื่อ ป. อายุ 27 เราเกิดในครอบครัวที่อบอุ่นและพอมีพอใช้ค่ะ อาจไม่ได้มีมากมายแต่พ่อแม่เราเลี้ยงเราแบบไม่น้อยหน้าใคร จนเรากับน้องแทบจะมีทุกอย่างที่คนอื่นๆเขามีกัน
ส่วนแฟนเรา น. อายุมากกว่าเรา3ปีค่ะ เขาเกิดในครอบครัวที่มีฐานะ แต่พ่อเขาเสียตั้งแต่เขายังเด็ก เลยมีแต่แม่กับพี่ชาย น้องชายค่ะ แฟนเราเป็นคนกลางแต่ไม่สนิทกับพี่น้องเลย เพราะแฟนเราพูดไม่เก่ง กับแม่เขาก็จะมีปัญหามากที่สุดเพราะเขาเป็นคนค่อนข้างเถรตรงจนไม่ค่อยดูสถานะการณ์ เราคบกันมาได้ 7 ปี ค่ะ น. ดีกับเรามาก ดูแลเราทุกอย่าง ผ่านเรื่องเลวร้ายต่างๆมาด้วยกันก็เยอะ เราจึงเป็นคู่ที่คนอื่นๆค่อนข้างอิจฉา เพราะเราต่างฝ่ายต่างเป็นผู้ให้และดูแลกันและกันอย่างดี
ปัญหาที่เกิดจากครอบครัวเขาที่เราเจอมาตลอด เราก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ เข้าหาคนอื่นไม่ค่อยได้ เพราะเราโดน bully มาตั้งแต่เด็ก ด้วยเพราะหน้าเราหยิ่งด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ ทุกๆสังคมถึงได้ไม่ค่อยชอบหน้าเราตั้งแต่ไม่รู้จักเรา ทั้งๆที่เรารักสังคมของทุกๆที่ที่เราก้าวเข้าไปรู้จัก และเป็นผู้ให้มาเสมอ แต่เรามักจะโดนหมั่นไส้เป็นการตอบแทน เราเจอเรื่องพวกนี้ซ้ำๆจนเราต้องไปพบจิตแพทย์ค่ะ หมอวินิจฉัยว่าเราเป็น "โรคไบโพล่าร์" มานานแล้ว อาจเป็นส่วนนึงที่ทำให้เรามีปัญหาในการพูดจาและเข้าสังคม สิ่งที่เราเจอจากครอบครัว น. ซ้ำๆ เช่น ไม่รับไหว้ ไม่ได้ยินที่เราพูด ห้ามไม่ให้แฟนเราไปรับไปส่งที่บ้านเด็ดขาด ถ้าอยากมาต้องขับรถไป-กลับเอง เป็นระยะทางกว่า30กม. ทางมาบ้านเราจะมีแต่ทุ่งนาไม่มีไฟค่ะ โดยที่แม่เขาบอกว่า ถ้าเกิดลูกเขามาส่งแล้วขากลับเกิดอุบัติเหตุเราจะรับผิดชอบยังไง นี่คือลูกเขา แต่เราคือคนอื่น ซึ่งแฟนเราจะเถียงเพื่อปกป้องเราทันที เลยทำให้คนอื่นตราหน้าเราว่าเราคือตัวปัญหาที่ก้าวเข้ามาทำให้ครอบครัวเขาลุกเป็นไฟ เราโดนชี้หน้าด่าว่า อีนี่ก็โง่ ไม่รู้จักประจบประแจง จากพ่อเลี้ยงของเขา และในวันที่เราโดนโกงเงินจากลูกน้องในโรงงานเขาเกือบแสนแล้วหนีไป เป็นเงินที่เราพยายามหาเพื่อมาปลูกบ้านให้พ่อกับแม่เรา เรายังโดนชี้หน้าด่าว่า หน้าตาไม่น่าโง่ขนาดนี้ ทำไมโง่ให้ลูกน้องเขาหลอก และจะให้เรารับผิดชอบยังไงกับคนงานของเขาที่หนีไป กะอีเงินแค่นี้ทำให้เขาเสียหายเท่าไหร่ คนงานเขาหาเงินเข้าโรงงานได้เท่าไหร่ เราร้องไห้แทบตายค่ะในตอนนั้น แต่พอโดนเขาชี้หน้าด่า ทุกครั้งเราทำแกล้งทำเป็นยิ้มและพยักหน้าทั้งน้ำตาทุกครั้ง
ส่วนปัญหาในส่วนของพี่น้องของเขา คือแฟนเราค่อนข้างเป็นคนเก็บกดนิดๆจากสิ่งรอบข้างตัวเขาค่ะ แต่พออยู่กับเราเขาจะเป็นคนร่าเริงและตลกเพราะเขาไม่เคยแสดงมุมนี้กับใครในบ้านเขาได้ แฟนเราจะเล่าให้ฟังตลอดว่าเขาโดนแกล้งตั้งแต่เด็กๆ จะมีแค่พ่อของเขาที่เขาคุยด้วยได้ มักจะโดนรวมหัวกันเพื่อกลั่นแกล้งเขาคนเดียว จนโต พี่ชายกับ น้องชายเขา ก็ดูสนิทกัน รวมถึงพี่สะใภ้เขาด้วย จนวันนึงที่พี่ชายของเขามีลูกชาย และเรารักหลานคนนี้เหมือนหล่นแท้ๆเราเลยค่ะ เราคิดว่าอย่างน้อยเราสนิทกับใครในบ้านเขาได้ซักคนคงดี และที่ง่ายที่สุดนั่นคือหลานคนนี้ค่ะ เพราะเด็กจะตัดสินเราง่ายที่สุดจากการกระทำและความรักที่เรามีให้เขา เขารับรู้ได้และหลานคนนี้ดันติดเรามากๆ เราซื้อของเล่น อาบน้ำ เล่นกับหลาน ทุกครั้งที่เรามีเวลาว่าง ทุกอย่างจะเทให้บ้านเขาทั้งหมดเลยค่ะ แต่ผลลัพธ์มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนในบ้านพาลกันหมั่นไส้เรามาก เพราะอะไรๆหลานก็จะถามหาแต่เรา ทักครั้งที่เราโผล่หน้าไปก็จะเรียกชื่อเราเสียงดัง 55
เห็นผลชัดเจนขึ้นตั้งแต่น้องชายเขามีแฟน ซึ่งแฟนน้องชายเขาเป็นเพื่อนของเราเองค่ะ แต่เราไม่ได้เป็นคนติดต่อให้นะ ที่รู้ว่าพวกเขาหมั่นไส้และรังเกลียดเราสองคนแค่ไหนเพราะน้องชายของเขาล็อคอินเฟสทิ้งไว้ในคอมที่ใช้ทำงานค่ะ เลยเห็นทั้งหมดว่าพวกเขาด่าเราว่าอะไรบ้าง และทุกๆเย็นเขา4 คนจะจับกลุ่มด่าเราสองคนกัน ทักครั้งที่เราไปหาหลาน ทุกคนเริ่มแสดงท่าทีรังเกลียดเราชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งหลานวิ่งเข้าหาเรา ทุกคนเงียบหมดค่ะ แล้วก็ทำเป็นคุยกัน4 คนปกติ โดยทำเหมือนเราสองคนเป็นอากาศ หลังๆเราเลยออกห่างมาเรื่อยๆ ตัดใจไม่ไปเจอหลาน และคำพูดที่แม่เขาพูดว่าเราเป็นคนอื่น ปล่อยให้มาเดินเพ่นพ้านบ้านเขาก็บุญแค่ไหนแล้วซึงเราไปทุกครั้งเราทำทุกอย่างนะคะ ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย ทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำที่บ้านตัวเอง ไม่เคยทำให้แม่ตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่เราทำให้บ้านเขาทุกอย่าง เพื่อแฟนเราค่ะ
เรากับแฟนเราอึดอัดมาก แต่เรารู้ว่าแฟนเราอึดอัดกว่าเรามากแค่ไหนเพราะเขาเป็นคนกลาง นี่ก็แฟน นั่นก็ครอบครัว เราเลยเก็บความเครียดทุกอย่างมาร้องไห้คนเดียว ตอนขับรถกลับบ้านบ้าง ตอนนอนบ้าง ไม่อยากให้เขารู้ มีแค่บางทีที่ทนไม่ไหวจริงๆ จนความอึดอัดและความเครียดต่างๆที่เราเจอ มันทำให้เราต้องก้าวขาไปหาพบจิตแพทย์ และก็แจ็คพ็อตค่ะ คุณหมอบอกเราเป็นโรคซ้ำเศร้ารุนแรง เพราะเราพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง พูดจาและเข้าสังคมได้ไม่ปกติ แพนิก มีอาการชักเกร็งเมื่อเครียดมากๆ รักษาได้ไม่นานคุณบอกวินิจฉัยเราว่าเป็นไบโพล่าร์เต็มตัวค่ะ เราทั้งกินยารักษาต่อเนื่อง ต้องเข้าแอทมิทใน รพ.จิตเวช รับมือกับผลข้างเคียงต่างๆของยารักษา และหมอสั่งเรากับแฟนว่า " ถ้าอยากหายต้องเลิกกัน เลิกติดต่อทุกช่องทาง เพราะปัจจัยของแฟนเราเป็นแรงกระตุ้นให้เราไม่มีวันหาย " เราร้องไห้กอดกัน และรับปากว่าจะเลิกกัน แต่ทำไม่ได้ค่ะ เรายังแอบติดต่อกันตลอด โดยไม่บอกให้คุณหมอรู้ จนผ่านมาเกือบ 2 ปี คุณหมอวินิจฉัยเราต่อไม่ได้ เพราะเราโกหกคุณหมอ คุณหมอเริ่มตรวจเลือดเพื่อปรับยาและหาเหตุผลต่างๆ พอแฟนเรารู้ เขาร้องไห้เสียใจมาก และเขาบอกว่าเขาจะปล่อยเราไป เราก็รักเขามากพอที่จะให้เขาไปเจอคนที่ปกติ คนที่ครอบครัวเขารัก แต่ในใจของเราทั้งคู่ยังทำไม่ได้ค่ะ มันทรมาณมาก เรารู้ว่าเขาทรมาณมากแค่ไหนที่ต้องตัดใจจากเรา และเราก็ยังรักเขามากๆ
อยากถามท่านผู้มีปีะสปการณ์คล้ายๆเหตุการณ์แบบนี้ค่ะ ว่าต้องทำยังไงต่อไป
จะมีทางเลือกอื่นมั้ยให้เราสองคนได้รักกันต่อ
หรือที่เราเลือกที่จะแยกออกจากกันมันดีกับเขาที่สุดแล้วคะ ?
+ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และขอบคุณทุกๆคนที่อ่านเรื่องของเราจนจบ ขอบคุณจริงๆค่ะ +
++ ปรึกษาปัญหาความรัก บนข้อจำกัดของ ครอบครัวแฟน และโรคไบโพล่าร์ หากต้องการทางออกที่ดีที่สุด??
ก่อนอื่นเราแนะนำตัวก่อน สมมติว่าเราชื่อ ป. อายุ 27 เราเกิดในครอบครัวที่อบอุ่นและพอมีพอใช้ค่ะ อาจไม่ได้มีมากมายแต่พ่อแม่เราเลี้ยงเราแบบไม่น้อยหน้าใคร จนเรากับน้องแทบจะมีทุกอย่างที่คนอื่นๆเขามีกัน
ส่วนแฟนเรา น. อายุมากกว่าเรา3ปีค่ะ เขาเกิดในครอบครัวที่มีฐานะ แต่พ่อเขาเสียตั้งแต่เขายังเด็ก เลยมีแต่แม่กับพี่ชาย น้องชายค่ะ แฟนเราเป็นคนกลางแต่ไม่สนิทกับพี่น้องเลย เพราะแฟนเราพูดไม่เก่ง กับแม่เขาก็จะมีปัญหามากที่สุดเพราะเขาเป็นคนค่อนข้างเถรตรงจนไม่ค่อยดูสถานะการณ์ เราคบกันมาได้ 7 ปี ค่ะ น. ดีกับเรามาก ดูแลเราทุกอย่าง ผ่านเรื่องเลวร้ายต่างๆมาด้วยกันก็เยอะ เราจึงเป็นคู่ที่คนอื่นๆค่อนข้างอิจฉา เพราะเราต่างฝ่ายต่างเป็นผู้ให้และดูแลกันและกันอย่างดี
ปัญหาที่เกิดจากครอบครัวเขาที่เราเจอมาตลอด เราก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ เข้าหาคนอื่นไม่ค่อยได้ เพราะเราโดน bully มาตั้งแต่เด็ก ด้วยเพราะหน้าเราหยิ่งด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ ทุกๆสังคมถึงได้ไม่ค่อยชอบหน้าเราตั้งแต่ไม่รู้จักเรา ทั้งๆที่เรารักสังคมของทุกๆที่ที่เราก้าวเข้าไปรู้จัก และเป็นผู้ให้มาเสมอ แต่เรามักจะโดนหมั่นไส้เป็นการตอบแทน เราเจอเรื่องพวกนี้ซ้ำๆจนเราต้องไปพบจิตแพทย์ค่ะ หมอวินิจฉัยว่าเราเป็น "โรคไบโพล่าร์" มานานแล้ว อาจเป็นส่วนนึงที่ทำให้เรามีปัญหาในการพูดจาและเข้าสังคม สิ่งที่เราเจอจากครอบครัว น. ซ้ำๆ เช่น ไม่รับไหว้ ไม่ได้ยินที่เราพูด ห้ามไม่ให้แฟนเราไปรับไปส่งที่บ้านเด็ดขาด ถ้าอยากมาต้องขับรถไป-กลับเอง เป็นระยะทางกว่า30กม. ทางมาบ้านเราจะมีแต่ทุ่งนาไม่มีไฟค่ะ โดยที่แม่เขาบอกว่า ถ้าเกิดลูกเขามาส่งแล้วขากลับเกิดอุบัติเหตุเราจะรับผิดชอบยังไง นี่คือลูกเขา แต่เราคือคนอื่น ซึ่งแฟนเราจะเถียงเพื่อปกป้องเราทันที เลยทำให้คนอื่นตราหน้าเราว่าเราคือตัวปัญหาที่ก้าวเข้ามาทำให้ครอบครัวเขาลุกเป็นไฟ เราโดนชี้หน้าด่าว่า อีนี่ก็โง่ ไม่รู้จักประจบประแจง จากพ่อเลี้ยงของเขา และในวันที่เราโดนโกงเงินจากลูกน้องในโรงงานเขาเกือบแสนแล้วหนีไป เป็นเงินที่เราพยายามหาเพื่อมาปลูกบ้านให้พ่อกับแม่เรา เรายังโดนชี้หน้าด่าว่า หน้าตาไม่น่าโง่ขนาดนี้ ทำไมโง่ให้ลูกน้องเขาหลอก และจะให้เรารับผิดชอบยังไงกับคนงานของเขาที่หนีไป กะอีเงินแค่นี้ทำให้เขาเสียหายเท่าไหร่ คนงานเขาหาเงินเข้าโรงงานได้เท่าไหร่ เราร้องไห้แทบตายค่ะในตอนนั้น แต่พอโดนเขาชี้หน้าด่า ทุกครั้งเราทำแกล้งทำเป็นยิ้มและพยักหน้าทั้งน้ำตาทุกครั้ง
ส่วนปัญหาในส่วนของพี่น้องของเขา คือแฟนเราค่อนข้างเป็นคนเก็บกดนิดๆจากสิ่งรอบข้างตัวเขาค่ะ แต่พออยู่กับเราเขาจะเป็นคนร่าเริงและตลกเพราะเขาไม่เคยแสดงมุมนี้กับใครในบ้านเขาได้ แฟนเราจะเล่าให้ฟังตลอดว่าเขาโดนแกล้งตั้งแต่เด็กๆ จะมีแค่พ่อของเขาที่เขาคุยด้วยได้ มักจะโดนรวมหัวกันเพื่อกลั่นแกล้งเขาคนเดียว จนโต พี่ชายกับ น้องชายเขา ก็ดูสนิทกัน รวมถึงพี่สะใภ้เขาด้วย จนวันนึงที่พี่ชายของเขามีลูกชาย และเรารักหลานคนนี้เหมือนหล่นแท้ๆเราเลยค่ะ เราคิดว่าอย่างน้อยเราสนิทกับใครในบ้านเขาได้ซักคนคงดี และที่ง่ายที่สุดนั่นคือหลานคนนี้ค่ะ เพราะเด็กจะตัดสินเราง่ายที่สุดจากการกระทำและความรักที่เรามีให้เขา เขารับรู้ได้และหลานคนนี้ดันติดเรามากๆ เราซื้อของเล่น อาบน้ำ เล่นกับหลาน ทุกครั้งที่เรามีเวลาว่าง ทุกอย่างจะเทให้บ้านเขาทั้งหมดเลยค่ะ แต่ผลลัพธ์มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนในบ้านพาลกันหมั่นไส้เรามาก เพราะอะไรๆหลานก็จะถามหาแต่เรา ทักครั้งที่เราโผล่หน้าไปก็จะเรียกชื่อเราเสียงดัง 55
เห็นผลชัดเจนขึ้นตั้งแต่น้องชายเขามีแฟน ซึ่งแฟนน้องชายเขาเป็นเพื่อนของเราเองค่ะ แต่เราไม่ได้เป็นคนติดต่อให้นะ ที่รู้ว่าพวกเขาหมั่นไส้และรังเกลียดเราสองคนแค่ไหนเพราะน้องชายของเขาล็อคอินเฟสทิ้งไว้ในคอมที่ใช้ทำงานค่ะ เลยเห็นทั้งหมดว่าพวกเขาด่าเราว่าอะไรบ้าง และทุกๆเย็นเขา4 คนจะจับกลุ่มด่าเราสองคนกัน ทักครั้งที่เราไปหาหลาน ทุกคนเริ่มแสดงท่าทีรังเกลียดเราชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งหลานวิ่งเข้าหาเรา ทุกคนเงียบหมดค่ะ แล้วก็ทำเป็นคุยกัน4 คนปกติ โดยทำเหมือนเราสองคนเป็นอากาศ หลังๆเราเลยออกห่างมาเรื่อยๆ ตัดใจไม่ไปเจอหลาน และคำพูดที่แม่เขาพูดว่าเราเป็นคนอื่น ปล่อยให้มาเดินเพ่นพ้านบ้านเขาก็บุญแค่ไหนแล้วซึงเราไปทุกครั้งเราทำทุกอย่างนะคะ ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย ทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำที่บ้านตัวเอง ไม่เคยทำให้แม่ตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่เราทำให้บ้านเขาทุกอย่าง เพื่อแฟนเราค่ะ
เรากับแฟนเราอึดอัดมาก แต่เรารู้ว่าแฟนเราอึดอัดกว่าเรามากแค่ไหนเพราะเขาเป็นคนกลาง นี่ก็แฟน นั่นก็ครอบครัว เราเลยเก็บความเครียดทุกอย่างมาร้องไห้คนเดียว ตอนขับรถกลับบ้านบ้าง ตอนนอนบ้าง ไม่อยากให้เขารู้ มีแค่บางทีที่ทนไม่ไหวจริงๆ จนความอึดอัดและความเครียดต่างๆที่เราเจอ มันทำให้เราต้องก้าวขาไปหาพบจิตแพทย์ และก็แจ็คพ็อตค่ะ คุณหมอบอกเราเป็นโรคซ้ำเศร้ารุนแรง เพราะเราพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง พูดจาและเข้าสังคมได้ไม่ปกติ แพนิก มีอาการชักเกร็งเมื่อเครียดมากๆ รักษาได้ไม่นานคุณบอกวินิจฉัยเราว่าเป็นไบโพล่าร์เต็มตัวค่ะ เราทั้งกินยารักษาต่อเนื่อง ต้องเข้าแอทมิทใน รพ.จิตเวช รับมือกับผลข้างเคียงต่างๆของยารักษา และหมอสั่งเรากับแฟนว่า " ถ้าอยากหายต้องเลิกกัน เลิกติดต่อทุกช่องทาง เพราะปัจจัยของแฟนเราเป็นแรงกระตุ้นให้เราไม่มีวันหาย " เราร้องไห้กอดกัน และรับปากว่าจะเลิกกัน แต่ทำไม่ได้ค่ะ เรายังแอบติดต่อกันตลอด โดยไม่บอกให้คุณหมอรู้ จนผ่านมาเกือบ 2 ปี คุณหมอวินิจฉัยเราต่อไม่ได้ เพราะเราโกหกคุณหมอ คุณหมอเริ่มตรวจเลือดเพื่อปรับยาและหาเหตุผลต่างๆ พอแฟนเรารู้ เขาร้องไห้เสียใจมาก และเขาบอกว่าเขาจะปล่อยเราไป เราก็รักเขามากพอที่จะให้เขาไปเจอคนที่ปกติ คนที่ครอบครัวเขารัก แต่ในใจของเราทั้งคู่ยังทำไม่ได้ค่ะ มันทรมาณมาก เรารู้ว่าเขาทรมาณมากแค่ไหนที่ต้องตัดใจจากเรา และเราก็ยังรักเขามากๆ
อยากถามท่านผู้มีปีะสปการณ์คล้ายๆเหตุการณ์แบบนี้ค่ะ ว่าต้องทำยังไงต่อไป
จะมีทางเลือกอื่นมั้ยให้เราสองคนได้รักกันต่อ
หรือที่เราเลือกที่จะแยกออกจากกันมันดีกับเขาที่สุดแล้วคะ ?
+ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และขอบคุณทุกๆคนที่อ่านเรื่องของเราจนจบ ขอบคุณจริงๆค่ะ +