สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆ พี่ชาวพันทิป
ในบางครั้ง ถ้าหากตัวเจ้าของกระทู้ย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อไหร่ ยังคงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกผิดกับผลกระทบที่มาจากการกระทำของตัวเอง โดยที่ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คิดมากได้สักที
ย้อนไปเมื่อเกือบ 10 ปีทีแล้ว เจ้าของกระทู้เคยเป็นเด็กที่เรียนดี กิจกรรมเด่น บุคลิกร่าเริงแจ่มใส ได้รับความรักความชื่นชมจากเพื่อน ญาติพี่น้อง รุ่นน้อง และคณาจารย์มากมาย แต่มีจุดเปลี่ยนที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง เหตุการณ์ตอนนั้น คือ สละทุนการศึกษาซึ่งถือว่าเป็นทุนการศึกษาอันทรงเกียรติกลางคัน เนื่องมาจากเจ้าของกระทู้โดนบังคับจากทางบ้านอีกทีให้เรียนในสาขานั้น ทำให้ที่บ้านต้องจ่ายค่าชดเชยจำนวนเกือบสี่หมื่นบาท (แต่คนภายนอกเข้าใจว่าต้องจ่ายทุนเต็มจำนวนนั่นคือเกือบห้าแสนบาท)
จากเรื่องราวในครั้งนั้น ได้มีการเล่าปากต่อปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะการสละทุนกลางคัน ทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากนั้นมา คนรู้จักกลับกลายเป็นไม่ชอบและดูถูก ไม่ว่าจะเป็นบรรดาอาจารย์ รุ่นน้อง หรือแม้แต่กระทั่งญาติพี่น้อง ทำให้เจ้าของกระทู้รู้สึกไม่ที่ยืน ความทรงจำดีๆในตอนวัยเด็กและวัยรุ่นนั้นหายไปหมด และจังหวัดบ้านเกิดของเจ้าของกระทู้เป็นจังหวัดเล็กๆ ค่ะ วงสังคมเลยทำให้คนรู้จักกันแทบทั้งหมด การสละทุนการศึกษานั้นมิได้เกี่ยวข้องแค่กับตัวโรงเรียน แต่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดอีกด้วย นั่นหมายถึง มีบุคคลจากหลายวงการรับรู้เรื่องนี้ และเกือบทั้งหมดมองเจ้าของกระทู้ในแง่ลบตั้งแต่นั้นมา
ส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึงเชิงลบกับเรา เพราะมีคนพูดเรื่องไม่จริงว่าเราลาออกเพราะท้อง เราใจแตก หรือเราการลาออกของเราทิ้งหนี้ไว้ให้พ่อแม่เกือบล้านค่ะ
การกลับบ้านสำหรับเรา ไม่ได้มีความสุขเต็มร้อยแบบเพื่อนๆ เพราะกลับไปต้องเจอกับคำถามมากมาย บางคนมองเราเหมือนเราเป็นไส้เดือนกิ้งกือค่ะ รู้สึกแย่จริงๆ
ขอกลับมาเล่ารายละเอียดในส่วนของการรับทุนการศึกษาในครั้งนั้นนะคะ
ในตอนนั้นเจ้าของกระทู้ต้องจำใจรับทุนทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าเรียนตั้งแต่แรก เนื่องจากทางบ้านกดดันและยื่นคำขาด
ก่อนหน้านั้นหนึ่งปี ครอบครัวเจ้าของกระทู้ได้บังคับให้รับทุนศึกษาไปศึกษาต่อในชั้นมัธยมที่ต่างประเทศมาแล้ว มีระยะเวลารวม 1 ปี
ตอนรับทุนการศึกษาต่างประเทศ ก็เป็นเหมือนปมเล็กๆ ในใจเนื่องจากโดนบังคับ ความจริงการได้รับโอกาสไปศึกษาต่อเป็นโอกาสที่ดี แต่เราเองมีแผนการเรียนต่อมหาลัยในตอนนั้น หากไปต่างประเทศ จะทำให้แผนการเรียนสะดุด เลยรู้สึกเหมือนที่บ้านไม่ให้โอกาสและเชื่อใจให้เราได้ทำตามความตั้งใจของตัวเองเลย แต่สุดท้ายก็ขัดทางบ้านไม่ได้
ตัวเจ้าของกระทู้เป็นคนที่ตั้งใจเรียนมาตลอด แต่เมื่อโดนบังคับให้เข้าเรียนตามความตั้งใจของพ่อแม่ ในที่สุด เราเองก็ทนไม่ไหวขอลาออก
(เราไม่เคยโกรธพ่อกับแม่และทางบ้านเลยนะคะ ถึงแม้เขาอาจจะกดดันหรือบังคับไปบ้าง แต่ในวัยผู้ใหญ่ เราเข้าใจได้ว่า ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้มีอนาคตที่ดี การผลักดันหรือการบังคับจากทางบ้านในตอนนั้น ได้ทำให้เราพัฒนาตัวเอง มีอนาคตที่ดี และเราเองก็รู้สึกขอบคุณพ่อกับแม่เช่นกันค่ะ)
เหตุการณ์นั้น ได้ทิ้งร่องรอยไว้ เเม้เวลาผ่านมานานมาก เรากลายเป็นคนเงียบ ซึมเศร้า ระแวงทุกอย่างรอบตัว กลัวว่าการกระทำของตนเองจะทำร้ายผู้อื่น กลัวความผิดพลาด หนักเข้าคือการเฝ้าโทษตัวเองทุกวัน สูญเสียความมั่นใจ ..... และไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลถึงผลการเรียนในมหาวิทยาลัยของเราด้วย
เราได้ลืมภาพเด็กเรียนดีไปหมดแล้ว ในหัวมีแต่คำว่าความล้มเหลวที่ได้สร้างไว้ให้ครอบครัว
(แต่ทุกวันนี้เราพยายามดึงตัวเองออกมาจากความคิดเหล่านั้น เราพยายามสร้างกำลังใจ สร้างความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานและจะกลับไปเรียนต่อป.โทเร็วๆ นี้ค่ะ ครอบครัวก็คอยให้กำลังใจเราตลอด)
ตอนนี้ เรื่องดีๆในชีวิตคือ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกระทู้และครอบครัวดีมากค่ะ พอเรียนจบ เราก็ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายครอบครัว ดูแลพ่อแม่ดีเท่าที่เราจะทำได้
บางครั้งเหมือนเราโอเค แต่บางครั้งเราก็อดเศร้าไม่ได้เป็นเพราะเรารู้ตัวว่ารู้สึกว่ามีคนจำนวนหนึ่ง (เกือบร้อยคน ณ พื้นที่หนึ่งๆ เขาไม่ชอบเรา)
เจ้าของกระทู้อยากออกมาจากเรื่องราวเหล่านี้ แต่อย่างที่บอกว่าวงสังคมที่บ้านเกิดนั้นแคบมาก มองไปทางไหนคนก็รู้จักกันหมด
และบางคนยังคงมีปฏิสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับเจ้าของกระทู้จนถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดต่อเหตุการณ์ ต่อคำพูดต่างๆ ยังคงมีผลกับเราบ้าง อาจจะไม่มากจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นชะนักติดหลัง ที่จะยิ้มก็ยังคงยิ้มไม่สุด
เราอยากก้าวผ่านความรู้สึกนี้ได้ เราต้องทำยังไงบ้างคะ
ขอบคุณที่รับฟังและให้พื้นที่ได้ระบายนะคะ
ใช้ชีวิตอย่างไร ท่ามกลางความเกลียดชังจากคนรอบข้าง
ในบางครั้ง ถ้าหากตัวเจ้าของกระทู้ย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อไหร่ ยังคงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกผิดกับผลกระทบที่มาจากการกระทำของตัวเอง โดยที่ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คิดมากได้สักที
ย้อนไปเมื่อเกือบ 10 ปีทีแล้ว เจ้าของกระทู้เคยเป็นเด็กที่เรียนดี กิจกรรมเด่น บุคลิกร่าเริงแจ่มใส ได้รับความรักความชื่นชมจากเพื่อน ญาติพี่น้อง รุ่นน้อง และคณาจารย์มากมาย แต่มีจุดเปลี่ยนที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง เหตุการณ์ตอนนั้น คือ สละทุนการศึกษาซึ่งถือว่าเป็นทุนการศึกษาอันทรงเกียรติกลางคัน เนื่องมาจากเจ้าของกระทู้โดนบังคับจากทางบ้านอีกทีให้เรียนในสาขานั้น ทำให้ที่บ้านต้องจ่ายค่าชดเชยจำนวนเกือบสี่หมื่นบาท (แต่คนภายนอกเข้าใจว่าต้องจ่ายทุนเต็มจำนวนนั่นคือเกือบห้าแสนบาท)
จากเรื่องราวในครั้งนั้น ได้มีการเล่าปากต่อปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะการสละทุนกลางคัน ทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากนั้นมา คนรู้จักกลับกลายเป็นไม่ชอบและดูถูก ไม่ว่าจะเป็นบรรดาอาจารย์ รุ่นน้อง หรือแม้แต่กระทั่งญาติพี่น้อง ทำให้เจ้าของกระทู้รู้สึกไม่ที่ยืน ความทรงจำดีๆในตอนวัยเด็กและวัยรุ่นนั้นหายไปหมด และจังหวัดบ้านเกิดของเจ้าของกระทู้เป็นจังหวัดเล็กๆ ค่ะ วงสังคมเลยทำให้คนรู้จักกันแทบทั้งหมด การสละทุนการศึกษานั้นมิได้เกี่ยวข้องแค่กับตัวโรงเรียน แต่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดอีกด้วย นั่นหมายถึง มีบุคคลจากหลายวงการรับรู้เรื่องนี้ และเกือบทั้งหมดมองเจ้าของกระทู้ในแง่ลบตั้งแต่นั้นมา
ส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึงเชิงลบกับเรา เพราะมีคนพูดเรื่องไม่จริงว่าเราลาออกเพราะท้อง เราใจแตก หรือเราการลาออกของเราทิ้งหนี้ไว้ให้พ่อแม่เกือบล้านค่ะ
การกลับบ้านสำหรับเรา ไม่ได้มีความสุขเต็มร้อยแบบเพื่อนๆ เพราะกลับไปต้องเจอกับคำถามมากมาย บางคนมองเราเหมือนเราเป็นไส้เดือนกิ้งกือค่ะ รู้สึกแย่จริงๆ
ขอกลับมาเล่ารายละเอียดในส่วนของการรับทุนการศึกษาในครั้งนั้นนะคะ
ในตอนนั้นเจ้าของกระทู้ต้องจำใจรับทุนทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าเรียนตั้งแต่แรก เนื่องจากทางบ้านกดดันและยื่นคำขาด
ก่อนหน้านั้นหนึ่งปี ครอบครัวเจ้าของกระทู้ได้บังคับให้รับทุนศึกษาไปศึกษาต่อในชั้นมัธยมที่ต่างประเทศมาแล้ว มีระยะเวลารวม 1 ปี
ตอนรับทุนการศึกษาต่างประเทศ ก็เป็นเหมือนปมเล็กๆ ในใจเนื่องจากโดนบังคับ ความจริงการได้รับโอกาสไปศึกษาต่อเป็นโอกาสที่ดี แต่เราเองมีแผนการเรียนต่อมหาลัยในตอนนั้น หากไปต่างประเทศ จะทำให้แผนการเรียนสะดุด เลยรู้สึกเหมือนที่บ้านไม่ให้โอกาสและเชื่อใจให้เราได้ทำตามความตั้งใจของตัวเองเลย แต่สุดท้ายก็ขัดทางบ้านไม่ได้
ตัวเจ้าของกระทู้เป็นคนที่ตั้งใจเรียนมาตลอด แต่เมื่อโดนบังคับให้เข้าเรียนตามความตั้งใจของพ่อแม่ ในที่สุด เราเองก็ทนไม่ไหวขอลาออก
(เราไม่เคยโกรธพ่อกับแม่และทางบ้านเลยนะคะ ถึงแม้เขาอาจจะกดดันหรือบังคับไปบ้าง แต่ในวัยผู้ใหญ่ เราเข้าใจได้ว่า ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้มีอนาคตที่ดี การผลักดันหรือการบังคับจากทางบ้านในตอนนั้น ได้ทำให้เราพัฒนาตัวเอง มีอนาคตที่ดี และเราเองก็รู้สึกขอบคุณพ่อกับแม่เช่นกันค่ะ)
เหตุการณ์นั้น ได้ทิ้งร่องรอยไว้ เเม้เวลาผ่านมานานมาก เรากลายเป็นคนเงียบ ซึมเศร้า ระแวงทุกอย่างรอบตัว กลัวว่าการกระทำของตนเองจะทำร้ายผู้อื่น กลัวความผิดพลาด หนักเข้าคือการเฝ้าโทษตัวเองทุกวัน สูญเสียความมั่นใจ ..... และไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลถึงผลการเรียนในมหาวิทยาลัยของเราด้วย
เราได้ลืมภาพเด็กเรียนดีไปหมดแล้ว ในหัวมีแต่คำว่าความล้มเหลวที่ได้สร้างไว้ให้ครอบครัว
(แต่ทุกวันนี้เราพยายามดึงตัวเองออกมาจากความคิดเหล่านั้น เราพยายามสร้างกำลังใจ สร้างความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานและจะกลับไปเรียนต่อป.โทเร็วๆ นี้ค่ะ ครอบครัวก็คอยให้กำลังใจเราตลอด)
ตอนนี้ เรื่องดีๆในชีวิตคือ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกระทู้และครอบครัวดีมากค่ะ พอเรียนจบ เราก็ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายครอบครัว ดูแลพ่อแม่ดีเท่าที่เราจะทำได้
บางครั้งเหมือนเราโอเค แต่บางครั้งเราก็อดเศร้าไม่ได้เป็นเพราะเรารู้ตัวว่ารู้สึกว่ามีคนจำนวนหนึ่ง (เกือบร้อยคน ณ พื้นที่หนึ่งๆ เขาไม่ชอบเรา)
เจ้าของกระทู้อยากออกมาจากเรื่องราวเหล่านี้ แต่อย่างที่บอกว่าวงสังคมที่บ้านเกิดนั้นแคบมาก มองไปทางไหนคนก็รู้จักกันหมด
และบางคนยังคงมีปฏิสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับเจ้าของกระทู้จนถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดต่อเหตุการณ์ ต่อคำพูดต่างๆ ยังคงมีผลกับเราบ้าง อาจจะไม่มากจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นชะนักติดหลัง ที่จะยิ้มก็ยังคงยิ้มไม่สุด
เราอยากก้าวผ่านความรู้สึกนี้ได้ เราต้องทำยังไงบ้างคะ
ขอบคุณที่รับฟังและให้พื้นที่ได้ระบายนะคะ