
เนื่องจากปีที่แล้วเราได้ไปสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พทุธคยา และเราได้มาเล่าให้ฟังตามกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/37373836
การไปปีที่แล้วทำให้เราคิดว่าอินเดียไม่น่ากลัวอย่างที่คิด (หรือว่ายังไม่เจอแบบที่เรียกว่ามาถึงอินเดียแล้วก็ไม่แน่ใจ) ทำให้เราคิดว่าอยากจะกลับไปอินเดียอีกครั้ง โดยคราวนี้ตั้งใจว่าจะไปให้ครบเลยทั้ง 4 ที่
จากที่เคยได้อ่านมาว่า
"ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ (สังเวชนียสถาน) มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ"
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ 308
เราเลยว่าไปให้ครบด้วยความศรัทธาเลย เผื่อตายไปจะได้ไปสวรรค์กับเขาบ้าง โอ้ว
และยิ่งตอนนี้ มี LOW COST เปิดเที่ยว บินตรงกรุงเทพ – คยา ทำให้โอกาสการแสวงบุญของท่านง่ายขึ้นเยอะเลย
แต่ในรีวิวนี้เราจะพูดถึงแต่รายละเอียดของการเดินทางเท่านั้นว่าเราไปเจออะไรมาบ้าง ไม่เกี่ยวกับธรรมมะนะจ๊ะ เพราะยังไม่รู้เรื่องพอที่จะมาสอนได้ เอาเป็นว่าเราแค่มาแชร์ข้อมูลในการเดินทางเท่านั้นนะว่าสถานที่เป็นแบบไหน ห้องน้ำที่ไหนเป็นยังไงเพื่อเป็นแนวทางให้คนที่จะไปแสวงบุญได้รู้คร่าวๆเพื่อเตรียมตัวจ้า
และทริปนี้เราพักเฉพาะที่วัดไทยเท่านั้นเนื่องจากเรื่องความปลอดภัย ความสะอาดและอาหาร (กลัวท้องเสีย ปีที่แล้วขากลับบนเครื่องบินเราเห็นคุณแม่ท่านหนึ่งมากับลูก แล้วนอนฟุบบนเครื่องบินแบบหมดสภาพมากเนื่องจากอาการท้องเสีย เราเลยไม่กล้าทานอะไร นอกเหนือจากที่ในวัดไทยเท่านั้น)
ก่อนไปเราก็มีการเตรียมตัวเตรียมข้อมูลกันดังนี้
หลังจากที่เราได้มีความคิดว่าเราจะไปสังเวชนียสถานให้ครบทั้ง 4 ที่เราก็เริ่มเตรียมตัวโดยเขียนแผนการเดินทางคร่าวๆ ว่าจะไปกี่วันการวางแผนการเดินทางนั้นจะต้องดู google map ประกอบด้วยว่าแต่ละสถานที่ห่างกันมากแค่ไหน ใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหนดังตัวอย่างนี้ (ใครจะวางแผนแบบไหนแล้วแต่เลยจ้า วนซ้ายวนขวาได้ทั้งนั้น)
อันนี้จากวัดไทยพุทธคยาไปเขาดงคสิริ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที

อันนี้จากเขาดงคสิริไปวัดไทยนาลันทา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

และอันนี้จากวัดไทยนาลันทาไปวัดไทยกุสินารา ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง

อันนี้เราแค่ยกตัวอย่างให้ดูเฉยๆ ที่จริงเราหาให้ครบตามแผนการเดินทางกว่าจะหาครบใช้เวลาพอสมควร และจะต้องคิดว่าจะใช้เวลากี่วัน อย่างแผนของเราจากที่วางไว้ต้องใช้ 8 วัน และแผนการเดินทางเราต้องมีการยืดหยุ่นได้ ณ หน้างานต้องเผื่อตรงนี้หน่อยในเรื่องของเวลาอาจมีเหตุต้องปรับเปลี่ยนจะได้ไม่กระทบกับการเดินทาง เนื่องจากการเดินทางในอินเดียคาดเดาไม่ได้ เผื่อรถติด เผื่อรถขวางถนน เผื่อมีรถเกิดอุบัติเหตุข้างหน้าจึงต้องปิดถนนยาวๆหลายชั่วโมง
และเราก็หาตั๋วเครื่องบิน เราแนะนำว่าให้จองตั๋วไว้เพื่อล็อคที่นั่งแต่ยังไม่ต้องจ่ายเงิน ระหว่างนั้นค่อยจองห้องพักต่างๆ ว่าวันที่เท่าไหร่จะพักที่ไหน
หลังจากที่มีที่พักเรียบร้อย อีเมล์มาก็จ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ที่เราบอกแบบนี้เพราะ เราจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินเร็วเกินไป เราไปการบินไทย ซึ่งเครื่องเราจะถึงที่คยา 14.00 น หลังจากที่เราจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน การบินไทยเปิดเที่ยวบินเสริม ซึ่งจะถึงที่ คยา 12.00 น เร็วกว่าเดิม 2 ชั่วโมงทำให้เรามีเวลาเพิ่มขึ้น เราขอเปลี่ยนเที่ยวบิน การบินไทยบอกต้องเสียเงินเพิ่มพอสมควร เลยไม่ได้เปลี่ยน และเสริมเฉพาะวันที่เราบินด้วย วันอื่นไม่เสริม อืม..เศร้า...พูดไม่ออก ....
และหลังจากที่จ่ายเงินไม่นาน ก็มี สายการบินที่เป็น LOW COST AIRLINE เปิด กรุงเทพ – คยา ทำอะไรได้ล่ะ เราจ่ายเงินไปแล้ว ขากลับเราบินการบินไทยกลับจากพาราณสีมาสุวรรณภูมิ
หลังจากที่จัดการเรื่องจำนวนวันของการเดินทาง การจองรถ ที่พัก และตั๋วเครื่องบิน เราก็มาเตรียมเรื่องการทำวีซ่า ของทั้งอินเดียและเนปาล โดยวีซ่าอินเดียเราใช้เป็น e-visa (ไม่ต้องรีบทำก็ได้ เพราะเราทำวันนี้วันรุ่งขึ้นเมลล์วีซ่าก็มาแล้ว) ส่วนเรื่องวีซ่าเนปาล เราไปทำที่สถานฑูตเนปาล วันที่ไปสถานฑูตดันมาปิดวันที่เราไปพอดี เฮ้อ... สถานที่เอกสารและการเดินทางมีคนบอกไว้เยอะแล้ว เราจะขอข้ามขั้นตอนนี้ไป(เรื่องวีซ่าเนปาลเราคิดว่าควรจะต้องทำจากไทยไปเลยเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง) ทำให้เราต้องไปสถานฑูตเนปาลอีกครั้ง ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นาน โน๊ตให้นิดนึง เขาไม่ให้กระเป๋าเข้าไปนะ ต้องฝากไว้ที่ประตูทางเข้า ใครเอารถไปก็เก็บกระเป๋าไว้ในรถก่อนก็ได้ถ้าไม่อยากฝากสัมภาระ แต่ที่จอดแทบไม่มีนะ ต้องอาศัยจอดริมถนนซอยสถานฑูตนั่นแหละ ทางที่ดีอย่าเอารถไปจะดีกว่า นั่งแท็กซี่ไปดีกว่านะเราว่า
แล้วก็มาถึงขั้นตอนการจัดกระเป๋าการเดินทาง โดยครั้งนี้เราเดินทาง 8 วัน และเปลี่ยนที่นอนทุกวัน ให้ต้องมีการแบกกระเป๋าขึ้นรถลงรถทุกวัน เราเลยต้องมาวางแผนว่า
1.เสื้อผ้าเตรียมไปให้ครบตามจำนวนวันไม่มีเวลามาซัก ชุดไหนใส่แล้วแยกไว้ต่างหาก
2.อุปกรณ์อาบน้ำใส่กระเป๋าใบเล็กๆ ต่างหาก เช่นแปรงสีฟัน แชมพู สบู่ เวลาอาบน้ำหยิบไปทั้งใบ เก็บง่ายไม่ลืมไม่หาย
3.แชมพูเราใช้แบบซองฉีกใช้แล้วทิ้ง ไม่พกเป็นขวด เลอะเทอะเวลาเก็บ สบู่เราเอาก้อนเล็กใช้วันต่อวัน เราไม่นิยมใช้ครีมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวเราเอาแบบผืนเล็กไปแบบที่ดูดน้ำได้มากแห้งเร็วเป็นพิเศษ
4.วางแผนวันไหนของการเดินทางใส่ชุดไหนจดใส่กระดาษ เย็นหลังอาบน้ำหยิบมารอเตรียม ไม่มีเวลาในการคิดพรุ่งนี้จะใส่ชุด
ไหน เพราะต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน และแพคกระเป๋าทุกวัน เราเตรียมถุงสุญญากาศไปหลายใบ ใส่ของแล้วสูบลมออกให้แบน
4.1 สำหรับใส่เสื้อผ้ายังไม่ใช้เราแบ่ง2ถุง(ใช้ถุงสุญญากาศ)ถุงละ 4 ชุด ชุด 4 วันแรก
4.2 กับชุดสี่วันหลัง วางแผนวันไหนของการเดินทางใส่ชุดไหนจดใส่กระดาษ เพราะอะไร วันไหนนั่งรถนานยาวต้องใส่หลวมๆสบายๆไม่อึดอัด เย็นก่อนอาบน้ำหยิบมารอเตรียม ไม่มีเวลาในการคิดพรุ่งนี้จะใส่ชุดไหน เพราะต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน และแพคกระเป๋าทุกวัน
4.3 ถุงใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว
4.4 ถุงใส่เสื้อหนาว
4.5 ถุงใส่เบาะรองนั่งและหมอนรองคอเมมโมรี่โฟม
5.อุปกรณ์ที่คิดว่าจำเป็นส่วนตัวต้องเขียนลิสไว้ก่อน สำหรับเราอาจจะเยอะนิดนะ ที่เราคิดว่าจำเป็นและมันก็ได้ใช้จริงๆ
เช่น หมอนรองคอ เบาะรองนั่ง เราเอาใส่ถุงสูญญากาศแล้วสูบลมให้แบน ไปถึงเปิดเอามาใช้แล้ววันกลับค่อยสูบให้แบนอีกที
เพราะเราว่านั่งรถนาน ดีที่เอาไปไม่งั้นหัวโยกไป โยกมา หมอนรองคอช่วยได้เยอะเลยหรือจะซื้อแบบชั่วคราวแบบเป่าลมเอา
ก็แล้วแต่เลยจ๊ะ ส่วนเบาะรองนั่งก็ช่วยได้เยอะ ถนนไม่ดีเบาะจะช่วยลดการกระเทือนได้เยอะ อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยจ้า
เมื่อเตรียมของนอกกายพร้อม พยายามทำใจ พร้อม เราไปตามรอยพระพุทธเจ้ากันเลย >>>>>
เครื่องเราลงที่คยา 14.00 น เราให้รถที่เช่ามารับเราที่สนามบินเลย รถที่เช่าเป็น Toyota innova หลังจากนั้นรถออกเดินทาง
อ้อ การเดินทางรอบนี้มีโยม 4 คน พระสงฆ์ 1 รูป ที่แรกที่เราไปคือบ้านนางสุชาดา (ที่นี่ไม่เสียค่าเข้า) ตรงนี้ไม่ต้องถอดรองเท้า
รอบนี้ที่เราไปดูไม่น่ากลัวเหมือนรอบก่อน พระท่านพาเดินเวียนรอบๆ และสวดมนต์
รูปสถานที่ถวายข้าวมธุปายาส (ที่นี่ไม่เสียค่าเข้า)

จากนั้นเราเดินทางกลับเข้าที่วัดไทยพุทธคยา ระหว่างทางพระท่านชี้ให้ดูจุดที่ถวายหญ้ากุสะ และสถานที่ลอยถาด แต่ไม่ได้มีเวลาแวะลง
จากแผนที่วางไว้เราจะเข้าไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ก่อน เราต้องเปลี่ยนแผนเนื่องจากกว่าทางอินเดียปิดถนนตั้งแต่หน้าวัดไทยพุทธคยา ไปจนถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์ อาจจะเป็นเหตุเรื่องของความปลอดภัย เพราะคนเยอะมาก โดยถ้าจะเข้าไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จะต้องนั่งรถสามล้อเครื่องเรียกริกชอร์รับจ้างเข้าไปเท่านั้น(คนละ 10 รูปีคนขับพูดไทยได้พอเรียกเขาจะบอกเลยคนละ10)
เรามีบทสวมนต์ เป็นหนังสือของวัดไทยพุทธคยาไว้สวดตามสังเวชนียสถานตามนี้

ในนั้นมีสัตตมหาสถานจริง 5 ที่จำลอง 2 ที่
1.ต้นพระศรีมหาโพธิ์

2.อนิมิสเจดีย์ (หน้าทางเข้าพอลงบันไดข้างหน้าเป็นพระพุทธเมตตาด้านขวามือมีบันไดขึ้นไป อนิมิสเจดีย์) (หน้าทางเข้าพอลงบันไดข้างหน้าเป็นพระพุทธเมตตาด้านขวามือมีบันไดขึ้นไป อนิมิสเจดีย์) เป็นที่เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ ๒ หลังจากตรัสรู้ โดยพระพุทธเจ้าทรงประทับยืน ทรงจ้องพระเนตรแลดูบัลลังก์และต้นโพธิ์ด้วยดวงพระเนตรที่ไม่กระพริบอยู่ตลอด ๗ วัน

3.รัตนจงกลมเจดีย์ (อยู่ด้านข้างต้นพระศรีมหาโพธิ์)

4.รัตฆรเจดีย์ (เดินออกตรงทางออกข้างรัตนจงกลมเจดีย์แล้วไปสุดทางจะอยู่ด้านซ้ายมือ) รูปจากเว็บ
http://dhamma.serichon.us เนื่องจากรูปที่เราถ่ายหายไปไหนไม่รู้

5.ต้นไทร อชปาลนิโครธ อันนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เนื่องจากเพิ่งรู้ทีหลัง แต่ดูจากแผนที่แล้วน่าจะอยู่ด้านซ้ายตอนลงบันไดมาก่อนเข้าไปที่พระพุทธเมตตา
6.สระมุจรินทร์ (จำลอง) อยู่ตรงทางเข้าก่อนลงบันได้ให้เลี้ยวซ้ายไปสุดทางเจอห้องน้ำเลี้ยวขวาอีกนิดจะเจอหรือเดินไปสุดทางก็เห็นแล้ว แต่เป็นมุมมองจากด้านบน เดินต่อไปอีกจะมีบันได้ลงด้านล่างเพื่อไปถึงท่าน้ำมีคนให้อาหารปลาอยู่ ด้านหน้าจะมีเสาอโศกด้วย

รูปเสาอโศกที่ในบริเวณพุทธคยา

7.ต้นราชายตนะ (จำลอง) เราไม่ได้ถ่ายมาเนื่องจากไม่รู้ แต่ดูจากแผนที่คิดว่าน่าจะอยู่ก่อนทางเข้าสระมุจรินทร์จำลองด้านล่าง
รายละเอียดเพิ่มเติม ตรงต้นพระศรีมหาโพธิ์มีจุดที่คนไปอธิฐานเยอะๆ ตรงนั้นเป็นสะดือของโลก(พระท่านบรรยายให้ฟัง) เราถ่ายรูปมาให้ดู ใครไปอย่าลืมไปขอพระนะจ๊ะ

หลังจากนั้นเราก็กลับทานอาหารเย็น ที่วัดไทยพุทธคยา
รูปอาหารเย็นที่วัดไทยพุทธคยา

รูปห้องพักที่วัดไทยพุทธคยา ถ่ายตอนรื้อที่นอนออกมาแล้ว ขอโทษที

เดี๋ยวมาต่อนะตัวอักษรเกินจ้า
[CR] เรื่องเล่าเมื่อเราไปสังเวชนียสถาน (ภาคต่อจากเรื่องเล่าเมือเราไปพุทธคยา ฉบับข้อมูล)
เนื่องจากปีที่แล้วเราได้ไปสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พทุธคยา และเราได้มาเล่าให้ฟังตามกระทู้นี้https://pantip.com/topic/37373836
การไปปีที่แล้วทำให้เราคิดว่าอินเดียไม่น่ากลัวอย่างที่คิด (หรือว่ายังไม่เจอแบบที่เรียกว่ามาถึงอินเดียแล้วก็ไม่แน่ใจ) ทำให้เราคิดว่าอยากจะกลับไปอินเดียอีกครั้ง โดยคราวนี้ตั้งใจว่าจะไปให้ครบเลยทั้ง 4 ที่
จากที่เคยได้อ่านมาว่า
"ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ (สังเวชนียสถาน) มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ"
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ 308
เราเลยว่าไปให้ครบด้วยความศรัทธาเลย เผื่อตายไปจะได้ไปสวรรค์กับเขาบ้าง โอ้ว
และยิ่งตอนนี้ มี LOW COST เปิดเที่ยว บินตรงกรุงเทพ – คยา ทำให้โอกาสการแสวงบุญของท่านง่ายขึ้นเยอะเลย
แต่ในรีวิวนี้เราจะพูดถึงแต่รายละเอียดของการเดินทางเท่านั้นว่าเราไปเจออะไรมาบ้าง ไม่เกี่ยวกับธรรมมะนะจ๊ะ เพราะยังไม่รู้เรื่องพอที่จะมาสอนได้ เอาเป็นว่าเราแค่มาแชร์ข้อมูลในการเดินทางเท่านั้นนะว่าสถานที่เป็นแบบไหน ห้องน้ำที่ไหนเป็นยังไงเพื่อเป็นแนวทางให้คนที่จะไปแสวงบุญได้รู้คร่าวๆเพื่อเตรียมตัวจ้า
และทริปนี้เราพักเฉพาะที่วัดไทยเท่านั้นเนื่องจากเรื่องความปลอดภัย ความสะอาดและอาหาร (กลัวท้องเสีย ปีที่แล้วขากลับบนเครื่องบินเราเห็นคุณแม่ท่านหนึ่งมากับลูก แล้วนอนฟุบบนเครื่องบินแบบหมดสภาพมากเนื่องจากอาการท้องเสีย เราเลยไม่กล้าทานอะไร นอกเหนือจากที่ในวัดไทยเท่านั้น)
ก่อนไปเราก็มีการเตรียมตัวเตรียมข้อมูลกันดังนี้
หลังจากที่เราได้มีความคิดว่าเราจะไปสังเวชนียสถานให้ครบทั้ง 4 ที่เราก็เริ่มเตรียมตัวโดยเขียนแผนการเดินทางคร่าวๆ ว่าจะไปกี่วันการวางแผนการเดินทางนั้นจะต้องดู google map ประกอบด้วยว่าแต่ละสถานที่ห่างกันมากแค่ไหน ใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหนดังตัวอย่างนี้ (ใครจะวางแผนแบบไหนแล้วแต่เลยจ้า วนซ้ายวนขวาได้ทั้งนั้น)
อันนี้จากวัดไทยพุทธคยาไปเขาดงคสิริ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
อันนี้จากเขาดงคสิริไปวัดไทยนาลันทา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
และอันนี้จากวัดไทยนาลันทาไปวัดไทยกุสินารา ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
อันนี้เราแค่ยกตัวอย่างให้ดูเฉยๆ ที่จริงเราหาให้ครบตามแผนการเดินทางกว่าจะหาครบใช้เวลาพอสมควร และจะต้องคิดว่าจะใช้เวลากี่วัน อย่างแผนของเราจากที่วางไว้ต้องใช้ 8 วัน และแผนการเดินทางเราต้องมีการยืดหยุ่นได้ ณ หน้างานต้องเผื่อตรงนี้หน่อยในเรื่องของเวลาอาจมีเหตุต้องปรับเปลี่ยนจะได้ไม่กระทบกับการเดินทาง เนื่องจากการเดินทางในอินเดียคาดเดาไม่ได้ เผื่อรถติด เผื่อรถขวางถนน เผื่อมีรถเกิดอุบัติเหตุข้างหน้าจึงต้องปิดถนนยาวๆหลายชั่วโมง
และเราก็หาตั๋วเครื่องบิน เราแนะนำว่าให้จองตั๋วไว้เพื่อล็อคที่นั่งแต่ยังไม่ต้องจ่ายเงิน ระหว่างนั้นค่อยจองห้องพักต่างๆ ว่าวันที่เท่าไหร่จะพักที่ไหน
หลังจากที่มีที่พักเรียบร้อย อีเมล์มาก็จ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ที่เราบอกแบบนี้เพราะ เราจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินเร็วเกินไป เราไปการบินไทย ซึ่งเครื่องเราจะถึงที่คยา 14.00 น หลังจากที่เราจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน การบินไทยเปิดเที่ยวบินเสริม ซึ่งจะถึงที่ คยา 12.00 น เร็วกว่าเดิม 2 ชั่วโมงทำให้เรามีเวลาเพิ่มขึ้น เราขอเปลี่ยนเที่ยวบิน การบินไทยบอกต้องเสียเงินเพิ่มพอสมควร เลยไม่ได้เปลี่ยน และเสริมเฉพาะวันที่เราบินด้วย วันอื่นไม่เสริม อืม..เศร้า...พูดไม่ออก ....
และหลังจากที่จ่ายเงินไม่นาน ก็มี สายการบินที่เป็น LOW COST AIRLINE เปิด กรุงเทพ – คยา ทำอะไรได้ล่ะ เราจ่ายเงินไปแล้ว ขากลับเราบินการบินไทยกลับจากพาราณสีมาสุวรรณภูมิ
หลังจากที่จัดการเรื่องจำนวนวันของการเดินทาง การจองรถ ที่พัก และตั๋วเครื่องบิน เราก็มาเตรียมเรื่องการทำวีซ่า ของทั้งอินเดียและเนปาล โดยวีซ่าอินเดียเราใช้เป็น e-visa (ไม่ต้องรีบทำก็ได้ เพราะเราทำวันนี้วันรุ่งขึ้นเมลล์วีซ่าก็มาแล้ว) ส่วนเรื่องวีซ่าเนปาล เราไปทำที่สถานฑูตเนปาล วันที่ไปสถานฑูตดันมาปิดวันที่เราไปพอดี เฮ้อ... สถานที่เอกสารและการเดินทางมีคนบอกไว้เยอะแล้ว เราจะขอข้ามขั้นตอนนี้ไป(เรื่องวีซ่าเนปาลเราคิดว่าควรจะต้องทำจากไทยไปเลยเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง) ทำให้เราต้องไปสถานฑูตเนปาลอีกครั้ง ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นาน โน๊ตให้นิดนึง เขาไม่ให้กระเป๋าเข้าไปนะ ต้องฝากไว้ที่ประตูทางเข้า ใครเอารถไปก็เก็บกระเป๋าไว้ในรถก่อนก็ได้ถ้าไม่อยากฝากสัมภาระ แต่ที่จอดแทบไม่มีนะ ต้องอาศัยจอดริมถนนซอยสถานฑูตนั่นแหละ ทางที่ดีอย่าเอารถไปจะดีกว่า นั่งแท็กซี่ไปดีกว่านะเราว่า
แล้วก็มาถึงขั้นตอนการจัดกระเป๋าการเดินทาง โดยครั้งนี้เราเดินทาง 8 วัน และเปลี่ยนที่นอนทุกวัน ให้ต้องมีการแบกกระเป๋าขึ้นรถลงรถทุกวัน เราเลยต้องมาวางแผนว่า
1.เสื้อผ้าเตรียมไปให้ครบตามจำนวนวันไม่มีเวลามาซัก ชุดไหนใส่แล้วแยกไว้ต่างหาก
2.อุปกรณ์อาบน้ำใส่กระเป๋าใบเล็กๆ ต่างหาก เช่นแปรงสีฟัน แชมพู สบู่ เวลาอาบน้ำหยิบไปทั้งใบ เก็บง่ายไม่ลืมไม่หาย
3.แชมพูเราใช้แบบซองฉีกใช้แล้วทิ้ง ไม่พกเป็นขวด เลอะเทอะเวลาเก็บ สบู่เราเอาก้อนเล็กใช้วันต่อวัน เราไม่นิยมใช้ครีมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวเราเอาแบบผืนเล็กไปแบบที่ดูดน้ำได้มากแห้งเร็วเป็นพิเศษ
4.วางแผนวันไหนของการเดินทางใส่ชุดไหนจดใส่กระดาษ เย็นหลังอาบน้ำหยิบมารอเตรียม ไม่มีเวลาในการคิดพรุ่งนี้จะใส่ชุด
ไหน เพราะต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน และแพคกระเป๋าทุกวัน เราเตรียมถุงสุญญากาศไปหลายใบ ใส่ของแล้วสูบลมออกให้แบน
4.1 สำหรับใส่เสื้อผ้ายังไม่ใช้เราแบ่ง2ถุง(ใช้ถุงสุญญากาศ)ถุงละ 4 ชุด ชุด 4 วันแรก
4.2 กับชุดสี่วันหลัง วางแผนวันไหนของการเดินทางใส่ชุดไหนจดใส่กระดาษ เพราะอะไร วันไหนนั่งรถนานยาวต้องใส่หลวมๆสบายๆไม่อึดอัด เย็นก่อนอาบน้ำหยิบมารอเตรียม ไม่มีเวลาในการคิดพรุ่งนี้จะใส่ชุดไหน เพราะต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน และแพคกระเป๋าทุกวัน
4.3 ถุงใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว
4.4 ถุงใส่เสื้อหนาว
4.5 ถุงใส่เบาะรองนั่งและหมอนรองคอเมมโมรี่โฟม
5.อุปกรณ์ที่คิดว่าจำเป็นส่วนตัวต้องเขียนลิสไว้ก่อน สำหรับเราอาจจะเยอะนิดนะ ที่เราคิดว่าจำเป็นและมันก็ได้ใช้จริงๆ
เช่น หมอนรองคอ เบาะรองนั่ง เราเอาใส่ถุงสูญญากาศแล้วสูบลมให้แบน ไปถึงเปิดเอามาใช้แล้ววันกลับค่อยสูบให้แบนอีกที
เพราะเราว่านั่งรถนาน ดีที่เอาไปไม่งั้นหัวโยกไป โยกมา หมอนรองคอช่วยได้เยอะเลยหรือจะซื้อแบบชั่วคราวแบบเป่าลมเอา
ก็แล้วแต่เลยจ๊ะ ส่วนเบาะรองนั่งก็ช่วยได้เยอะ ถนนไม่ดีเบาะจะช่วยลดการกระเทือนได้เยอะ อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยจ้า
เมื่อเตรียมของนอกกายพร้อม พยายามทำใจ พร้อม เราไปตามรอยพระพุทธเจ้ากันเลย >>>>>
เครื่องเราลงที่คยา 14.00 น เราให้รถที่เช่ามารับเราที่สนามบินเลย รถที่เช่าเป็น Toyota innova หลังจากนั้นรถออกเดินทาง
อ้อ การเดินทางรอบนี้มีโยม 4 คน พระสงฆ์ 1 รูป ที่แรกที่เราไปคือบ้านนางสุชาดา (ที่นี่ไม่เสียค่าเข้า) ตรงนี้ไม่ต้องถอดรองเท้า
รอบนี้ที่เราไปดูไม่น่ากลัวเหมือนรอบก่อน พระท่านพาเดินเวียนรอบๆ และสวดมนต์
รูปสถานที่ถวายข้าวมธุปายาส (ที่นี่ไม่เสียค่าเข้า)
จากนั้นเราเดินทางกลับเข้าที่วัดไทยพุทธคยา ระหว่างทางพระท่านชี้ให้ดูจุดที่ถวายหญ้ากุสะ และสถานที่ลอยถาด แต่ไม่ได้มีเวลาแวะลง
จากแผนที่วางไว้เราจะเข้าไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ก่อน เราต้องเปลี่ยนแผนเนื่องจากกว่าทางอินเดียปิดถนนตั้งแต่หน้าวัดไทยพุทธคยา ไปจนถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์ อาจจะเป็นเหตุเรื่องของความปลอดภัย เพราะคนเยอะมาก โดยถ้าจะเข้าไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จะต้องนั่งรถสามล้อเครื่องเรียกริกชอร์รับจ้างเข้าไปเท่านั้น(คนละ 10 รูปีคนขับพูดไทยได้พอเรียกเขาจะบอกเลยคนละ10)
เรามีบทสวมนต์ เป็นหนังสือของวัดไทยพุทธคยาไว้สวดตามสังเวชนียสถานตามนี้
ในนั้นมีสัตตมหาสถานจริง 5 ที่จำลอง 2 ที่
1.ต้นพระศรีมหาโพธิ์
2.อนิมิสเจดีย์ (หน้าทางเข้าพอลงบันไดข้างหน้าเป็นพระพุทธเมตตาด้านขวามือมีบันไดขึ้นไป อนิมิสเจดีย์) (หน้าทางเข้าพอลงบันไดข้างหน้าเป็นพระพุทธเมตตาด้านขวามือมีบันไดขึ้นไป อนิมิสเจดีย์) เป็นที่เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ ๒ หลังจากตรัสรู้ โดยพระพุทธเจ้าทรงประทับยืน ทรงจ้องพระเนตรแลดูบัลลังก์และต้นโพธิ์ด้วยดวงพระเนตรที่ไม่กระพริบอยู่ตลอด ๗ วัน
3.รัตนจงกลมเจดีย์ (อยู่ด้านข้างต้นพระศรีมหาโพธิ์)
4.รัตฆรเจดีย์ (เดินออกตรงทางออกข้างรัตนจงกลมเจดีย์แล้วไปสุดทางจะอยู่ด้านซ้ายมือ) รูปจากเว็บ http://dhamma.serichon.us เนื่องจากรูปที่เราถ่ายหายไปไหนไม่รู้
5.ต้นไทร อชปาลนิโครธ อันนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เนื่องจากเพิ่งรู้ทีหลัง แต่ดูจากแผนที่แล้วน่าจะอยู่ด้านซ้ายตอนลงบันไดมาก่อนเข้าไปที่พระพุทธเมตตา
6.สระมุจรินทร์ (จำลอง) อยู่ตรงทางเข้าก่อนลงบันได้ให้เลี้ยวซ้ายไปสุดทางเจอห้องน้ำเลี้ยวขวาอีกนิดจะเจอหรือเดินไปสุดทางก็เห็นแล้ว แต่เป็นมุมมองจากด้านบน เดินต่อไปอีกจะมีบันได้ลงด้านล่างเพื่อไปถึงท่าน้ำมีคนให้อาหารปลาอยู่ ด้านหน้าจะมีเสาอโศกด้วย
รูปเสาอโศกที่ในบริเวณพุทธคยา
7.ต้นราชายตนะ (จำลอง) เราไม่ได้ถ่ายมาเนื่องจากไม่รู้ แต่ดูจากแผนที่คิดว่าน่าจะอยู่ก่อนทางเข้าสระมุจรินทร์จำลองด้านล่าง
รายละเอียดเพิ่มเติม ตรงต้นพระศรีมหาโพธิ์มีจุดที่คนไปอธิฐานเยอะๆ ตรงนั้นเป็นสะดือของโลก(พระท่านบรรยายให้ฟัง) เราถ่ายรูปมาให้ดู ใครไปอย่าลืมไปขอพระนะจ๊ะ
หลังจากนั้นเราก็กลับทานอาหารเย็น ที่วัดไทยพุทธคยา
รูปอาหารเย็นที่วัดไทยพุทธคยา
รูปห้องพักที่วัดไทยพุทธคยา ถ่ายตอนรื้อที่นอนออกมาแล้ว ขอโทษที
เดี๋ยวมาต่อนะตัวอักษรเกินจ้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้