จากเพจ
https://www.facebook.com/1763193370562572/posts/2148501535365085/
กลับมาที่ประเด็นของทีมชาติไทย ในซูซูกิ คัพ มีหลายประเด็นที่ต้องพูดถึงกัน การตกรอบมันน่าช็อก แต่ลองมาพิจารณากันแบบแฟร์ๆ ว่าเราเห็นอะไรบ้างกับการตกรอบครั้งนี้
1) รู้จักคู่แข่งน้อยเกินไป
คนยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้มาเลเซีย ในเกมที่ราชมังฯ คือ ไซยามี่ ซาฟารี่ แบ็กขวาเบอร์ 4 ในจังหวะนั้น ซาฟารี่ลากบอลมาง่ายๆ 20 หลา เลี้ยงเดี่ยวๆ สบายๆ ไม่มีใครเข้าไปกดดัน หรือขวางทางแม้แต่คนเดียว แบ็กซ้ายกรกช ถอยอย่างเดียว รับลึก ส่วน มิดฟิลด์ตัวกลางก็ไม่มีใครไล่บอล ทำให้ซาฟารี่ ยิงตรงเส้นกรอบเขตโทษเข้าไปง่ายๆ
คำถามคือ เราไม่รู้หรอว่า ซาฟารี่ ทักษะยิงประตูถือว่าดีมากๆ ในเอเชียนเกมส์ แมตช์ที่มาเลเซีย แพ้บาห์เรน เขายิงประตูจุดเดียวกันนี้เป๊ะเลยเข้าไปอย่างสวยงามมาแล้ว ขณะที่ในลีกกับสโมสรเซลังงอร์ เขาได้ถึงยิง 5 ประตู จากการลงแค่ 13 เกม มันเห็นเลยว่าความคมในการจบสกอร์ มันคือจุดขายของเขาชัดๆ
แล้วนี่ เรายังกล้าๆ จะปล่อยให้ซาฟารี่ ยิงเต็มๆข้อแบบนี้ แล้วจะไปโทษใครได้ ถ้าเป็นในกีฬาบาส ก็เหมือนคุณปล่อยสตีเฟ่น เคอร์รี่ ชู้ตสามแต้มโล่งๆ ไม่เพรส ไม่กดดัน โอกาสเข้ามันก็สูง
ถ้าหากทีมงานทำการบ้านตัวผู้เล่นละเอียดกว่านี้ นักเตะจะได้รับคำสั่งมาแน่ๆ ว่าระวังการยิงไกล แต่นี่ไม่ใช่เลย ทุกคนถอยลึกหมด ไม่มีใครระวังทีเด็ดของคู่แข่งเลย
เช่นเดียวกับ นอร์ชารูล กองหน้าหมายเลข 9 ของมาเลเซีย นี่คือหัวหอกตัวความหวังอันดับ 1 ของทีม ถ้าดูในรอบแรก เราจะเห็นว่า ด้วยความที่อายุเยอะแล้ว (32) นอร์ชารูล ไม่มีสปรินท์ ปราดเปรียวอะไร แต่มักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลา และใช้ความคม ของตัวเองในการปิดบัญชี
ประตูที่ยิงลาว และเมียนมาร์ ได้ เขาได้ประตูจากความผิดพลาดของแนวรับคู่แข่งทั้งนั้น ประกบห่างบ้าง ไม่ยอมจับตัวบ้าง
แต่เกมที่แพ้เวียดนาม 2-0 นัดนั้นนอร์ชารูลทำอะไรไม่ได้เลย นั่นเพราะเวียดนาม มีตัวประกบติดแบบตามไปไหนไปด้วย พอโดนคนเกาะแกะ นักเตะที่เคลื่อนที่ไม่เร็วอย่างนอร์ชารูล ก็หมดพิษสง เกมกับเวียดนามเขาไม่มีโอกาสยิงแม้แต่หนเดียว
นัดที่เจอกับไทย ประตูตีเสมอ 2-2 นอร์ชารูล ยืนโล่งในเขตโทษ ไม่มีกองหลังสักตัวที่คิดจะไปประกบเขาเลย พอเขาได้บอลมีเวลาเป็นวินาที ก่อนจะกลับตัวและซัดเข้าไปแบบง่ายมากๆ คำถามคือ เราปล่อยโล่งขนาดนั้นได้อย่างไร ในเมื่อแค่เข้าไปประกบหน่อย นอร์ชารูล ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
2 ประตูที่เสีย ไม่ใช่ลูกที่ป้องกันไม่ได้ โอเคว่าคู่แข่งยิงคม เราต้องให้เครดิตเขาส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเรามีข้อมูลมากพอ เราควรรู้ว่า มีวิธีสกัดกั้นที่ดีกว่านั้น ไม่ใช่ปล่อยให้เขาได้ซัดโล่งๆรอโดน
—-
อันนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก
โดยปกติแล้วทีมชาติไทยจะเน้นตั้งรับ กองหลังเข้ามายืนในกรอบเขตโทษ4คน เป็น line defense เพื่อเคลีย บล๊อก หรือสะกัดบอลออกไป
ไม่ใช่ไปสะกัดบอลนอกกรอบเขตโทษซึ่งจะทำให้เสียตำแหน่ง อันนั้นหน้าที่กลางรับ
แต่คำถามคือ ทีมงานได้ทำการบ้านมามากพอหรือไม่?
ทีมงานราเยว้ช ได้ทำการบ้านมาดีพอหรือไม่
กลับมาที่ประเด็นของทีมชาติไทย ในซูซูกิ คัพ มีหลายประเด็นที่ต้องพูดถึงกัน การตกรอบมันน่าช็อก แต่ลองมาพิจารณากันแบบแฟร์ๆ ว่าเราเห็นอะไรบ้างกับการตกรอบครั้งนี้
1) รู้จักคู่แข่งน้อยเกินไป
คนยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้มาเลเซีย ในเกมที่ราชมังฯ คือ ไซยามี่ ซาฟารี่ แบ็กขวาเบอร์ 4 ในจังหวะนั้น ซาฟารี่ลากบอลมาง่ายๆ 20 หลา เลี้ยงเดี่ยวๆ สบายๆ ไม่มีใครเข้าไปกดดัน หรือขวางทางแม้แต่คนเดียว แบ็กซ้ายกรกช ถอยอย่างเดียว รับลึก ส่วน มิดฟิลด์ตัวกลางก็ไม่มีใครไล่บอล ทำให้ซาฟารี่ ยิงตรงเส้นกรอบเขตโทษเข้าไปง่ายๆ
คำถามคือ เราไม่รู้หรอว่า ซาฟารี่ ทักษะยิงประตูถือว่าดีมากๆ ในเอเชียนเกมส์ แมตช์ที่มาเลเซีย แพ้บาห์เรน เขายิงประตูจุดเดียวกันนี้เป๊ะเลยเข้าไปอย่างสวยงามมาแล้ว ขณะที่ในลีกกับสโมสรเซลังงอร์ เขาได้ถึงยิง 5 ประตู จากการลงแค่ 13 เกม มันเห็นเลยว่าความคมในการจบสกอร์ มันคือจุดขายของเขาชัดๆ
แล้วนี่ เรายังกล้าๆ จะปล่อยให้ซาฟารี่ ยิงเต็มๆข้อแบบนี้ แล้วจะไปโทษใครได้ ถ้าเป็นในกีฬาบาส ก็เหมือนคุณปล่อยสตีเฟ่น เคอร์รี่ ชู้ตสามแต้มโล่งๆ ไม่เพรส ไม่กดดัน โอกาสเข้ามันก็สูง
ถ้าหากทีมงานทำการบ้านตัวผู้เล่นละเอียดกว่านี้ นักเตะจะได้รับคำสั่งมาแน่ๆ ว่าระวังการยิงไกล แต่นี่ไม่ใช่เลย ทุกคนถอยลึกหมด ไม่มีใครระวังทีเด็ดของคู่แข่งเลย
เช่นเดียวกับ นอร์ชารูล กองหน้าหมายเลข 9 ของมาเลเซีย นี่คือหัวหอกตัวความหวังอันดับ 1 ของทีม ถ้าดูในรอบแรก เราจะเห็นว่า ด้วยความที่อายุเยอะแล้ว (32) นอร์ชารูล ไม่มีสปรินท์ ปราดเปรียวอะไร แต่มักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลา และใช้ความคม ของตัวเองในการปิดบัญชี
ประตูที่ยิงลาว และเมียนมาร์ ได้ เขาได้ประตูจากความผิดพลาดของแนวรับคู่แข่งทั้งนั้น ประกบห่างบ้าง ไม่ยอมจับตัวบ้าง
แต่เกมที่แพ้เวียดนาม 2-0 นัดนั้นนอร์ชารูลทำอะไรไม่ได้เลย นั่นเพราะเวียดนาม มีตัวประกบติดแบบตามไปไหนไปด้วย พอโดนคนเกาะแกะ นักเตะที่เคลื่อนที่ไม่เร็วอย่างนอร์ชารูล ก็หมดพิษสง เกมกับเวียดนามเขาไม่มีโอกาสยิงแม้แต่หนเดียว
นัดที่เจอกับไทย ประตูตีเสมอ 2-2 นอร์ชารูล ยืนโล่งในเขตโทษ ไม่มีกองหลังสักตัวที่คิดจะไปประกบเขาเลย พอเขาได้บอลมีเวลาเป็นวินาที ก่อนจะกลับตัวและซัดเข้าไปแบบง่ายมากๆ คำถามคือ เราปล่อยโล่งขนาดนั้นได้อย่างไร ในเมื่อแค่เข้าไปประกบหน่อย นอร์ชารูล ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
2 ประตูที่เสีย ไม่ใช่ลูกที่ป้องกันไม่ได้ โอเคว่าคู่แข่งยิงคม เราต้องให้เครดิตเขาส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเรามีข้อมูลมากพอ เราควรรู้ว่า มีวิธีสกัดกั้นที่ดีกว่านั้น ไม่ใช่ปล่อยให้เขาได้ซัดโล่งๆรอโดน
—-
อันนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก
โดยปกติแล้วทีมชาติไทยจะเน้นตั้งรับ กองหลังเข้ามายืนในกรอบเขตโทษ4คน เป็น line defense เพื่อเคลีย บล๊อก หรือสะกัดบอลออกไป
ไม่ใช่ไปสะกัดบอลนอกกรอบเขตโทษซึ่งจะทำให้เสียตำแหน่ง อันนั้นหน้าที่กลางรับ
แต่คำถามคือ ทีมงานได้ทำการบ้านมามากพอหรือไม่?