ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 25 : ผู้กระทำ?
https://pantip.com/topic/38303124
=====================================================================================
ตอนที่ 26 : ท่านลุง
“ทราบเรื่องแล้ว”
ปรีผู้เป็นจักรพรรดิพยักหน้ารับเสนาธิการ เจที่เล่าเรื่องราวให้ฟัง
เรื่องราวที่เจเล่านั้นเป็นเรื่องที่เชนและแม็กกี้สองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมไปปะทะกับป๊อกกี้ หนึ่งในสี่ขุนพลแห่งสายศิลป์ และเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างเจมส์กับใหญ่สี่ขุนพลด้วยกัน
ดังนั้น พอปรีผู้มีตำแหน่งสูงสุดทราบเรื่อง จึงรีบรุดไปที่ตึกอุตสาหกรรม เพื่อพูดคุยกับแม็กกี้ เชน และใหญ่โดยด่วน
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังมุ่งไปที่ตึกหกนั้น ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาหา
เป็นคู่หมั้นคนสวยของปรี สาวสวยผมหยิก ริน
“ปรี!” เธอเห็นหนุ่มผมหยิกก็เอ่ยทันที “จะไปไหนเหรอ?”
“เอ่อ...” ปรีนิ่งเงียบ คิดไม่ถึงว่าจะเจอรินตอนนี้ คล้ายทำอะไรไม่ถูกหันหน้าปรึกษาหนุ่มร่างเล็กข้างกาย
แต่เจก็นิ่งเฉย เพราะไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองสามารถช่วยได้
และแล้วปรีก็พูดออกมา “ริน... มาได้ไงเนี่ย ไม่มีเรียนเหรอ?”
รินยิ้มตอบ ส่ายหน้าเล็ก ๆ “ไม่มีจ้ะ รินคิดถึงปรี เลยมาหา”
“เหรอ..” ปรีฝืน ๆ ยิ้มรับ
“ปรีจะไปไหนเหรอ.. รินไปด้วยได้มั้ย?”
“เอ่อ..” ปรีครุ่นคิด เขาคาดคำนวณตามนิสัยของคู่หมั้นตัวเอง ย่อมรู้ว่าถึงบอกไปไหนก็คงต้องติดตามไปด้วยแน่ และต่อให้ปฏิเสธก็ไม่สามารถหยุดเธอได้ จึงพูดออกไปตรง ๆ ว่า “จะไปตึกหกน่ะ”
“จ้า.. งั้นรินไปด้วยนะ” เธอเข้าไปเกาะแขนปรีทันที
“อือ ๆ” ปรีผงกศีรษะคล้ายยอมจำนน
ดังนั้น ปรีและเจก็ต้องพารินไปที่ตึกอุตสาหกรรมด้วยกัน
ภายในชั้นสามของตึกอุตสาหกรรม
แน่นอนว่าชั้นนี้เป็นที่อยู่ของใหญ่ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้มีเพียงใหญ่เท่านั้น
เชนกับแม็กกี้ สองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมก็ขึ้นมาอยู่ที่นี่ รวมทั้งจักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ และสาวสวย รินที่ติดตามมาก็อยู่ที่นี่ด้วย
ปรีมองหน้าสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม แล้วพูดขึ้นว่า
“เชน แม็กกี้ ได้ยินว่านายสองคนไปสู้กับป๊อกกี้ใช่มั้ย?”
เชนพยักหน้ารับ ส่วนแม็กกี้ไม่ได้พูดอะไรตอบ นิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินคำถามที่ปรีพูด
“พวกนายอย่าไปสู้กับป๊อกกี้อีกได้มั้ย... ใจเย็นไว้ก่อน เรื่องนี้อาจไม่ใช่ฝีมือป๊อกกี้ก็ได้”
“ไม่” คราวนี้แม็กกี้พูดขึ้นมา “มีหลักฐานขนาดนี้ อย่างไรฉันก็ไม่มีทางปล่อยป๊อกกี้ไว้แน่”
“ใช่ พวกฉันไม่มียอมให้โดนหยามง่าย ๆ หรอก” เชนช่วยสนับสนุน
“แต่...”
“ไม่ ถึงนายจะเป็นจักรพรรดิ ฉันก็ไม่ยอม นายห้ามฉันไม่ได้หรอก” แม็กกี้ตอบอย่างหนักแน่นราวกับไม่ใช่ตัวเอง
ปรีจึงไม่รู้จะทำยังไง เพราะดูแล้วผู้คุมตึกอุตสาหกรรมทั้งสองคงไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่
ซึ่งในขณะที่ปรีพูดคุยอยู่ รินที่ไม่รู้เรื่องนี้จึงหันถามเสนาธิการ เจที่อยู่ใกล้ ๆ
“เจ... มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เธอพูดเสียงเบา
“พอดีมันเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ” เจบอก “ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถพูดอะไรได้”
“เหรอ..” รินยิ้มรับ แต่เหมือนในใจยังอยากรู้อยู่ จึงนิ่งฟังปรีพูดคุยอย่างตั้งใจ
ปรีพยายามพูดคุยเพื่อหย่าศึกของสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นผล จึงหันไปพูดคุยกับใหญ่แทน
“ใหญ่ นายเองก็เหมือนกัน ทำไมต้องสู้กับเจมส์ด้วย ถ้านายไม่ได้ทำ ไม่จำเป็นต้องสู้ก็ได้นี่”
“ไม่ได้หรอก” ใหญ่ส่ายหน้า “นายก็น่าจะรู้นิสัยของเจมส์นะ”
“ใช่ เจมส์ชอบฝึกฝน ชอบต่อสู้ ถ้ามีโอกาสได้สู้กับนาย เขาย่อมไม่ปล่อยไว้แน่ ...แต่นายก็ไม่ต้องสู้ไม่ได้หรือ?”
“ไม่ ฉันต้องสู้” ใหญ่พูดพลางจ้องมองจักรพรรดิผมหยิก “นายคิดว่าฉันไม่ได้ทำหรือ?”
“ใช่”
“นายอาจจะคิดผิดก็ได้ ฉันอาจเป็นคนทำจริง ๆ”
“ไม่ ฉันเชื่อว่ายังไงก็ไม่ใช่ฝีมือนาย”
“ก็ตามใจ ถึงยังไงถ้าเจมส์มาท้าสู้ ฉันก็ต้องสู้อยู่ดี นายห้ามฉันไม่ได้หรอก”
“งั้นฉันคงไม่มีอะไรพูดแล้ว ขอตัว”
ปรีคงรู้ตัวว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว จึงขอตัวออกจากที่นี่ไป
ในขณะที่ปรี เจ และรินอยู่ภายในตึกหกสายอุตสาหกรรมนั้น ก็มีผู้หนึ่งกำลังเดินเข้าโรงเรียนประจิมสวัสดิ์มา
คนผู้นี้คือ ชายรวบผมลึกลับ ผู้ปรากฏกายให้แอลเห็นนั่นเอง
เขาเดินเข้ามาในโรงเรียนอย่างคุ้นเคย เพราะเคยเข้ามาที่โรงเรียนนี้แล้ว
ซึ่งการแต่งกายของชายผู้นี้ แม้จะไม่ใช่ชุดเดิมกับวันก่อน แต่ก็ยังอยู่ในชุดไปรเวท ไม่ใช่ชุดนักเรียนประจิมสวัสดิ์ ทำให้ดูค่อนข้างสะดุดตาเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ
ยังเดินด้อม ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ ๆ กับตึกหกสายอุตสาหกรรม
ชายรวบผมจับตามองไปที่ทางขึ้นตึกอย่างไม่ละสายตา มองไปจนถึงช่วงที่ปรี เจ และรินออกไปจากตึก
เขารอจนพวกปรีเดินไปไกลห่างจากตึกหกพอสมควร จึงเริ่มมีการเคลื่อนไหว
ชายรวบผมค่อย ๆ ขยับตัวเข้าใกล้ตึกหกอย่างไม่รีบร้อน พอถึงอีกมุมหนึ่งก็หยุดนิ่ง ยืนหันซ้ายหันขวา แลมองผู้คนที่ผ่านไปมา
แล้วเขาก็ควักสิ่งหนึ่งออกมา
นั่นคือ โทรศัพท์มือถือ
ชายรวบผมกดหมายเลขโทรออก พอมีผู้รับสาย จึงพูดกับปลายสายนั้นว่า
“พวกนั้นยังไม่รู้ใช่มั้ย ...ดีเลย จะได้จัดการได้อย่างสะดวก”
ปรี เจ และรินเดินเข้าไปในตึกสองของสายศิลป์
ซึ่งถ้ามาที่นี่ก็แสดงว่าลำดับต่อไปที่ปรีต้องการพบคือ ป๊อกกี้ สี่ขุนพลแห่งสายศิลป์
เขาจึงเดินไปยังห้อง ม. 4/5 ระดับชั้นที่ป๊อกกี้เรียนอยู่
แต่ว่ากลับไม่เจอหนุ่มคาบขนมปังแท่ง
พอสอบถามนักเรียนร่วมห้องก็ไม่ได้ความอะไรอีก ไม่รู้ว่าตอนนี้ป๊อกกี้อยู่ไหน ซึ่งในขณะที่ทั้งสามกำลังจะเปลี่ยนไปที่อื่นก็พบเจอบุคคลที่รู้จักสามคน
สองในสามนั้นเป็นผู้หญิง นั่นคือ สาวห้าวผมทอง อดีตสี่ขุนพล จิน กับสาวสวยผมยาว เมย์
ส่วนชายอีกคนหนึ่งคือ ผู้นำสายศิลป์–ภาษา บุรุษสองร่าง เร
ทันทีที่ปรีพบเห็นพวกเขาก็ถึงกลับนิ่งเงียบ เพราะรินติดตามมาด้วย ทำให้สถานการณ์ตอนนี้หนุ่มผมหยิกมิอาจเอ่ยความใด ๆ กับสาวห้าวผมทองจินได้
แน่นอนหน้าที่ของผู้เข้าไปพูดคุยต้องกลายเป็นของเสนาธิการร่างเล็ก เจ
เจเดินเข้าไปหาทั้งสาม เอ่ยถามขึ้นว่า
“มีใครเห็นป๊อกกี้มั้ย?”
จินไม่แสดงทีท่าใด ๆ เมย์ส่ายหน้า แต่คนที่ตอบเจกลับเป็นเร
“ไม่เห็นนะ มีเรื่องอะไรหรือ?”
“พอดีต้องการจะคุยกับป๊อกกี้หน่อย” เจบอก “นายคงพอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนะ”
“อือ” เรพยักหน้ารับ “พอรู้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป๊อกกี้ทำจริงหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก”
เมื่อไม่มีใครรู้ว่าป๊อกกี้อยู่ที่ไหน ปรีจึงต้องตัดสินใจไปที่ตึกเจ็ด เพื่อพูดคุยกับเจมส์ต่อไป
พอทั้งสามเดินออกจากที่นี่ไปแล้ว จิน เมย์ และเรก็หันหลังกลับ ก้าวเดินเข้าไปในห้องเรียน ม. 5/7 ที่พวกเขาเรียนอยู่
แต่เมื่อเข้าไปกลับพบเจอคนผู้หนึ่งที่ไม่ใช่นักเรียนชั้น ม. 5/7
เป็นป๊อกกี้ที่นั่งอยู่ภายในห้องเรียนชั้น ม. 5/7 นั่นเอง
แล้วจินก็พูดขึ้นว่า “พวกเขาไปแล้ว”
“ครับพี่จิน” ป๊อกกี้พยักหน้ารับ
“นายไปทำอะไรไว้ล่ะ ปรีถึงตามหา” จินถาม
“ไม่รู้ครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากเจอพวกเขาเท่าไหร่”
“อืม..” จินมองหนุ่มหน้าหวาน จ้องอยู่เนิ่นนาน ค่อยพูดขึ้นต่อ “ป๊อกกี้... ฉันมีเรื่องหนึ่งจะบอกนาย”
“เรื่องอะไรครับ?”
จินทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ซึ่งสองคนที่เหลือก็นั่งลงเช่นกัน แล้วสาวห้าวผมทองก็พูดคุยกับป๊อกกี้ต่อไป
ตอนนี้จักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ และริน สาวสวยผมหยิกคู่หมั้นปรีมาอยู่ที่ตึกเจ็ดแล้ว
ครั้งนี้พวกเขามาที่ชมรมฟุตบอล เพื่อมาเจรจากับเจมส์ให้ยุติศึกต่อสู้กับใหญ่ ซึ่งหนุ่มนักกีฬาก็อยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปไหน ดูท่าทางพร้อมจะต่อสู้มากทีเดียว
แต่พอปรีเอ่ยขอร้องหนุ่มนักกีฬาให้ยุติการต่อสู้กับใหญ่ ก็ถูกปฏิเสธกลับไปว่า
“ไม่! ยังไงฉันต้องสู้กับใหญ่!”
“ทำไมนายต้องสู้ด้วย มันไม่แน่ว่าจะเป็นใหญ่นี่” ปรีพยายามอธิบาย
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจ เมื่อมีหลักฐานชี้ชัดแล้ว ยังไงฉันก็ต้องสู้กับใหญ่ นายห้ามฉันไม่ได้หรอก” เจมส์ยังปฏิเสธ
“นี่ นายอยากให้มันมีเรื่องมากกว่านี้เหรอ?”
“ไม่รู้” เจมส์ส่ายหน้า “ตอนนี้ฉันรู้อย่างเดียวว่าต้องสู้กับใหญ่”
“เฮ้อ...” ปรีถอนหายใจ แล้วค่อยพูดต่อ “พวกนายเป็นอะไรกันเนี่ย ไม่มีใครยอมความเลย”
“ไม่รู้” เจมส์ยังตอบเช่นเดิม “นายรอดูการต่อสู้ของพวกเราเถอะ อย่าเพิ่งมาขอร้องอะไรอีกเลย”
แล้วเจมส์ก็ขอตัวลุกขึ้นออกไป ทำให้ปรีและพวกต้องออกไปจากห้องชมรมฟุตบอลอย่างไม่สามารถทำอะไรได้
“ปรี จะมีการต่อสู้เกิดขึ้นเหรอ?”
รินเอ่ยถามปรีด้วยน้ำเสียงหวาน ๆ ตอนนี้ทั้งสามออกมาจากตึกเจ็ดแล้ว มานั่งรวมอยู่ที่โต๊ะหนึ่งใกล้ ๆ ตึกสี่
“อืม... อาจจะเป็นงั้น” ปรีบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เพราะดูไม่มีใครยอมสักคน”
“ใหญ่ต้องสู้กับเจมส์ ป๊อกกี้ก็สู้กับเชนและแม็กกี้สิ”
“อือ”
“น่าสนุก...” รินดูท่าจะไม่กังวลเหมือนปรีเลย แถมยังมีทีท่ายินดีด้วยที่จะได้ดูทั้งหมดต่อสู้กัน
“ไม่!!” ปรีปฏิเสธเสียงดัง จนรินสะดุ้งตัวแล้วเงียบงันไป เขาพูดขึ้นต่อ “ในเมื่อฉันทำอะไรไม่ได้ คงต้องไปปรึกษาเขาคนนั้นแล้ว”
“ใคร?” เจถาม
“ท่านลุง”
(มีต่อครับ)
TWO TOP สองอันตราย - [บทความวุ่นวายในประจิม] - ตอนที่ 26 : ท่านลุง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
=====================================================================================
ตอนที่ 26 : ท่านลุง
“ทราบเรื่องแล้ว”
ปรีผู้เป็นจักรพรรดิพยักหน้ารับเสนาธิการ เจที่เล่าเรื่องราวให้ฟัง
เรื่องราวที่เจเล่านั้นเป็นเรื่องที่เชนและแม็กกี้สองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมไปปะทะกับป๊อกกี้ หนึ่งในสี่ขุนพลแห่งสายศิลป์ และเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างเจมส์กับใหญ่สี่ขุนพลด้วยกัน
ดังนั้น พอปรีผู้มีตำแหน่งสูงสุดทราบเรื่อง จึงรีบรุดไปที่ตึกอุตสาหกรรม เพื่อพูดคุยกับแม็กกี้ เชน และใหญ่โดยด่วน
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังมุ่งไปที่ตึกหกนั้น ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาหา
เป็นคู่หมั้นคนสวยของปรี สาวสวยผมหยิก ริน
“ปรี!” เธอเห็นหนุ่มผมหยิกก็เอ่ยทันที “จะไปไหนเหรอ?”
“เอ่อ...” ปรีนิ่งเงียบ คิดไม่ถึงว่าจะเจอรินตอนนี้ คล้ายทำอะไรไม่ถูกหันหน้าปรึกษาหนุ่มร่างเล็กข้างกาย
แต่เจก็นิ่งเฉย เพราะไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองสามารถช่วยได้
และแล้วปรีก็พูดออกมา “ริน... มาได้ไงเนี่ย ไม่มีเรียนเหรอ?”
รินยิ้มตอบ ส่ายหน้าเล็ก ๆ “ไม่มีจ้ะ รินคิดถึงปรี เลยมาหา”
“เหรอ..” ปรีฝืน ๆ ยิ้มรับ
“ปรีจะไปไหนเหรอ.. รินไปด้วยได้มั้ย?”
“เอ่อ..” ปรีครุ่นคิด เขาคาดคำนวณตามนิสัยของคู่หมั้นตัวเอง ย่อมรู้ว่าถึงบอกไปไหนก็คงต้องติดตามไปด้วยแน่ และต่อให้ปฏิเสธก็ไม่สามารถหยุดเธอได้ จึงพูดออกไปตรง ๆ ว่า “จะไปตึกหกน่ะ”
“จ้า.. งั้นรินไปด้วยนะ” เธอเข้าไปเกาะแขนปรีทันที
“อือ ๆ” ปรีผงกศีรษะคล้ายยอมจำนน
ดังนั้น ปรีและเจก็ต้องพารินไปที่ตึกอุตสาหกรรมด้วยกัน
ภายในชั้นสามของตึกอุตสาหกรรม
แน่นอนว่าชั้นนี้เป็นที่อยู่ของใหญ่ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้มีเพียงใหญ่เท่านั้น
เชนกับแม็กกี้ สองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมก็ขึ้นมาอยู่ที่นี่ รวมทั้งจักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ และสาวสวย รินที่ติดตามมาก็อยู่ที่นี่ด้วย
ปรีมองหน้าสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม แล้วพูดขึ้นว่า
“เชน แม็กกี้ ได้ยินว่านายสองคนไปสู้กับป๊อกกี้ใช่มั้ย?”
เชนพยักหน้ารับ ส่วนแม็กกี้ไม่ได้พูดอะไรตอบ นิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินคำถามที่ปรีพูด
“พวกนายอย่าไปสู้กับป๊อกกี้อีกได้มั้ย... ใจเย็นไว้ก่อน เรื่องนี้อาจไม่ใช่ฝีมือป๊อกกี้ก็ได้”
“ไม่” คราวนี้แม็กกี้พูดขึ้นมา “มีหลักฐานขนาดนี้ อย่างไรฉันก็ไม่มีทางปล่อยป๊อกกี้ไว้แน่”
“ใช่ พวกฉันไม่มียอมให้โดนหยามง่าย ๆ หรอก” เชนช่วยสนับสนุน
“แต่...”
“ไม่ ถึงนายจะเป็นจักรพรรดิ ฉันก็ไม่ยอม นายห้ามฉันไม่ได้หรอก” แม็กกี้ตอบอย่างหนักแน่นราวกับไม่ใช่ตัวเอง
ปรีจึงไม่รู้จะทำยังไง เพราะดูแล้วผู้คุมตึกอุตสาหกรรมทั้งสองคงไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่
ซึ่งในขณะที่ปรีพูดคุยอยู่ รินที่ไม่รู้เรื่องนี้จึงหันถามเสนาธิการ เจที่อยู่ใกล้ ๆ
“เจ... มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เธอพูดเสียงเบา
“พอดีมันเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ” เจบอก “ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถพูดอะไรได้”
“เหรอ..” รินยิ้มรับ แต่เหมือนในใจยังอยากรู้อยู่ จึงนิ่งฟังปรีพูดคุยอย่างตั้งใจ
ปรีพยายามพูดคุยเพื่อหย่าศึกของสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นผล จึงหันไปพูดคุยกับใหญ่แทน
“ใหญ่ นายเองก็เหมือนกัน ทำไมต้องสู้กับเจมส์ด้วย ถ้านายไม่ได้ทำ ไม่จำเป็นต้องสู้ก็ได้นี่”
“ไม่ได้หรอก” ใหญ่ส่ายหน้า “นายก็น่าจะรู้นิสัยของเจมส์นะ”
“ใช่ เจมส์ชอบฝึกฝน ชอบต่อสู้ ถ้ามีโอกาสได้สู้กับนาย เขาย่อมไม่ปล่อยไว้แน่ ...แต่นายก็ไม่ต้องสู้ไม่ได้หรือ?”
“ไม่ ฉันต้องสู้” ใหญ่พูดพลางจ้องมองจักรพรรดิผมหยิก “นายคิดว่าฉันไม่ได้ทำหรือ?”
“ใช่”
“นายอาจจะคิดผิดก็ได้ ฉันอาจเป็นคนทำจริง ๆ”
“ไม่ ฉันเชื่อว่ายังไงก็ไม่ใช่ฝีมือนาย”
“ก็ตามใจ ถึงยังไงถ้าเจมส์มาท้าสู้ ฉันก็ต้องสู้อยู่ดี นายห้ามฉันไม่ได้หรอก”
“งั้นฉันคงไม่มีอะไรพูดแล้ว ขอตัว”
ปรีคงรู้ตัวว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว จึงขอตัวออกจากที่นี่ไป
ในขณะที่ปรี เจ และรินอยู่ภายในตึกหกสายอุตสาหกรรมนั้น ก็มีผู้หนึ่งกำลังเดินเข้าโรงเรียนประจิมสวัสดิ์มา
คนผู้นี้คือ ชายรวบผมลึกลับ ผู้ปรากฏกายให้แอลเห็นนั่นเอง
เขาเดินเข้ามาในโรงเรียนอย่างคุ้นเคย เพราะเคยเข้ามาที่โรงเรียนนี้แล้ว
ซึ่งการแต่งกายของชายผู้นี้ แม้จะไม่ใช่ชุดเดิมกับวันก่อน แต่ก็ยังอยู่ในชุดไปรเวท ไม่ใช่ชุดนักเรียนประจิมสวัสดิ์ ทำให้ดูค่อนข้างสะดุดตาเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ
ยังเดินด้อม ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ ๆ กับตึกหกสายอุตสาหกรรม
ชายรวบผมจับตามองไปที่ทางขึ้นตึกอย่างไม่ละสายตา มองไปจนถึงช่วงที่ปรี เจ และรินออกไปจากตึก
เขารอจนพวกปรีเดินไปไกลห่างจากตึกหกพอสมควร จึงเริ่มมีการเคลื่อนไหว
ชายรวบผมค่อย ๆ ขยับตัวเข้าใกล้ตึกหกอย่างไม่รีบร้อน พอถึงอีกมุมหนึ่งก็หยุดนิ่ง ยืนหันซ้ายหันขวา แลมองผู้คนที่ผ่านไปมา
แล้วเขาก็ควักสิ่งหนึ่งออกมา
นั่นคือ โทรศัพท์มือถือ
ชายรวบผมกดหมายเลขโทรออก พอมีผู้รับสาย จึงพูดกับปลายสายนั้นว่า
“พวกนั้นยังไม่รู้ใช่มั้ย ...ดีเลย จะได้จัดการได้อย่างสะดวก”
ปรี เจ และรินเดินเข้าไปในตึกสองของสายศิลป์
ซึ่งถ้ามาที่นี่ก็แสดงว่าลำดับต่อไปที่ปรีต้องการพบคือ ป๊อกกี้ สี่ขุนพลแห่งสายศิลป์
เขาจึงเดินไปยังห้อง ม. 4/5 ระดับชั้นที่ป๊อกกี้เรียนอยู่
แต่ว่ากลับไม่เจอหนุ่มคาบขนมปังแท่ง
พอสอบถามนักเรียนร่วมห้องก็ไม่ได้ความอะไรอีก ไม่รู้ว่าตอนนี้ป๊อกกี้อยู่ไหน ซึ่งในขณะที่ทั้งสามกำลังจะเปลี่ยนไปที่อื่นก็พบเจอบุคคลที่รู้จักสามคน
สองในสามนั้นเป็นผู้หญิง นั่นคือ สาวห้าวผมทอง อดีตสี่ขุนพล จิน กับสาวสวยผมยาว เมย์
ส่วนชายอีกคนหนึ่งคือ ผู้นำสายศิลป์–ภาษา บุรุษสองร่าง เร
ทันทีที่ปรีพบเห็นพวกเขาก็ถึงกลับนิ่งเงียบ เพราะรินติดตามมาด้วย ทำให้สถานการณ์ตอนนี้หนุ่มผมหยิกมิอาจเอ่ยความใด ๆ กับสาวห้าวผมทองจินได้
แน่นอนหน้าที่ของผู้เข้าไปพูดคุยต้องกลายเป็นของเสนาธิการร่างเล็ก เจ
เจเดินเข้าไปหาทั้งสาม เอ่ยถามขึ้นว่า
“มีใครเห็นป๊อกกี้มั้ย?”
จินไม่แสดงทีท่าใด ๆ เมย์ส่ายหน้า แต่คนที่ตอบเจกลับเป็นเร
“ไม่เห็นนะ มีเรื่องอะไรหรือ?”
“พอดีต้องการจะคุยกับป๊อกกี้หน่อย” เจบอก “นายคงพอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนะ”
“อือ” เรพยักหน้ารับ “พอรู้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป๊อกกี้ทำจริงหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก”
เมื่อไม่มีใครรู้ว่าป๊อกกี้อยู่ที่ไหน ปรีจึงต้องตัดสินใจไปที่ตึกเจ็ด เพื่อพูดคุยกับเจมส์ต่อไป
พอทั้งสามเดินออกจากที่นี่ไปแล้ว จิน เมย์ และเรก็หันหลังกลับ ก้าวเดินเข้าไปในห้องเรียน ม. 5/7 ที่พวกเขาเรียนอยู่
แต่เมื่อเข้าไปกลับพบเจอคนผู้หนึ่งที่ไม่ใช่นักเรียนชั้น ม. 5/7
เป็นป๊อกกี้ที่นั่งอยู่ภายในห้องเรียนชั้น ม. 5/7 นั่นเอง
แล้วจินก็พูดขึ้นว่า “พวกเขาไปแล้ว”
“ครับพี่จิน” ป๊อกกี้พยักหน้ารับ
“นายไปทำอะไรไว้ล่ะ ปรีถึงตามหา” จินถาม
“ไม่รู้ครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากเจอพวกเขาเท่าไหร่”
“อืม..” จินมองหนุ่มหน้าหวาน จ้องอยู่เนิ่นนาน ค่อยพูดขึ้นต่อ “ป๊อกกี้... ฉันมีเรื่องหนึ่งจะบอกนาย”
“เรื่องอะไรครับ?”
จินทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ซึ่งสองคนที่เหลือก็นั่งลงเช่นกัน แล้วสาวห้าวผมทองก็พูดคุยกับป๊อกกี้ต่อไป
ตอนนี้จักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ และริน สาวสวยผมหยิกคู่หมั้นปรีมาอยู่ที่ตึกเจ็ดแล้ว
ครั้งนี้พวกเขามาที่ชมรมฟุตบอล เพื่อมาเจรจากับเจมส์ให้ยุติศึกต่อสู้กับใหญ่ ซึ่งหนุ่มนักกีฬาก็อยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปไหน ดูท่าทางพร้อมจะต่อสู้มากทีเดียว
แต่พอปรีเอ่ยขอร้องหนุ่มนักกีฬาให้ยุติการต่อสู้กับใหญ่ ก็ถูกปฏิเสธกลับไปว่า
“ไม่! ยังไงฉันต้องสู้กับใหญ่!”
“ทำไมนายต้องสู้ด้วย มันไม่แน่ว่าจะเป็นใหญ่นี่” ปรีพยายามอธิบาย
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจ เมื่อมีหลักฐานชี้ชัดแล้ว ยังไงฉันก็ต้องสู้กับใหญ่ นายห้ามฉันไม่ได้หรอก” เจมส์ยังปฏิเสธ
“นี่ นายอยากให้มันมีเรื่องมากกว่านี้เหรอ?”
“ไม่รู้” เจมส์ส่ายหน้า “ตอนนี้ฉันรู้อย่างเดียวว่าต้องสู้กับใหญ่”
“เฮ้อ...” ปรีถอนหายใจ แล้วค่อยพูดต่อ “พวกนายเป็นอะไรกันเนี่ย ไม่มีใครยอมความเลย”
“ไม่รู้” เจมส์ยังตอบเช่นเดิม “นายรอดูการต่อสู้ของพวกเราเถอะ อย่าเพิ่งมาขอร้องอะไรอีกเลย”
แล้วเจมส์ก็ขอตัวลุกขึ้นออกไป ทำให้ปรีและพวกต้องออกไปจากห้องชมรมฟุตบอลอย่างไม่สามารถทำอะไรได้
“ปรี จะมีการต่อสู้เกิดขึ้นเหรอ?”
รินเอ่ยถามปรีด้วยน้ำเสียงหวาน ๆ ตอนนี้ทั้งสามออกมาจากตึกเจ็ดแล้ว มานั่งรวมอยู่ที่โต๊ะหนึ่งใกล้ ๆ ตึกสี่
“อืม... อาจจะเป็นงั้น” ปรีบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เพราะดูไม่มีใครยอมสักคน”
“ใหญ่ต้องสู้กับเจมส์ ป๊อกกี้ก็สู้กับเชนและแม็กกี้สิ”
“อือ”
“น่าสนุก...” รินดูท่าจะไม่กังวลเหมือนปรีเลย แถมยังมีทีท่ายินดีด้วยที่จะได้ดูทั้งหมดต่อสู้กัน
“ไม่!!” ปรีปฏิเสธเสียงดัง จนรินสะดุ้งตัวแล้วเงียบงันไป เขาพูดขึ้นต่อ “ในเมื่อฉันทำอะไรไม่ได้ คงต้องไปปรึกษาเขาคนนั้นแล้ว”
“ใคร?” เจถาม
“ท่านลุง”
(มีต่อครับ)