"เบตง" เมืองต้องห้าม (พลาด)



ช่วงที่ผ่านมา เห็นข่าวเรื่องสนามบินเบตง ซึ่งเตรียมจะเปิดให้บริการในปี 2563 ชวนให้ตื่นเต้นอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนคงกลัวเรื่องความปลอดภัย วันนี้ จึงขอมาแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมา และความรู้สึกที่มีต่อ "เบตง" เมืองต้องห้าม (พลาด) แห่งนี้ครับ

"เบตง" อาจจะเป็นเมืองต้องห้ามสำหรับใครหลายๆ คน เพราะภาพที่ผู้คนส่วนใหญ่มอง อาจจะเป็นเมืองที่น่ากลัวตามข่าว เป็นเมืองไร้ความสงบ 1 ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมถึง ระยะทางที่ไกลสุดด้ามขวานของประเทศไทย ทำให้ใครหลายคนเกิดความหวาดกลัว และน้อยคนนักที่กล้าจะมาสัมผัส

แต่สำหรับผมแล้ว "เบตง" เป็นอีกเมืองที่ต้องห้าม…พลาด ต้องมาให้ได้ถึงให้ได้ อาจจะเป็นด้วยเพราะมันเป็นความท้าทายของตัวเราเองเหมือนกัน อยากจะพิสูจน์ให้ได้รู้ ให้ได้เห็นกับตัวเองด้วยว่า มันจะสวยงามขนาดไหน และจะเป็นเหมือนที่คนทั่วไปเขาหวาดกลัวกันหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่า ในความน่าหวาดกลัวก็มีความสวยงาม ที่ใครหลายคนยังไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นซ่อนอยู่

📝 ผมเริ่มต้นรวบรวมข้อมูลการเดินทาง ข้อมูลของเบตงที่มีทั้งสถานที่ที่น่าสนใจ สถานที่ที่อยากไปอย่าง "ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" หรือ "ทะเลหมอกเบตง" ทะเลหมอกบนยอดเขา "ฆูนุงซีลีปัต" และตัวเมืองเบตง มาถึงตรงนี้ ผมบอกกับคู่หูร่วมทริปว่า “การผจญภัยกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว





✈️การเดินทาง ผมเลือกเส้นทางการเดินทางเริ่มจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบินนกแอร์ ตั๋วไป-กลับ คนละ 1,400 บาท ลงที่สนามบินหาดใหญ่ แล้วและต่อรถตู้ วินรถตู้โพธ์ทอง หาดใหญ่-เบตง ราคาคนละ 230 บาท โทรนัดกับทางวินรถตู้แล้วเขาจะขับรถมารับที่สนามบิน





🚐 ออกเดินทางสู่เบตง ระยะเวลาในการนั่งรถ จากหาดใหญ่ไปเบตง 4-5 ชั่วโมง ถ้าใครเมารถแนะนำให้กินยาแก้เมารถแล้วหลับไปได้เลย เพราะจะต้องเจอกับโค้งหลายร้อยโค้งไม่แพ้ถนนทางภาคเหนือ แต่ความงามสองข้างทางก็ไม่แพ้ภาคเหนือเช่นกัน




วันแรกผมกับคู่หู ยังไม่ได้เข้าไปในเมืองเบตง เพราะจะไปจุดแลนด์มารค์ที่คนรู้จักน้อย คือ ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต จุดชมทะเลหมอก 360 องศา แต่ค่อนข้างจะแอบแอดแวนเจอร์นิดๆ เพราะต้องเดินเท้าแบกเป้เข้าป่า เพื่อเดินไปพักค้างแรม จุดตั้งแคมป์ที่ทางการท่องที่ยวโดยชุมชนทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต ชมรมการท่องเที่ยวของตำบลอัยเยอร์เวงจัดไว้ให้

🏕️ผมว่า สนุกไปอีกแบบ เพราะต้องขึ้นไปนอนตั้งแคมป์บนยอดเขา เพื่อตื่นมาชมทะเลหมอกในยามเช้า แต่โชคไม่ดี ได้เห็นแต่ทะเลหมอกอย่างเดียว พระอาทิตย์ไม่มาตามนัด เพราะอากาศปิด เนื่องจากตอน กลางคืนฝนตก









🏙️วันต่อมา ผมพร้อมคู่หู นั่งรถเข้าเมืองเบตง พักโรงแรมทั่วไปๆ เพราะโรงแรมราคามิตรภาพมีให้เราเลือกพักเยอะ ในราคา 590 บาท แต่สุดท้าย ผมตัดสินใจเปลี่ยนที่พักมาที่โรงแรมแกรนด์แมนดาริน เบตง โรงแรมระดับ 5 ดาวที่เก่าแก่และสูงที่สุดในเมืองเบตง เพราะผมสามารถขึ้นไปถ่ายรูปวิวเมืองเบตงทั้งเมืองและวิวเทือกเขาพีระมิดของประเทศมาเลเซียได้อย่างชัดเจนได้บนดาดฟ้า












เมื่อพูดถึงสัญลักษณ์ ของ "เบตง" นอกจะเป็นเมืองร่ำรวยธรรมชาติที่อยู่ปลายสุดของประเทศแล้ว ผมยังนึกถึง "รถกระป๊อเหลือง" และ "วงเวียนหอนาฬิกาเบตง" รวมถึง แลนด์มาร์คที่สำคัญอย่าง ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก, อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ และทะเลหมอกอัยเยอร์เวง










🛵 การเดินทางไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ผมเลือกเดินทางโดยการขับมอเตอร์ไซค์ไปครับ ออกจากตัวเมือง อ.เบตง ไปประมาณ 30 กม. ไปที่ ต.อัยเยอร์เวง ช่วงกิโลเมตรที่ 30 (กม.30) แต่ถ้าคนที่ไม่ได้เช่ามอเตอร์ไซค์ สามารถนั่งรถกระป๊อสีเหลืองไปได้ ถ้าไปหลายคนก็จะหารกันได้ในราคาถูก ใช้เวลาในการเดินทางจากในตัวเมืองเบตงไปที่อัยเยอร์เวงประมาน 30 นาที หากใครอยากเห็นดาว ก็ให้ไปถึงเวลาประมาณตี 5 รอชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันประมาณ 6 โมงกว่าๆ จะได้ครบทั้งดาวและพระอาทิตย์ครับ
















นอกจาก สถานที่แลนด์มาร์คแล้ว อาหารที่ขึ้นชื่อ และเมื่อมาเบตงแล้ว ต้องมากินให้ได้ คือ "ข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้" (ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตงพันธ์ุแท้) ที่ใครๆ มาก็จะต้องห้ามพลาด แม้แต่คนในเมืองเบตงเอง ก็ยังมากินแบบไม่ขาดสาย รวมถึง ผัดหมี่เบตง เมนูนี้หากินได้ตามร้านทั่วไป เช่นเดียวกับชาและโรตี







🍝🍲ข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้ สูตรเด็ดของเขาที่มีความแตกต่างจากข้าวมันไก่ทั่วไปคือ "น้ำ" ที่อยู่ในจาน
ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ รสชาติจะคล้ายกับน้ำในข้าวขาหมูที่เขามักราดมาด้วย อร่อยครับ คอนเฟิร์ม

🌄 สำหรับผม 3 คืน 4 วัน ใน "เบตง" นอกจากจะมีดีที่เรื่องธรรมชาติอุดมสมบูรณ์แบบอลังการ ผู้คนในพื้นที่ก็ยังเป็นกันเอง ไม่แบ่งเชื้อชาติหรือศาสนา อยู่ด้วยกันอย่างมีน้ำใจไมตรี คนพื้นที่ทุกคน เข้าหานักท่องเที่ยว ถามไถ่ตลอด ตอนที่ผมไป จะไปไหน เดี๋ยวติดต่อคนนี้นะ บอกว่ามาจากพี่ พวกเขาพร้อมจะให้ข้อมูล แนะนำข้อมูลต่างๆ และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วยหัวใจ และกลับไปด้วยความประทับใจ พร้อมบอกต่อกันว่า "เบตงไม่ใช่ แค่ OK แต่ เบตง มากกว่านั้นจริงๆ"

💵 ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ มีค่าตั่วเครื่องบินไป - กลับ 1400 บาท, ค่ารถตู้ หาดใหญ่ - เบตง 230 บาท, ค่าโรงแรมคืนแรก 590 บาท, ค่าโรงแรมแมนดาริน 1290 บาท รวมอาหารเช้า, ค่าเช่า มอเตอร์ไซค์ วันละ 200 บาท ทั้งหมด 2 วัน, ค่ารถตู้ขากลับ เป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง มิตซูบิชิ สเปซวากอน ซึ่งกลับผ่านเส้นทางมาเลเซีย - หาดใหญ่ ถ้าจะกลับเส้นทางนี้ต้องนำ Passport ติดตัวไปด้วย คนละ 450 บาท, ค่าขึ้นไปเที่ยวและตั้งแคมป์ 1 คืน บนยอดเขาฆูนุงซีลีปัต คนละ 1000 บาท (รวมค่าคนนำทางและค่าอาหาร) ค่ากิน ค่าเบ็ดเตล็ดไม่เกิน 2,000 บาท

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่