EP.1 คิดถึงเขาก็ไปหาเขา ใต้สุดแดนสยาม เบตง

  นั่งรถไฟให้ตูดชากันเลย 8-13 สิงหาคม 2018
ทริปนี้เกิดจากการที่มีเพื่อนที่ใต้เยอะมาก ไปเรียนอินเดียนึกว่าไปเรียนที่ใต้ 5555+ กลับจากอินเดียเลยอยากจะลงใต้กับเค้ามั้ง สถานที่เที่ยวก็มากมาย แต่ทำไมเวลาเอ่ยว่าจะไป ยะลา ปัตตานี นราธวาส คนถึงต้องอ้าปากค้างงง แล้วถามว่า ไม่กลัวหรอ? ก่อนไปตอบก่อนเลยว่า ไม่กลัว แล้วพอไปถึงสามจังหวัดชายแดนมันก็ไม่น่ากลัวจริงๆ รถก็ไม่ติด อาหารการกินก็ถูกมากเว่อ
ทริปนี้เราไปใต้สุดของไทยเลย คือ เบตงค่ะ ไปเดินขึ้นเขาฆูนุงซีลีปัต ที่สวยติดอันดับเอเชียกัน ทริปนี้เจอเพื่อสนิทเทไม่เป็นท่าเลยยยยยยยย ฮ่าๆๆ ไม่เป็นลุยเดี่ยวก็ได้ แต่.... มีคนอยากจะร่วมทริปกับเราอีกคน นางหาวันว่างยากมาก กว่าจะได้ไปก็ปุ้บปั้บจริงๆ ฮ่าๆ ไปค่ะ ไปลุยกัน
              ***** บอกไว้ก่อนเลยว่าทริปนี้เราไปรถไฟ ทั้งไป-กลับ เลยนะจ๊ะ******
8/8/2018 หลังจากจองตั๋วรถไฟทางเว็บออนไลน์เสร็จเรียบร้อย จ่ายเงินเรียบร้อย ปริ้นตั๋วออกมาหรือเซฟไว้ในเครื่องก็ได้ เวลาเจ้าหน้าที่มาตรวจก็เปิดโทรศัพท์ให้ดู ส่วนเราปริ้นออกมาสะดวกดี ออกเดินทางจากสถานีหัวลำโพง ขบวน 169 กรุงเทพ-ยะลา ชั้น 2 พัดลม กรุงเทพ เวลา 15.35 น. ถึงพรุงนี้ เวลา 11.20 แต่เรทนะ ประมาณครึ่ง ชม. คือตู้สวย ถ่ายรูปดี เบาะปรับเอนได้ ไม่เมื่อย 492 บาท/1 คน
               *เรานั่งไปลงยะลาเพราะจะมีคนมารับเราที่สถานีรถไฟจ้า แต่ถ้าไปเองจะมีวินรถตู้ที่สถานียะลาวิ่งไปเบตงนะคะ
รถไฟชั้น 2 ที่นั่งจะมีบริการสั่งอาหารและมีโต๊ะให้นั่งทานอาหารได้ด้วย

มีโบกี้สำหรับนั่งทานอาหารด้วยนะ ชิวมากกกกกกกก
และระหว่างการเดินทางเราก็โพสรูปลงโซเชี่ยลปกติ แต่มีคนอยากจะร่วมทริปกับเราโดยไม่ได้นัดหมายอีกสามคน ดีนะจองบ้านพักไว้ 2หลัง บ้านนางอยู่หาดใหญ่กันอยู่แล้ว เลยนัดกันให้ขึ้นขบวนเวลานี้ ประมาณเวลานี้นะ จ้าเป็นทริปที่อะไรก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ ถึงที่หาดใหญ่ก็เช้าพอดี ประมาณ 10-11โมงได้
ถึงหาดใหญ่ โบกี้เริ่มว่างเยอะมาก เพราะส่วนมากก็ลงหาดใหญ่กันเยอะ  
รวมแล้วทริปนี้แวะรับคนร่วมทริปกันตลอดทาง อีก 1 นาง อยู่บันนังสตาจ้า

9/8/2018   ถึงทีหมายแล้วจ้า สถานีรถไฟยะลานั่นเอง ลงจากรถไฟก็หิวโหยกันเลย หาร้านข้าวทานกันก่อนจะเดินทาง ระหว่างเดินทางไปเบตงก็จะผ่านสะพานฮาลาบาลา แวะถ่ายรูปกันสักแปบ ทริปหน้าเราจะมาล่องแพรที่นิ่นะ ฮ่าๆๆ  
ประมาณ 3 โมงเย็น เราถึงที่พัก เราพักกันที่ ทะเลหมอกรีสอร์ท คืนละ 500 ต่อหลัง หลังนึงพักได้ 4-5 คนจ้า (ทางเข้าเบตงจะเป็นถนนที่เต็มไปด้วยโค้งนะ ใครเมารถก็กินยาเนอะ)
(รูปเอามาจากเฟสของที่พักนะคะ ลืมถ่ายไว้)
พอถึงที่พัก คนพื้นที่ซึ่งนางเป็นคุณครูและจัดทริปนี้ให้ตอบสนองความต้องการของคนอยากไปหาเขาอย่างพวกเราๆ             พวกเราทุกคนเจอกันตอนไปเรียนที่อินเดียทั้งหมดเลย
พอถึงที่พักก็แว้นมอไซต์หาไรกินกันเลยจ้า (มอไวต์สามารถหาเช่าได้หรือไม่ก็ดิวกับทางโรงแรมไว้ก่อน ส่วนเราคุณครูนางจัดเอาไว้ให้) หลังจากหาอะไรกินเสร็จเรียบร้อย จุดหมายของเรานวันพรุ่งนี้คือ ขึ้นไปบนภูเขาอัยเยอร์เวงช่วงเช้ามากๆ และขึ้นไปบนเขา ฆูนุงซีลีปัตช่วงบ่าย และนอนค้างด้านบน 1 คืน ก่อนจะไปเราแนะนำ * จองทัวร์เพื่อขึ้นบนฆูนุงในเฟส ฆูนุงซีลีปัตได้เลย เขาจะเตรียม รถเพื่อขึ้นไปด้านบน และ เต๊นท์ อาหารไว้ให้เรา

10/8/2018  ออกจากบ้านพักแต่ยังไม่เช็คเอ้าท์นะคะ 05.40น. ตามที่นัดหมายกันไว้ เพราะกลัวจะไม่ได้เห็นหมอก แว้นมอไซต์กันตามเคยคะ บนเขาสามารถขับมอไซต์ขึ้นไปได้ อากาศดีมากกก หนาวพอควร ด้านบนจะมีจุดให้ถ่ายรูปต่างๆ จะมีคนจีน และมาเลเซียมาเที่ยวเป็นส่วนมาก และที่พลาดไม่ได้เลยคือการกินข้าวยำ ไปใต้ทั้งที ไปลองอาหารบ้านเค้าหน่อย
-    ด้านบนมีร้านอาหารขาย โจ๊ก ไก่ย่าง ข้าวยำ บลาๆ มีของฝากขายด้วยนะ พวกเสื้อ พวงกุญแจ
*** ได้ข่าวมาว่ามีแพลนจะส้ราง sky walk ด้วยนะ

หลังจากที่ถ่ายรูปกันหน่ำใจ และ กินข้าวเช้ากันอย่างเต็มอิ่ม ก็แว้นไปเที่ยวน้ำตกกันต่อเลย ก่อนถึงน้ำตกประมาณ 200 เมตร ควรจอดรถไว้ที่ป้อม หรือตรง สุขาก่อนเข้าไปในน้ำตก หรือใครคิดว่าเซียนไม่กลัวตกก็ขับรถมอไซต์เข้าไปได้ เพราะว่ามันจะเป็นสะพานเล็กๆ แล้วจะมีตระไคร้น้ำเกาะบ้าง มันจะลื่น จอดรถแล้วเดินไปจะปลอดภัยกว่านะ
จากอัยเยอร์เวงห่างจากน้ำตกไม่กี่เมตร ลงจากอัยเยอร์เวงเลี้ยวขวา ก็จะเห็นทางเข้าไปน้ำตกแล้วจ้าาา อมยิ้ม01
กลับเข้าบ้านพักนอนพักเพื่อตอนบ่ายจะไปฆูนุงกันต่อ เราเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักประมาณบ่ายโมง เพราะนัดกับทัวร์บ่ายสองโมงกว่า ทางทัวร์จะบอกจุดนัดพบเราเลยว่านัดตรงไหน แต่ก็จะใกล้ๆกันไม่ไกลกันมากตรงทางขึ้นเขาฆูนุงเลย จุดนัดพบจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวกะลาอยู่ เข้าไปทานก่อนขึ้นเขาก็ได้นะ อร่อยดีจ้า เอารถมอไซต์ไปฝากไว้ได้เพราะขึ้นเขาคืนนึง จอดไว้ที่ร้านได้เลย
นั่งในร้านก็คุยกันรถจิ๊บแบบไหนที่พาเราขึ้นไป ก็นึกว่าจะคันใหญ่ๆ แล้วสวยๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ สวยจริงๆ
รถคันนนนนนนนนนนี้แกรรรร คันนี้ที่แบกคนขึ้นไปบนเขา
และทางระหว่างขึ้นไป 3 กิโลนั่นมันสนุกมาก เหนื่อยมาก ทั้งๆที่อยู่บนรถนะ แต่ต้องคอยหลบกิ่งไม้ 55555 มันเป็นความทรงจำที่นึกทีไรแล้วขำทุกที หลังจากรถจอดเราก็ต้องเดินต่ออีก 2.7 กิโล เพราะว่ารถไม่สามารถไปต่อไป นอกจากรถมอไซต์แบบวิพากๆ ล้อใหญ่ๆ ขนส่งทุเรียน เงาะ อะไรพวกนั้น
เราถึงด้านบนประมาณ4-5โมงเย็นเนี้ยแหละ กว่าจะขึ้นไปถึง พักกันหลายรอบอยู่ พอถึงจุดกางเต๊นท์ เราจะอยู่ตรงนั้นหรือจะนั่งพักสักแปบแล้วเดินไปบนยอดฆูนุงต่อก็ได้ แต่...ทางที่เดินผ่านขึ้นมาว่าเหนื่อยแล้ว แต่ทางที่จะเดินไปบนฆูนุงอีกแค่นิดเดียวเหนื่อยกว่า เพราะทางมันเป็นแบบนี้.....
ที่เราถ่ายรูปแบบนี้เพราะเราเจอกันที่อินเดียหมดเลย
หลังจากที่ถ่ายรูปกันหน่ำใจ ก็ลงค่ะ ทางจะมองไม่เห็นแล้ว ลงมาเขาก็จะมีการหุวข้าวในกระบอกไม้ไผ่ หอมมากกก อากาศด้านบนไม่หนาวมาก อากาศกำลังดี แต่ดึๆจะหนาวขึ้นมานิดนึง
** ด้านบนไม่สามารถอาบน้ำได้มีแต่ห้องสุขานะจ้ะ เตรียมทิชชู่เปียกกันขึ้นไปด้วยนะ
** ส่วนกระเป๋าทางทัวร์ที่เราจองเขาจะขนขึ้นมาให้เราเอง พกแต่ขวดน้ำเปล่าติดตัวมา และกล้องก็พอ
11/8/2018 ตื่นก่อนจะเช้านะ เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและหมอกล้อมรอบตัวกันข้างบนอีกรอบ
ตอนเช้าจะมีขนมปัง และ โอวันตินให้เราทานด้านบนยอดเขาเลย ก็ถ่ายรูปกันได้ตามใจชอบ
หลังจากหมอกเริ่มหาย แดดก็เริ่มมา ถึงเวลาลงแล้ว ทำไมตอนเดินลงมันเร็วจัง ลงมาถึงก่อนเที่ยงนิดๆ และเรามีแพลนจะไปเที่ยวในตัวเมืองเบตงกันต่อไปนอนคืนนึงแล้วค่อยกลับบ้าน โรงแรมเราไม่ได้จองล่วงหน้านะ ไปหาจองในตัวเมืองได้เลย
ไปถ่ายรูปในอุโมงเบตง ออกไปหาอะไรกินร้านอาหารเยอะมาก เรามีแพลนพรุ่งนี้เช้าจะไปสวนดอกไม้และบ่อน้ำพุร้อน
                                                        ไปเจอกัน EP.2 นะคะะะอมยิ้ม13
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่