1. ของที่สูญเสียไปแล้ว มีความจำเป็นต้องไปเอาคืนมาหรือเปล่า?
พระท่านสอนไว้ว่า
ของที่สูญเสียไป แท้จริงก็ไม่เคยเป็นของเราเลย
อย่าเสียดาย ไม่จำเป็นต้องไปเอาคืน
2. ทำไมชีวิตนี้เหนื่อยเหลือเกิน ?
พระท่านสอนไว้ว่า
ชีวิตเหนื่อย ส่วนหนึ่งต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตัวเราเอง
อีกส่วนหนึ่งนั้น จำต้องเหนื่อยเพื่อสนองตัณหาความอยากของตน
และยังชอบไปเปรียบเปรยกับคนอื่น
3. เมื่อวานกับวันนี้ จะควบคุมมันได้ไง?
พระท่านสอนไว้ว่า
อย่าให้เรื่องราวของเมื่อวาน
มายึดครองพื้นที่ของชีวิตในวันนี้มากเกินไป
4. จะปฏิบัติกับตัวเราเองและกับคนอื่นอย่างไรให้เหมาะสม?
พระท่านสอนไว้ว่า
จงดีกับตัวเองหน่อย เพราะชีวิตหนึ่งไม่ยาวนัก
และก็จงดีกับคนรอบข้างด้วย เพราะชาติหน้าอาจไม่ได้เจอกันอีก
5. มารยาทคืออะไร?
พระท่านสอนไว้ว่า
“ขอโทษ” คือความจริงใจ
“ไม่เป็นไร” คือความสง่างาม
หากคุณได้แสดงออกด้วยความจริงใจไปแล้ว
แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่สง่างาม
นั่นเพราะอีกฝ่ายอาจโง่เขลาหรือหยาบคาย
6. จะหาความสมดุลย์ระหว่างความสุขกับความทุกข์ได้ไง?
พระท่านสอนไว้ว่า
คนเรามีใจแค่หนึ่งดวงแต่มีอยู่สองห้อง
-ความสุขอยู่ห้องหนึ่ง
-ส่วนความทุกข์ก็อยู่อีกห้องหนึ่ง
อย่าหัวเราะดังเกินไป
ไม่งั้นจะไปปลุกให้ความทุกข์ตื่นขึ้นมาวุ่นวาย
7. ลักษณะไหนจึงจะเรียกว่าเป็นคนติดดิน?
พระท่านสอนไว้ว่า
ตราบใดที่เราทุกคนยังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกัน
จงให้น้ำหนักตัวเราเองที่เหมาะสม
อย่าดูหมิ่นดูแคลนตนเองแบบไร้น้ำหนักจนจมมิดดิน
และก็อย่าผยองหลงตัวเองจนใหญ่โตเกินจริงแบบคับฟ้าคับแผ่นดิน
8. ว่ากันว่า ความรักจะค่อยๆ เจือจางไปเพราะกาลเวลา
พระท่านสอนไว้ว่า
ความรักทำให้คนลืมกาลเวลา
และกาลเวลาก็จะทำให้คนลืมความรัก
9. คนที่รักกัน แต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกัน ทำไงดี?
พระท่านสอนไว้ว่า
อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่
ชั่วชีวิตหนึ่งก็ไม่ได้ยาวนานอะไรมากมาย
แค่รู้จักหวงแหนความรู้สึกดีๆทุกครั้งที่ได้พบเจอกันก็พอแล้ว
CREDIT : www.คิดเป็น.com
สละเวลาเพียง 1 นาที เพื่อชีวิตที่ดีและมีความสุข
พระท่านสอนไว้ว่า
ของที่สูญเสียไป แท้จริงก็ไม่เคยเป็นของเราเลย
อย่าเสียดาย ไม่จำเป็นต้องไปเอาคืน
2. ทำไมชีวิตนี้เหนื่อยเหลือเกิน ?
พระท่านสอนไว้ว่า
ชีวิตเหนื่อย ส่วนหนึ่งต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตัวเราเอง
อีกส่วนหนึ่งนั้น จำต้องเหนื่อยเพื่อสนองตัณหาความอยากของตน
และยังชอบไปเปรียบเปรยกับคนอื่น
3. เมื่อวานกับวันนี้ จะควบคุมมันได้ไง?
พระท่านสอนไว้ว่า
อย่าให้เรื่องราวของเมื่อวาน
มายึดครองพื้นที่ของชีวิตในวันนี้มากเกินไป
4. จะปฏิบัติกับตัวเราเองและกับคนอื่นอย่างไรให้เหมาะสม?
พระท่านสอนไว้ว่า
จงดีกับตัวเองหน่อย เพราะชีวิตหนึ่งไม่ยาวนัก
และก็จงดีกับคนรอบข้างด้วย เพราะชาติหน้าอาจไม่ได้เจอกันอีก
5. มารยาทคืออะไร?
พระท่านสอนไว้ว่า
“ขอโทษ” คือความจริงใจ
“ไม่เป็นไร” คือความสง่างาม
หากคุณได้แสดงออกด้วยความจริงใจไปแล้ว
แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่สง่างาม
นั่นเพราะอีกฝ่ายอาจโง่เขลาหรือหยาบคาย
6. จะหาความสมดุลย์ระหว่างความสุขกับความทุกข์ได้ไง?
พระท่านสอนไว้ว่า
คนเรามีใจแค่หนึ่งดวงแต่มีอยู่สองห้อง
-ความสุขอยู่ห้องหนึ่ง
-ส่วนความทุกข์ก็อยู่อีกห้องหนึ่ง
อย่าหัวเราะดังเกินไป
ไม่งั้นจะไปปลุกให้ความทุกข์ตื่นขึ้นมาวุ่นวาย
7. ลักษณะไหนจึงจะเรียกว่าเป็นคนติดดิน?
พระท่านสอนไว้ว่า
ตราบใดที่เราทุกคนยังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกัน
จงให้น้ำหนักตัวเราเองที่เหมาะสม
อย่าดูหมิ่นดูแคลนตนเองแบบไร้น้ำหนักจนจมมิดดิน
และก็อย่าผยองหลงตัวเองจนใหญ่โตเกินจริงแบบคับฟ้าคับแผ่นดิน
8. ว่ากันว่า ความรักจะค่อยๆ เจือจางไปเพราะกาลเวลา
พระท่านสอนไว้ว่า
ความรักทำให้คนลืมกาลเวลา
และกาลเวลาก็จะทำให้คนลืมความรัก
9. คนที่รักกัน แต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกัน ทำไงดี?
พระท่านสอนไว้ว่า
อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่
ชั่วชีวิตหนึ่งก็ไม่ได้ยาวนานอะไรมากมาย
แค่รู้จักหวงแหนความรู้สึกดีๆทุกครั้งที่ได้พบเจอกันก็พอแล้ว
CREDIT : www.คิดเป็น.com