สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผิดกฎหมายหรือไม่ไม่แน่ใจ
แต่ผิดมารยาทวิชาชีพมากเลย
เคสสอนนักศึกษาแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตก่อนจะเข้าห้องตรวจด้วยซ้ำ
ทุกการตรวจรักษา ไม่ใช่เฉพาะการตรวจภายในเท่านั้น
สมัยโบราณ ไม่ขอเลย ถือวิสาสะให้นักศึกษามุงดูและตรวจเลย
ปัจจุบัน ไม่ทำเช่นนั้น ต้องให้ผู้รับการตรวจอนุญาตก่อน จึงให้นักศึกษาเข้ามาดูมาเรียนได้
เพราะต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้ป่วย
ทราบด้วยนะคะ
ถ้าที่ไหนลุแก่อำนาจ ไม่ขออนุญาตก่อน ลุกจากเตียงตรวจเลยค่ะ
ถือว่าเชยมาก เป็นสถานที่สั่งสอนคนให้เป็นหมอ ยังไม่รู้จักว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ
ควรรายงานมาที่แพทยสภาเลยค่ะ
แต่ผิดมารยาทวิชาชีพมากเลย
เคสสอนนักศึกษาแพทย์ ต้องได้รับอนุญาตก่อนจะเข้าห้องตรวจด้วยซ้ำ
ทุกการตรวจรักษา ไม่ใช่เฉพาะการตรวจภายในเท่านั้น
สมัยโบราณ ไม่ขอเลย ถือวิสาสะให้นักศึกษามุงดูและตรวจเลย
ปัจจุบัน ไม่ทำเช่นนั้น ต้องให้ผู้รับการตรวจอนุญาตก่อน จึงให้นักศึกษาเข้ามาดูมาเรียนได้
เพราะต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้ป่วย
ทราบด้วยนะคะ
ถ้าที่ไหนลุแก่อำนาจ ไม่ขออนุญาตก่อน ลุกจากเตียงตรวจเลยค่ะ
ถือว่าเชยมาก เป็นสถานที่สั่งสอนคนให้เป็นหมอ ยังไม่รู้จักว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ
ควรรายงานมาที่แพทยสภาเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 15
ไม่รู้ผิดหรือเปล่า
ถ้าผิดอยากให้ฟ้อง
ทำแบบนี้คือไร้มารยาท และไม่คิดถึงใจคนอื่น
ของแบบนี้ ไม่ใช่ คิดจะดูโดยคนอื่นไม่ยินยอมได้
ยิ่งวัยคะนอง ห้ามตัวเองไม่ได้ สำรวมไม่ได้ ยิ่งสร้างบาดแผลในใจคนไข้
คนที่บอกว่าทำไมไม่พูด ต้องเข้าใจว่า เวลาอายจนแทบชำแรกแผ่นดินหนี แต่หนีไม่ได้นั้น มันสตันท์ มันอึ้งแค่ไหน
อยากรู้ว่าแพทย์ตรวจกันเองมั๊ย ถ้าไม่ ก็ควรทำบ้าง จะได้รู้หัวอกคนอื่น
ตัวอย่างเช่น วันนี้ขอเชิญ นางสาวพนมสร พรกนกวิเศษสุด นักศึกษาแพทย์เลขที่ 6089007 กรุณาออกมาหน้าห้อง แล้วมานอนถ่างให้เพื่อนทั้งห้องดูหน่อยครับ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
วันนี้ อาจารย์ชไมพร สุขวีระนภัสกุล จะมาเป็นเคสให้นักศึกษาได้มาศึกษา เคสของวัยหมดประจำเดือน
ถ้าผิดอยากให้ฟ้อง
ทำแบบนี้คือไร้มารยาท และไม่คิดถึงใจคนอื่น
ของแบบนี้ ไม่ใช่ คิดจะดูโดยคนอื่นไม่ยินยอมได้
ยิ่งวัยคะนอง ห้ามตัวเองไม่ได้ สำรวมไม่ได้ ยิ่งสร้างบาดแผลในใจคนไข้
คนที่บอกว่าทำไมไม่พูด ต้องเข้าใจว่า เวลาอายจนแทบชำแรกแผ่นดินหนี แต่หนีไม่ได้นั้น มันสตันท์ มันอึ้งแค่ไหน
อยากรู้ว่าแพทย์ตรวจกันเองมั๊ย ถ้าไม่ ก็ควรทำบ้าง จะได้รู้หัวอกคนอื่น
ตัวอย่างเช่น วันนี้ขอเชิญ นางสาวพนมสร พรกนกวิเศษสุด นักศึกษาแพทย์เลขที่ 6089007 กรุณาออกมาหน้าห้อง แล้วมานอนถ่างให้เพื่อนทั้งห้องดูหน่อยครับ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
วันนี้ อาจารย์ชไมพร สุขวีระนภัสกุล จะมาเป็นเคสให้นักศึกษาได้มาศึกษา เคสของวัยหมดประจำเดือน
ความคิดเห็นที่ 50
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจและขออภัยเจ้าของกระทู้...สมาชิกหมายเลข 3968107 เป็นอย่างยิ่ง ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับเจ้าของกระทู้ ในฐานะที่เป็นสูติแพทย์คนหนึ่ง และในฐานะที่ทำหน้าที่ในโรงเรียนแพทย์ด้วย...ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่สมาชิกหมายเลข 3968107 ได้รับการกระทำอันไม่เหมาะสมเช่นนี้หรือไม่
ดังที่หลายๆท่านได้แสดงความเห็นไว้แล้วครับว่า...การตรวจภายใน หรือการตรวจร่างกายอื่นๆก็ตาม จะต้องได้รับการขออนุญาตจากผู้ที่ได้รับการตรวจก่อนเสมอ ยิ่งการตรวจภายใน หรืออวัยวะอื่นใดที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้ เช่น การตรวจเต้านม ยิ่งสมควรจะต้องได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้า และคำนึงถึงจิตใจของผู้ที่ได้รับการตรวจอย่างยิ่ง
และถึงแม้ว่า...การเรียนการสอนเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการศึกษาอบรมการเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคตก็ตาม สิทธิ...ความเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่แพทย์ทุกท่านจักต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ
ส่วนตัวแล้ว...คิดว่า...แนวทางที่เหมาะสมในกรณีการตรวจคนไข้ของนักศึกษาแพทย์ควรมีดังนี้
1. การเรียนการสอนควรทำเป็นขั้นตอน โดยมีการเรียนการสอนภาคทฤษฎีมาก่อน และมีการปฏิบัติในหุ่น หรือสถานการณ์จำลองมาก่อน และหากมีความจำเป็นจริงๆ จึงใช้การเรียนการสอนในคนจริงโดยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและขออนุญาตจากผู้เข้ารับการตรวจด้วย
2. สถานที่ที่จะมีตรวจรักษาผู้ป่วยด้วยนักศึกษาแพทย์ หรือเป็นที่มีการเรียนการสอน ควรจะมีเครื่องหมายแสดงให้ผู้ป่วย หรือญาติทราบอย่างชัดเจนนว่า มีการตรวจ รักษาด้วยบุคลากรที่กำลังอยู่ในการฝึกอบรม อีกทั้งควรจะให้ผู้ป่วยแสดงความจำนงตั้งแต่ต้นเลยว่า จะอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ตรวจรักษาด้วยนิสิตแพทย์ นักศึกษาพยาบาล หรือบุคลากรที่กำลังฝึกอบรม
3. ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องหมายแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วก็ตาม อาจารย์แพทย์ผู้ควบคุมดูแล จะต้องขออนุญาตผู้ป่วย หรือผู้ดูแลคนไข้นั้นอีกครั้งเสมอ
4. นอกจากจะขออนุญาตแล้ว จะต้องบอกกล่าวด้วยว่า การไม่อนุญาตให้ตรวจหรือรักษาด้วยบุคลากรฝึกหัดเหล่านั้น จะไม่เป็นการทำให้มาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยลดลง แต่อย่างใด
5. หากผู้ป่วยปฏิเสธ และไม่สบายใจหากจะต้องตรวจกับอาจารย์แพทย์ท่านนั้นๆ แม้จะไม่มีนิสิตแพทย์ตรวจด้วยก็ตาม ตัวอย่างเช่น ไม่สบายใจที่จะตรวจกับแพทย์ที่เป็นผู้ชาย สามารถขอเปลี่ยนแพทย์ที่ตรวจได้
6. การตรวจร่างกายโดยทั่วไป จะต้องมีผู้ช่วยแพทย์...ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่สาม และควรจะเป็นเพศเดียวกับผู้ป่วย อยู่ด้วยในห้องตรวจเสมอ
ขออภัยสมาชิกหมายเลข 3968107 และท่านผู้ป่วยอื่นๆ ที่อาจถูกล่วงละเมิดโดยไม่เหมาะสม ในกรณีเช่นนี้ด้วยนะครับ
ส่วนตัวแล้วขออนุญาตกับผู้ป่วยทุกครั้งหากมีนิสิตแพทย์ร่วมตรวจด้วย ถามตั้งแต่ตอนซักประวัติแล้ว และถามเน้นย้ำมากกว่าหนึ่งครั้ง อีกทั้ง...บอกเสมอว่า ไม่ต้องเกรงใจ...หากไม่สบายใจ เป็นสิทธิของคนไข้ในการปฏิเสธ ถ้าผู้ป่วยมีท่าทีลังเลใจ ไม่สบายใจก็จะไม่อนุญาตให้นิสิตแพทย์ร่วมตรวจด้วยนะครับ ซึ่งนิสิตแพทย์ก็เข้าใจดีทุกครั้งครับ
สุดท้ายนี้ก็...ขอขอบคุณผู้ป่วยหลายๆท่าน...ที่กรุณาเป็นอาจารย์สอนแพทย์ทั้งหลาย ให้เป็นคุณหมอที่ได้ออกมาทำงานเป็นแพทย์ที่ดีได้ หลังจากตรวจเสร็จ...ผมก็คิดว่า...ผมขอบคุณผู้ป่วยทุกๆท่านเหล่านั้นทุกคนนะครับ ในความเสียสละที่มาเป็นอาจารย์สอนนิสิตแพทย์ให้เรา
ขอคารวะจากใจจริง
ดังที่หลายๆท่านได้แสดงความเห็นไว้แล้วครับว่า...การตรวจภายใน หรือการตรวจร่างกายอื่นๆก็ตาม จะต้องได้รับการขออนุญาตจากผู้ที่ได้รับการตรวจก่อนเสมอ ยิ่งการตรวจภายใน หรืออวัยวะอื่นใดที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้ เช่น การตรวจเต้านม ยิ่งสมควรจะต้องได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้า และคำนึงถึงจิตใจของผู้ที่ได้รับการตรวจอย่างยิ่ง
และถึงแม้ว่า...การเรียนการสอนเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการศึกษาอบรมการเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคตก็ตาม สิทธิ...ความเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่แพทย์ทุกท่านจักต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ
ส่วนตัวแล้ว...คิดว่า...แนวทางที่เหมาะสมในกรณีการตรวจคนไข้ของนักศึกษาแพทย์ควรมีดังนี้
1. การเรียนการสอนควรทำเป็นขั้นตอน โดยมีการเรียนการสอนภาคทฤษฎีมาก่อน และมีการปฏิบัติในหุ่น หรือสถานการณ์จำลองมาก่อน และหากมีความจำเป็นจริงๆ จึงใช้การเรียนการสอนในคนจริงโดยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและขออนุญาตจากผู้เข้ารับการตรวจด้วย
2. สถานที่ที่จะมีตรวจรักษาผู้ป่วยด้วยนักศึกษาแพทย์ หรือเป็นที่มีการเรียนการสอน ควรจะมีเครื่องหมายแสดงให้ผู้ป่วย หรือญาติทราบอย่างชัดเจนนว่า มีการตรวจ รักษาด้วยบุคลากรที่กำลังอยู่ในการฝึกอบรม อีกทั้งควรจะให้ผู้ป่วยแสดงความจำนงตั้งแต่ต้นเลยว่า จะอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ตรวจรักษาด้วยนิสิตแพทย์ นักศึกษาพยาบาล หรือบุคลากรที่กำลังฝึกอบรม
3. ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องหมายแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วก็ตาม อาจารย์แพทย์ผู้ควบคุมดูแล จะต้องขออนุญาตผู้ป่วย หรือผู้ดูแลคนไข้นั้นอีกครั้งเสมอ
4. นอกจากจะขออนุญาตแล้ว จะต้องบอกกล่าวด้วยว่า การไม่อนุญาตให้ตรวจหรือรักษาด้วยบุคลากรฝึกหัดเหล่านั้น จะไม่เป็นการทำให้มาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยลดลง แต่อย่างใด
5. หากผู้ป่วยปฏิเสธ และไม่สบายใจหากจะต้องตรวจกับอาจารย์แพทย์ท่านนั้นๆ แม้จะไม่มีนิสิตแพทย์ตรวจด้วยก็ตาม ตัวอย่างเช่น ไม่สบายใจที่จะตรวจกับแพทย์ที่เป็นผู้ชาย สามารถขอเปลี่ยนแพทย์ที่ตรวจได้
6. การตรวจร่างกายโดยทั่วไป จะต้องมีผู้ช่วยแพทย์...ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่สาม และควรจะเป็นเพศเดียวกับผู้ป่วย อยู่ด้วยในห้องตรวจเสมอ
ขออภัยสมาชิกหมายเลข 3968107 และท่านผู้ป่วยอื่นๆ ที่อาจถูกล่วงละเมิดโดยไม่เหมาะสม ในกรณีเช่นนี้ด้วยนะครับ
ส่วนตัวแล้วขออนุญาตกับผู้ป่วยทุกครั้งหากมีนิสิตแพทย์ร่วมตรวจด้วย ถามตั้งแต่ตอนซักประวัติแล้ว และถามเน้นย้ำมากกว่าหนึ่งครั้ง อีกทั้ง...บอกเสมอว่า ไม่ต้องเกรงใจ...หากไม่สบายใจ เป็นสิทธิของคนไข้ในการปฏิเสธ ถ้าผู้ป่วยมีท่าทีลังเลใจ ไม่สบายใจก็จะไม่อนุญาตให้นิสิตแพทย์ร่วมตรวจด้วยนะครับ ซึ่งนิสิตแพทย์ก็เข้าใจดีทุกครั้งครับ
สุดท้ายนี้ก็...ขอขอบคุณผู้ป่วยหลายๆท่าน...ที่กรุณาเป็นอาจารย์สอนแพทย์ทั้งหลาย ให้เป็นคุณหมอที่ได้ออกมาทำงานเป็นแพทย์ที่ดีได้ หลังจากตรวจเสร็จ...ผมก็คิดว่า...ผมขอบคุณผู้ป่วยทุกๆท่านเหล่านั้นทุกคนนะครับ ในความเสียสละที่มาเป็นอาจารย์สอนนิสิตแพทย์ให้เรา
ขอคารวะจากใจจริง
ความคิดเห็นที่ 59
คแนตั้งครรภ์ที่โรงบาลรัฐ ฝากพิเศษกับอาจารย์หมอเพราะเป็นเคสยาก เขาก็มาถามนะว่าขออนุญาติให้นักศึกษามาเรียนได้ไหม ไม่ได้ให้เข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า ของเรานักศึกษาแพทย์สูตินรีเวช 3คน เป็นผู้ชายหมด เข้ามาเพื่ออัลตร้าซาวด์ หาถุงตั้งครรภ์ ทางช่องคลอด โดยที่เราก็อยู่บนขาหยั่งผ้าปิดหน้าก็ไม่มีนั่นแหละ ถามว่าอายไหม จุดนั้นคิอเกินจะอาย เพราะอยากมีลูกมากกว่า เพราะเป็นคนอยู่ในภาวะมีบุตรยาก ปรากฏว่า หมอนักเรียน3คน 6มือ มะรุมมะตุ้มหมุนหัวอัลต้าซาวน์ ผ่านข้างล่างเรานั่นแหละ ควงซ้ายขวาเปลี่ยนกันไปมา แต่หาถุงตั้งครรภ์เราไม่เจอ เราได้ยินก็ใจเสียเพราะเคยแท้งมา ขาก็เมื่อย จนต้องยกมือบอกหมอว่า พอก่อนได้ไหมพี่เมื่อยขา
หมอนักเรียนเลยหยุดและให้พยาบาลไปตามอาจารย์ที่ตรวจห้องข้างๆมาดู อาจารย์หมุนหัวอัลตร้าซาวน์ผ่านช่องคลอดไปไม่ถึงนาที ก็เจอถุงตั้งครรภ์ในจอ พร้อมกับสวดหมอนักเรียนยับ ที่ปากเปราะรีบบอกว่าไม่เห็นถุงตั้งครรภ์ พร้อมกับสอนไปด้วยนั่นแหละ มันเลยทำให้เราเข้าใจว่ากว่าจะเป็นหมอเฉพาะทางมันต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก เพราะจำที่อาจารย์บอกน้องหมอได้เลยว่า เราเป็นเคสที่มับุตรยาก และแน่นอนคนประเภทเรานั้นต้องคาดหวังสูง ถ้าเจอคนไข้แบบเรา หมอไม่ควรพูดตัดรอนน้ำใจออกมาตรงๆหากยังตรวจไม่แน่ชัด ก็ควรจะตามผู้รู้ หรือปรึกษาหลายๆทางก่อน และควรจะเรียบเรียงคำพูดให้ดีก่อนจะพูด ไม่ใช่พูดออกมาพล่อยๆ เพราะคำพูดของเรา อาจไปทำร้ายจิตใจคนไข้ได้ และแกก็ยังสอนเทคนิคการหมุนกล้องให้นักเรียน ว่ากรณีตรวจครรภ์อ่อนแบบนี้ควรหมุนไปตำแหน่งไหน
ตั้งแต่นั้นมา เราไม่เคยปฏิเสธหากมีการร้องขอที่จะให้นักศึกษาแพทย์เข้ามาเรียนด้วย เพราะวันข้างหน้าเขาก็จะเป็นหมอที่มารักษาเราก็ได้ แต่อย่างว่า หมอนักเรียนเขายังคงมีวุฒิภาวะยังไม่มากเก็บอารมณ์ไม่ได้ตามวัย ดังนั้นการใช้สีหน้าหรือคำพูด ก็ยังคงไม่ได้คิดว่าคนไข้จะอายไหม จะรู้สึกยังไง
จริงๆสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็จะถามกันก่อนแล้วว่าจะให้นักเรียนเข้ามาเรียนได้ไหม
สงสัยโรงบาลที่เจ้าของกระทู้ไปรักษา คงจะมีนโยบายหลังเขาอยู่
คิดเสียว่าทำบุญไปนะคะ เจ้าของกระทู้ ได้เป็นอาจารย์ให้หมอ
แล้วคราวหน้าแนะนำว่าย้ายที่รักษาเถอะค่ะ ดูว่าที่นี่ละเมิดสิทธิส่วนตัวเกินไป ยิ่งตรวจภายในด้วยแล้ว ไม่ควรทำแบบนี้เลย
หมอนักเรียนเลยหยุดและให้พยาบาลไปตามอาจารย์ที่ตรวจห้องข้างๆมาดู อาจารย์หมุนหัวอัลตร้าซาวน์ผ่านช่องคลอดไปไม่ถึงนาที ก็เจอถุงตั้งครรภ์ในจอ พร้อมกับสวดหมอนักเรียนยับ ที่ปากเปราะรีบบอกว่าไม่เห็นถุงตั้งครรภ์ พร้อมกับสอนไปด้วยนั่นแหละ มันเลยทำให้เราเข้าใจว่ากว่าจะเป็นหมอเฉพาะทางมันต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก เพราะจำที่อาจารย์บอกน้องหมอได้เลยว่า เราเป็นเคสที่มับุตรยาก และแน่นอนคนประเภทเรานั้นต้องคาดหวังสูง ถ้าเจอคนไข้แบบเรา หมอไม่ควรพูดตัดรอนน้ำใจออกมาตรงๆหากยังตรวจไม่แน่ชัด ก็ควรจะตามผู้รู้ หรือปรึกษาหลายๆทางก่อน และควรจะเรียบเรียงคำพูดให้ดีก่อนจะพูด ไม่ใช่พูดออกมาพล่อยๆ เพราะคำพูดของเรา อาจไปทำร้ายจิตใจคนไข้ได้ และแกก็ยังสอนเทคนิคการหมุนกล้องให้นักเรียน ว่ากรณีตรวจครรภ์อ่อนแบบนี้ควรหมุนไปตำแหน่งไหน
ตั้งแต่นั้นมา เราไม่เคยปฏิเสธหากมีการร้องขอที่จะให้นักศึกษาแพทย์เข้ามาเรียนด้วย เพราะวันข้างหน้าเขาก็จะเป็นหมอที่มารักษาเราก็ได้ แต่อย่างว่า หมอนักเรียนเขายังคงมีวุฒิภาวะยังไม่มากเก็บอารมณ์ไม่ได้ตามวัย ดังนั้นการใช้สีหน้าหรือคำพูด ก็ยังคงไม่ได้คิดว่าคนไข้จะอายไหม จะรู้สึกยังไง
จริงๆสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็จะถามกันก่อนแล้วว่าจะให้นักเรียนเข้ามาเรียนได้ไหม
สงสัยโรงบาลที่เจ้าของกระทู้ไปรักษา คงจะมีนโยบายหลังเขาอยู่
คิดเสียว่าทำบุญไปนะคะ เจ้าของกระทู้ ได้เป็นอาจารย์ให้หมอ
แล้วคราวหน้าแนะนำว่าย้ายที่รักษาเถอะค่ะ ดูว่าที่นี่ละเมิดสิทธิส่วนตัวเกินไป ยิ่งตรวจภายในด้วยแล้ว ไม่ควรทำแบบนี้เลย
แสดงความคิดเห็น
ไปตรวจภายในแล้วมีนักศึกษาแพทย์มาศึกษากับเราโดยไม่ได้ขอนุญาตถือว่าผิดกฏหมายไหมคะ
พอไปถึงโรงพยาบาลลงทะเบียนคนไข้อะไรเสร็จพยาบาลก็บอกให้ไปรอหมอที่ห้องตรวจภายในค่ะ โดยตอนนั้นก็ไม่ได้มีการถามเรานะคะว่าขอให้นักศึกษาแพทย์มาศึกษาไหม พอหมอเข้ามาก็ตกใจมาค่ะ มากันเป็นขบวนเลย หมอผู้ชายก็มายืนสอนวินิจฉัยใช้อุปกรณ์กับตรงนั้นของเรา นศ.ก็ยืนดูบางคนก็อมยิ้มแบบไม่ให้เกียรติเราซึ่งเราอายมากและเป็นประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับการตรวจภายในไปเลย
สอบถามว่าปกติเขาทำกันแบบนี้ปกติอยู่แล้วไหมคะ ว่าใครจะดูก็เดินมาดูได้มาศึกษาได้เลย บอกตามตรงไม่โอเคค่ะไม่ได้จิตอาสาอะไรขนาดนั้นเลย
ปล.ตอนตรวจก็ช๊อคค่ะ ถามว่าทำไมไม่กล้าพูดว่าปฏิเสธตอนนั้นคือก็ยังช๊อคๆอยู่อ่ะค่ะ อายก็อาย งงก็งง เจ็บน้องก็เจ็บ แบบนี้ถือว่าผิดอะไรตรงไหนไหมคะ