ที่ต้องมาตั้งกระทู้วันนี้ เพราะปรึกษากับทุกคนในครอบครัวแล้ว ไม่ได้คำตอบว่าจะทำอย่างไร
เลยมาปรึกษาวันนี้เผื่อจะได้คำตอบอะไรบ้างค่ะ
เกริ่นเรื่องก่อนนะคะ เรามีพี่แท้ๆคนนึง ห่างกัน 4 ปี
กุมภานี้เขาจะอายุครบ 28 ปีแล้วค่ะ
มีลูกสาวหน้าตาน่ารัก จ้ำม้ำ อายุ 7 ขวบอยู่ 1 คน
แต่เลิกกับสามีและสามีไปมีลูกและเมียใหม่
และไม่เคยส่งเงินค่าใช้จ่ายมาดูแลทางนี้เลยค่ะ
เงินใช้จ่ายหลักๆทุกวันนี้ค่าอาหาร มาจากแม่ทั้งหมด
แม่ทำงานอยู่ต่างประเทศ จะกลับมาหาลูกๆปีละครั้ง
แต่คิดว่าจะกลับมาอยู่บ้านถาวรภายใน 1-2 ปีนี้ค่ะ
ย้อนกลับไปตอนพี่เราจบ ปวช.และเริ่มเรียนมหาลัย
แต่เรียนไม่จบเพราะตั้งท้องซะก่อน
เลยออกมาทำงานอยู่กับบริษัทของพ่อสามี
จากนั้นผ่านประมาน เกือบ 2 ปี ก็เลิกกับสามี
และออกจากบ้านเขามาอยู่บ้านแม่
ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ทำงานแล้วค่ะเพราะต้องอยู่ดูแลลูก
ตัวเราเองออกจากบ้านมาเพราะมีปัญหากับแม่และพี่
เนื่องจากเราเห็นข้อความที่เขาคุยกัน
ด่าว่าเราเรื่องมาก เรื่องอาหารการกิน
แม่พูดว่า”ถ้ามันเรื่องมากนักก็ให้มันไปหา-เอาเอง”
เราจำได้ขึ้นใจว่าวันนั้นอาหารที่เหลือที่พี่จะให้เรากิน
คือปลาทูครึ่งตัว และน้ำซุปต้มยำ
เราคิดว่าปลาทูเขาคงเก็บไว้ให้ลูกเขากิน
เราเลยเลือกกินปลากระป๋องกับผักกาดดองในตู้แทน
แต่พี่เราไปใส่สีตีไข่ ว่าเราเรื่องมาก
วันนั้นเราเลยเก็บผ้าออกจากบ้านเลย
เราออกจากบ้านมาอยู่กับป้า หางานพาร์ทไทม์ทำ
ช่วงนั้นเราปิดเทอมยาว 6 เดือน ก่อนจะเข้ามหาลัยปี 1
แล้วเราก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ก็ติดต่อไปหาแม่ ว่าออกมาหางานทำแล้วนะ
ไม่ต้องห่วง แค่นั้นแหละค่ะ
แม่เราจะมีคติฝังใจคือ ถ้าลูกออกไปทำงาน
ก็คือจะไม่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นอีกแล้ว
เราก็อยู่ได้
จนกระทั่งแม่ติดต่อมาตอนนั้นเราน่าจะขึ้นปี 2 แล้ว
เราทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่หาค่าหอ ค่าใช้จ่ายต่างๆ
แม่ติดต่อมาว่าอยากให้กลับไปอยู่บ้าน
เพราะพี่เรา เขาเอาแต่กินเหล้า ไม่ดูแล ไม่ใยดีลูกเลย
ตัวเขาก็ต้องกลับเมืองนอกแล้ว
กลัวจะไม่มีคนดูแลบ้านกับหลาน เราก็โอเค
กลับไปอยู่บ้าน โดยแม่ออกรถไว้ให้
เพราะบ้านเราค่อนข้างไกลจากมหาลัย
และก็ไม่ค่อยมีรถโดยสารผ่าน
ส่วนหลานก็เข้าเตรียมอนุบาล เราเลิกเรียนก็ไปรับกลับ
ส่วนพี่เราพอเห็นว่าแม่ให้รถเราใช้
ก็อัดคลิปวิดีโอบีบน้ำตาฟูมฟาย และท่าทางมึนเมา
ว่าทำไมให้รถน้องใช้ ที่ทำงานเค้าไกลจากที่บ้าน
ต้องตื่นตี 5 เพื่อออกไปขึ้นรถ (ความจริงแล้วเขาทำ
พวกงานธุรการอยู่ปากซอยบ้าน)
เราก็อยู่กับหลานได้สักระยะนึง
พอปิดเทอม เรากลับไปหาป้าเราที่กทม.
คิดว่าจะไปขายของ เพื่อหารายได้เสริมช่วงปิดเทอม
ทำไปได้ 1 วัน อีกวันมีสายโทรเข้ามา
เป็นเพื่อนเขา บอกว่าพี่เราเกิดอุบัติเหตุ รถล้ม
ตอนนี้กำลังส่งไปรพ. เรารีบโทรไปหาพี่สาวคนโต
(ที่ตอนนั้นเขาก็ทะเลาะกับแม่ไม่ได้คุยกันนานหลายปี)
บอกว่าเกิดเรื่องให้ไปหาพี่ก่อน ตอนนี้เราอยู่กทม.
กำลังรีบไป และแม่ก็รีบหาตั๋วบินกลับมา
ผลคือพี่เรามีเลือดคลั่งในสมอง แต่โชคดีไม่ต้องผ่าตัด
แค่ให้ยาสลายลิ่มเลือดก็เพียงพอ
สมองที่เป็นจะเกี่ยวกับการสื่อสารและการทรงตัว
ช่วงแรกๆคือเขาพูดไม่เป็นคำเลย
และเดินไม่ได้ ต้องทำกายภาพสักพักเลยค่ะ
ช่วงนั้นคือเหนื่อยมาก เราเรียนเสร็จ
ต้องรีบไปหาแม่ไปช่วยแม่ดูพี่ อาบน้ำ เช็ดอึ ฉี่
ทั้งหมดเราทำให้พี่เอง
พอได้กลับมาอยู่บ้านยิ่งเหนื่อย
เพราะตกกลางคืนเขาจะชอบเดินไปหลังครัว
เหมือนไปหาอะไรกิน ครัวเละทุกวัน
เราก็ต้องเก็บ แต่ก็ผ่านมาได้แล้ว
แม่เราบินกลับไปทำงานเหมือนเดิม
ส่วนเราต้องไปเรียน พี่สาวคนโตก็ทำงาน
เลยต้องให้พี่ไปอยู่กับป้าที่กทม.
จนเขาหายดี ดูแลตัวเองกับลูกได้ เลยกลับมาอยู่บ้าน
เวลาผ่านไปสักระยะ ตอนนั้นเราใกล้จบปี 3 แล้วค่ะ
จะขึ้นปี 4 แล้ว ก็เกิดเรื่องอีก
แม่เราไปรู้เรื่องว่าเขาแอบไปกินเหล้าเมาทุกวัน
คือที่อยู่บ้านเนี่ยเขาอยู่กับลูก 2 คน
ส่วนเราอยู่หอ เพราะรถขายทิ้งไปตั้งแต่เขาเกิดอุบัติเหตุ
เขาเลยอิสระทำอะไรก็ได้ พอแม่รู้ก็ตีเขา
ด่าและสาปแช่งอีกสารพัด แต่ก็นั่นแหละค่ะ
เขาก็ทำซ้ำ ทำแล้วทำอีก แม่เราไม่ได้อยู่ไทย
ตัวเราเองก็ต้องเรียน เลยไม่มีใครมาคอยดู
พอแม่กลับไปเมืองนอก เขาก็กินเหล้า
ออกไปหาผู้ชายอีก โดยที่พาลูกเขาไปด้วยนะคะ
สุดยอดคนมั้ย แบบนี้?
แม่เราจับได้เรื่องกินเหล้าประมาน 4-5 ครั้ง
ล่าสุดคือปีใหม่ปีที่แล้วค่ะ
เขากินเหล้า กินยาลดนน.
โดยที่สมองก็ไม่ปกติเหมือนคนอื่นๆ
เพราะเคยรถล้มมา ทุกวันนี้สมองเลยพัฒนาไม่เต็มที่
ยังนึกคำหรือเรียบเรียงคำไม่ค่อยถูก
อย่างลองกองบางครั้งเรียกเป็นมังคุด
จนถึงทุกวันนี้ เรากลับมาอยู่บ้านนานแล้ว
ตั้งแต่เรียนจบค่ะ ประมาน 2 ปีได้
คือคิดว่าเขามีสติปัญญาที่สามารถทำงานใช้แรงได้
เช่น งานเสิร์ฟ พนักงานขายทั่วไป รับจ้างทั่วไป
เขาเคยทำงานเซเว่นอยู่ช่วงนึง
แต่เกิดอาการชัก น่าจะเพราะที่เคยรถล้มมา
และทานยาลดน้ำหนัก และงานเซเว่นทำงานเป็นกะ
พักผ่อนไม่เพียงพอเลยเกิดอาการ
จากนั้นแม่เลยไม่อยากให้เขาทำอะไรด้วยค่ะ
เขาจะพูดอย่างเดียวว่า “ไม่ต้องไปทำอะไร
ถ้าเป็นอะไรไปอีก กูหมดปัญญาจะรักษาแล้ว”
ประมานนี้ คือแม่ก็ไม่เคยสนับสนุนให้เขาทำอะไร
แต่แม่น่าจะคิดบ้างว่า เขาไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้
ตลอดไป คือพี่เราคนนี้แทบไม่เคยลำบากมาเลย
มีข้าวกิน มีที่นอนสบายๆตลอด
ตัวเรายังเคยมีอดมื้อกินมื้อ
เคยนอนในห้องขนาดใหญ่กว่าเตียง 3 ฟุตนิดเดียว
จนมาวันนี้ เราก็เคยนั่งคุยกับเขานะคะ
ว่าจะเอายังไงกับชีวิต
ลูกก็โตขึ้นทุกวันนะ จะให้แม่หาเลี้ยงไปตลอดหรอ
ถ้าวันนึงแม่เป็นไรขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง
เขาก็ทำเหมือนเก็บไปคิด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาค่ะ
อีกอย่างที่คิดว่าเขาทำงานไม่ได้
เพราะสภาพเขาเหมือนคนขี้ยามาก
ผอมมาก น้ำหนักน่าจะไม่เกิน 40 สูง 158
หน้าตอบ ผิวกร้าน เนื้อตัวมีแต่กระดูก
ดูไม่น่ามองอะค่ะ
แม่ก็ว่าเขาหลายครั้ง หลายปีมาแล้วเรื่องความผอม
อยากให้เขาน้ำหนักขึ้น ให้มีน้ำมีนวลหน่อย
นี้ล่าสุด ประมาน 4 เดือนที่ผ่านมา
เขาก็เกิดอาการชักอีกค่ะ ครั้งนี้น่าจะชักไป 3 รอบ
ในวันเดียว
วันที่เกิดเรื่องเราไม่อยู่ ไปธุระต่างจังหวัด
ก็ต้องรีบกลับมาหาพี่ที่เข้ารพ.อยู่
แล้วสรุปเพราะยาลดน้ำหนักแหละค่ะ
เขาซ่อนไว้ในกางเกงแล้วเราค้นเจอ
ถามว่าจะกินทำไม เขาบอกว่ากินเผื่อวันไหนที่กินเยอะ
เรานี้หมดปัญญาจะพูด จะว่าอะไร
เพราะผ่านมาหลายปี เราไม่ค่อยเห็นเขากินข้าว
วันๆจะกินแต่น้ำเป๊ปซี่แม็กซ์และสับปะรด
ข้าวนี้ถ้าแม่ไม่กลับมาไทยคือแทบไม่กินค่ะ
เราหมดปัญญาจะพูด จะบอกให้เขาคิดแล้วค่ะ
เขาโดนมาสารพัด แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม
จะเอาลูกมาอ้างว่าต้องดูแลก็ไม่ได้แล้วอะค่ะ
ลูกก็ไปโรงเรียนแล้ว
เราส่งงานให้เขาไปดูเป็นสิบๆที่
พอถามว่าหางานทำรึยัง สมัครไปรึยัง
เขาบอกว่าทำแล้ว แค่นั้น
เราไม่ได้อยากเซ้าซี้มาก เพราะเราเป็นน้อง
จะไปพูดอะไรได้คะ เพราะคำว่าน้อง
พูดอะไรมากๆ เขาก็หงุดหงิดใส่ พาลจะทะเลาะกันเปล่าๆ
ถามความเห็นคนอื่นๆที่ได้อ่านนะคะ
ถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในครอบครัวจะทำยังไงคะ
ดูแลเขาจนตาย หรือต้องทำยังไงดี
ให้เขาคิดออกไปหางานทำ คิดเพิ่มน้ำหนัก
คิดถึงลูกตัวเอง เพราะเราหมดปัญญาแล้วจริงๆ
ปล.เรื่องพี่เราผอมมากเคยพาไปรักษาแล้วค่ะ
เพราะคิดว่าน่าจะเป็นโรคคลั่งผอม
ก็ไปอยู่ที่สถานพยาบาลประมาน 1 สัปดาห์
ก็ออกมาค่ะ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยค่ะ
T_______T
รบกวนขอ how to ทำอย่างไรให้พี่วัย 28 ปี หางานทำ
เลยมาปรึกษาวันนี้เผื่อจะได้คำตอบอะไรบ้างค่ะ
เกริ่นเรื่องก่อนนะคะ เรามีพี่แท้ๆคนนึง ห่างกัน 4 ปี
กุมภานี้เขาจะอายุครบ 28 ปีแล้วค่ะ
มีลูกสาวหน้าตาน่ารัก จ้ำม้ำ อายุ 7 ขวบอยู่ 1 คน
แต่เลิกกับสามีและสามีไปมีลูกและเมียใหม่
และไม่เคยส่งเงินค่าใช้จ่ายมาดูแลทางนี้เลยค่ะ
เงินใช้จ่ายหลักๆทุกวันนี้ค่าอาหาร มาจากแม่ทั้งหมด
แม่ทำงานอยู่ต่างประเทศ จะกลับมาหาลูกๆปีละครั้ง
แต่คิดว่าจะกลับมาอยู่บ้านถาวรภายใน 1-2 ปีนี้ค่ะ
ย้อนกลับไปตอนพี่เราจบ ปวช.และเริ่มเรียนมหาลัย
แต่เรียนไม่จบเพราะตั้งท้องซะก่อน
เลยออกมาทำงานอยู่กับบริษัทของพ่อสามี
จากนั้นผ่านประมาน เกือบ 2 ปี ก็เลิกกับสามี
และออกจากบ้านเขามาอยู่บ้านแม่
ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ทำงานแล้วค่ะเพราะต้องอยู่ดูแลลูก
ตัวเราเองออกจากบ้านมาเพราะมีปัญหากับแม่และพี่
เนื่องจากเราเห็นข้อความที่เขาคุยกัน
ด่าว่าเราเรื่องมาก เรื่องอาหารการกิน
แม่พูดว่า”ถ้ามันเรื่องมากนักก็ให้มันไปหา-เอาเอง”
เราจำได้ขึ้นใจว่าวันนั้นอาหารที่เหลือที่พี่จะให้เรากิน
คือปลาทูครึ่งตัว และน้ำซุปต้มยำ
เราคิดว่าปลาทูเขาคงเก็บไว้ให้ลูกเขากิน
เราเลยเลือกกินปลากระป๋องกับผักกาดดองในตู้แทน
แต่พี่เราไปใส่สีตีไข่ ว่าเราเรื่องมาก
วันนั้นเราเลยเก็บผ้าออกจากบ้านเลย
เราออกจากบ้านมาอยู่กับป้า หางานพาร์ทไทม์ทำ
ช่วงนั้นเราปิดเทอมยาว 6 เดือน ก่อนจะเข้ามหาลัยปี 1
แล้วเราก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ก็ติดต่อไปหาแม่ ว่าออกมาหางานทำแล้วนะ
ไม่ต้องห่วง แค่นั้นแหละค่ะ
แม่เราจะมีคติฝังใจคือ ถ้าลูกออกไปทำงาน
ก็คือจะไม่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นอีกแล้ว
เราก็อยู่ได้
จนกระทั่งแม่ติดต่อมาตอนนั้นเราน่าจะขึ้นปี 2 แล้ว
เราทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่หาค่าหอ ค่าใช้จ่ายต่างๆ
แม่ติดต่อมาว่าอยากให้กลับไปอยู่บ้าน
เพราะพี่เรา เขาเอาแต่กินเหล้า ไม่ดูแล ไม่ใยดีลูกเลย
ตัวเขาก็ต้องกลับเมืองนอกแล้ว
กลัวจะไม่มีคนดูแลบ้านกับหลาน เราก็โอเค
กลับไปอยู่บ้าน โดยแม่ออกรถไว้ให้
เพราะบ้านเราค่อนข้างไกลจากมหาลัย
และก็ไม่ค่อยมีรถโดยสารผ่าน
ส่วนหลานก็เข้าเตรียมอนุบาล เราเลิกเรียนก็ไปรับกลับ
ส่วนพี่เราพอเห็นว่าแม่ให้รถเราใช้
ก็อัดคลิปวิดีโอบีบน้ำตาฟูมฟาย และท่าทางมึนเมา
ว่าทำไมให้รถน้องใช้ ที่ทำงานเค้าไกลจากที่บ้าน
ต้องตื่นตี 5 เพื่อออกไปขึ้นรถ (ความจริงแล้วเขาทำ
พวกงานธุรการอยู่ปากซอยบ้าน)
เราก็อยู่กับหลานได้สักระยะนึง
พอปิดเทอม เรากลับไปหาป้าเราที่กทม.
คิดว่าจะไปขายของ เพื่อหารายได้เสริมช่วงปิดเทอม
ทำไปได้ 1 วัน อีกวันมีสายโทรเข้ามา
เป็นเพื่อนเขา บอกว่าพี่เราเกิดอุบัติเหตุ รถล้ม
ตอนนี้กำลังส่งไปรพ. เรารีบโทรไปหาพี่สาวคนโต
(ที่ตอนนั้นเขาก็ทะเลาะกับแม่ไม่ได้คุยกันนานหลายปี)
บอกว่าเกิดเรื่องให้ไปหาพี่ก่อน ตอนนี้เราอยู่กทม.
กำลังรีบไป และแม่ก็รีบหาตั๋วบินกลับมา
ผลคือพี่เรามีเลือดคลั่งในสมอง แต่โชคดีไม่ต้องผ่าตัด
แค่ให้ยาสลายลิ่มเลือดก็เพียงพอ
สมองที่เป็นจะเกี่ยวกับการสื่อสารและการทรงตัว
ช่วงแรกๆคือเขาพูดไม่เป็นคำเลย
และเดินไม่ได้ ต้องทำกายภาพสักพักเลยค่ะ
ช่วงนั้นคือเหนื่อยมาก เราเรียนเสร็จ
ต้องรีบไปหาแม่ไปช่วยแม่ดูพี่ อาบน้ำ เช็ดอึ ฉี่
ทั้งหมดเราทำให้พี่เอง
พอได้กลับมาอยู่บ้านยิ่งเหนื่อย
เพราะตกกลางคืนเขาจะชอบเดินไปหลังครัว
เหมือนไปหาอะไรกิน ครัวเละทุกวัน
เราก็ต้องเก็บ แต่ก็ผ่านมาได้แล้ว
แม่เราบินกลับไปทำงานเหมือนเดิม
ส่วนเราต้องไปเรียน พี่สาวคนโตก็ทำงาน
เลยต้องให้พี่ไปอยู่กับป้าที่กทม.
จนเขาหายดี ดูแลตัวเองกับลูกได้ เลยกลับมาอยู่บ้าน
เวลาผ่านไปสักระยะ ตอนนั้นเราใกล้จบปี 3 แล้วค่ะ
จะขึ้นปี 4 แล้ว ก็เกิดเรื่องอีก
แม่เราไปรู้เรื่องว่าเขาแอบไปกินเหล้าเมาทุกวัน
คือที่อยู่บ้านเนี่ยเขาอยู่กับลูก 2 คน
ส่วนเราอยู่หอ เพราะรถขายทิ้งไปตั้งแต่เขาเกิดอุบัติเหตุ
เขาเลยอิสระทำอะไรก็ได้ พอแม่รู้ก็ตีเขา
ด่าและสาปแช่งอีกสารพัด แต่ก็นั่นแหละค่ะ
เขาก็ทำซ้ำ ทำแล้วทำอีก แม่เราไม่ได้อยู่ไทย
ตัวเราเองก็ต้องเรียน เลยไม่มีใครมาคอยดู
พอแม่กลับไปเมืองนอก เขาก็กินเหล้า
ออกไปหาผู้ชายอีก โดยที่พาลูกเขาไปด้วยนะคะ
สุดยอดคนมั้ย แบบนี้?
แม่เราจับได้เรื่องกินเหล้าประมาน 4-5 ครั้ง
ล่าสุดคือปีใหม่ปีที่แล้วค่ะ
เขากินเหล้า กินยาลดนน.
โดยที่สมองก็ไม่ปกติเหมือนคนอื่นๆ
เพราะเคยรถล้มมา ทุกวันนี้สมองเลยพัฒนาไม่เต็มที่
ยังนึกคำหรือเรียบเรียงคำไม่ค่อยถูก
อย่างลองกองบางครั้งเรียกเป็นมังคุด
จนถึงทุกวันนี้ เรากลับมาอยู่บ้านนานแล้ว
ตั้งแต่เรียนจบค่ะ ประมาน 2 ปีได้
คือคิดว่าเขามีสติปัญญาที่สามารถทำงานใช้แรงได้
เช่น งานเสิร์ฟ พนักงานขายทั่วไป รับจ้างทั่วไป
เขาเคยทำงานเซเว่นอยู่ช่วงนึง
แต่เกิดอาการชัก น่าจะเพราะที่เคยรถล้มมา
และทานยาลดน้ำหนัก และงานเซเว่นทำงานเป็นกะ
พักผ่อนไม่เพียงพอเลยเกิดอาการ
จากนั้นแม่เลยไม่อยากให้เขาทำอะไรด้วยค่ะ
เขาจะพูดอย่างเดียวว่า “ไม่ต้องไปทำอะไร
ถ้าเป็นอะไรไปอีก กูหมดปัญญาจะรักษาแล้ว”
ประมานนี้ คือแม่ก็ไม่เคยสนับสนุนให้เขาทำอะไร
แต่แม่น่าจะคิดบ้างว่า เขาไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้
ตลอดไป คือพี่เราคนนี้แทบไม่เคยลำบากมาเลย
มีข้าวกิน มีที่นอนสบายๆตลอด
ตัวเรายังเคยมีอดมื้อกินมื้อ
เคยนอนในห้องขนาดใหญ่กว่าเตียง 3 ฟุตนิดเดียว
จนมาวันนี้ เราก็เคยนั่งคุยกับเขานะคะ
ว่าจะเอายังไงกับชีวิต
ลูกก็โตขึ้นทุกวันนะ จะให้แม่หาเลี้ยงไปตลอดหรอ
ถ้าวันนึงแม่เป็นไรขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง
เขาก็ทำเหมือนเก็บไปคิด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาค่ะ
อีกอย่างที่คิดว่าเขาทำงานไม่ได้
เพราะสภาพเขาเหมือนคนขี้ยามาก
ผอมมาก น้ำหนักน่าจะไม่เกิน 40 สูง 158
หน้าตอบ ผิวกร้าน เนื้อตัวมีแต่กระดูก
ดูไม่น่ามองอะค่ะ
แม่ก็ว่าเขาหลายครั้ง หลายปีมาแล้วเรื่องความผอม
อยากให้เขาน้ำหนักขึ้น ให้มีน้ำมีนวลหน่อย
นี้ล่าสุด ประมาน 4 เดือนที่ผ่านมา
เขาก็เกิดอาการชักอีกค่ะ ครั้งนี้น่าจะชักไป 3 รอบ
ในวันเดียว
วันที่เกิดเรื่องเราไม่อยู่ ไปธุระต่างจังหวัด
ก็ต้องรีบกลับมาหาพี่ที่เข้ารพ.อยู่
แล้วสรุปเพราะยาลดน้ำหนักแหละค่ะ
เขาซ่อนไว้ในกางเกงแล้วเราค้นเจอ
ถามว่าจะกินทำไม เขาบอกว่ากินเผื่อวันไหนที่กินเยอะ
เรานี้หมดปัญญาจะพูด จะว่าอะไร
เพราะผ่านมาหลายปี เราไม่ค่อยเห็นเขากินข้าว
วันๆจะกินแต่น้ำเป๊ปซี่แม็กซ์และสับปะรด
ข้าวนี้ถ้าแม่ไม่กลับมาไทยคือแทบไม่กินค่ะ
เราหมดปัญญาจะพูด จะบอกให้เขาคิดแล้วค่ะ
เขาโดนมาสารพัด แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม
จะเอาลูกมาอ้างว่าต้องดูแลก็ไม่ได้แล้วอะค่ะ
ลูกก็ไปโรงเรียนแล้ว
เราส่งงานให้เขาไปดูเป็นสิบๆที่
พอถามว่าหางานทำรึยัง สมัครไปรึยัง
เขาบอกว่าทำแล้ว แค่นั้น
เราไม่ได้อยากเซ้าซี้มาก เพราะเราเป็นน้อง
จะไปพูดอะไรได้คะ เพราะคำว่าน้อง
พูดอะไรมากๆ เขาก็หงุดหงิดใส่ พาลจะทะเลาะกันเปล่าๆ
ถามความเห็นคนอื่นๆที่ได้อ่านนะคะ
ถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในครอบครัวจะทำยังไงคะ
ดูแลเขาจนตาย หรือต้องทำยังไงดี
ให้เขาคิดออกไปหางานทำ คิดเพิ่มน้ำหนัก
คิดถึงลูกตัวเอง เพราะเราหมดปัญญาแล้วจริงๆ
ปล.เรื่องพี่เราผอมมากเคยพาไปรักษาแล้วค่ะ
เพราะคิดว่าน่าจะเป็นโรคคลั่งผอม
ก็ไปอยู่ที่สถานพยาบาลประมาน 1 สัปดาห์
ก็ออกมาค่ะ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยค่ะ
T_______T