
ในที่สุดก็มาถึงเคปทาวน์ ได้เวลาชุบตัวให้สดใสหลังจากคลุกฝุ่นคลุกทรายในแอฟริกามานานกว่า 3 สัปดาห์
นี่เป็นบทสุดท้ายของการเที่ยวแอฟริกาคนเดียว 1 เดือนกับการคุมเงินให้อยู่ที่ 1 แสนนิดๆ เงินจะไหลก็ตอนเข้าเมืองใหญ่นี่แหละ
ต่อไปนี้ไม่มีนอนเตนท์ อาหารการกินละลานตา ตู้เย็นในโฮสเทลจึงมีอาหารแปะชื่อพริมๆๆๆเต็มไปหมด
0. intro to africa :
https://pantip.com/topic/38139119
1. zimbabwe & zambia :
https://pantip.com/topic/38158156
2. botswana :
https://pantip.com/topic/38183649
3. namibia :
https://pantip.com/topic/38217855
4. south africa : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่เที่ยวทั้งหมดในรีวิวนี้
1. cederberg
2. spice route & orange farm
3. duiker seal island
4. cape of good hope
5. cape point
6. boulders penguin colony
7. muizenberg
8. kirstenbosch botanical garden
9. gansbaai - shark cage diving
10. hermanus - whale watching
11. oranjezicht city farm market
12. v&a waterfront
13. bokaap - colorful village
14. table mountain
15. camps bay


เคปทาวน์เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจพับเคนย่า-แทนซาเนีย ถึงแม้คู่นี้คงจะเติมเต็มความฝันในการซาฟารีได้ดีที่สุด คือนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะนึกถึงเคนย่า-แทนซาเนียเป็นอันดับแรกก็ไม่แปลก เพราะมันน่าจะคล้ายภาพแอฟริกาในจินตนาการของทุกคนที่โตมากับการ์ตูนดิสนีย์ หนัง และสารคดีสัตว์โลก ประเภทฝูงสัตว์นับพันกระจายทั่วทุ่งสีทอง หรือสัตว์ที่เข้ามาใกล้ๆรถ แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าแอฟริกาครั้งแรกต้องมีเคปทาวน์เพราะอยากดูเพนกวินและอยากดำน้ำกับฉลามขาว ประเทศอื่นๆที่จะพ่วงกับทริปนี้จึงเปลี่ยนต้องใหม่ทั้งยวง ซึ่งมาถึงตอนนี้ พริมพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่ผิดหวัง ไม่เคยคิดเสียดายซักวินาที ต้องขอบคุณเคปทาวน์ด้วยซ้ำที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้

เวลาที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มันเจริญๆ มันจะรู้สึกชีวิตดี อิ่มเอม ถึงจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ได้เห็นว่าความเจริญมันไม่ได้วัดกันแค่การมีตึกสูงใหญ่ ผังเมืองดี ถนนสะอาด ขนส่งสาธารณะเยี่ยม แต่มันมาจากความคิดและการกระทำของคนในเมืองนั้นๆด้วย ใครจะไปคิดว่าพวกเค้าจะจริงจังกับการประหยัดน้ำ ในโฮสเทลและห้องน้ำหลายๆแห่งก็มีถังน้ำรองน้ำเหลือใช้เอาไปทำอย่างอื่นต่อ ชาวเมืองชินกับการพกถุงผ้า ร้านค้าพยายามลดถุงพลาสติก คนเคปทาวน์บอกว่าตอนนี้รัฐบาลจริงจังกับเรื่องพลังงานทดแทนมากๆ อีกเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าเมืองนี้เจริญคือผู้คน นอกจากจะพูดภาษาอังกฤษกันเก่งมากแล้ว ความเป็นมิตร ยิ้มแย้มทักทายกันและยังเผื่อแผ่มาถึงนักท่องเที่ยว ทำให้ส่วนตัวคิดว่ามันต้องเป็นสังคมที่ผู้คนมีความสุขประมาณนึงล่ะ ถึงอยากส่งต่อ

ในอดีตมีการเหยียดผิวแบ่งชนชั้นกันสูง พิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานหลายแห่งบอกเล่าความขมขื่นในอดีตก่อนที่แรงงานทาสจะได้รับการปลดปล่อย เนื่องจากเมืองนี้เคยอยู่ใต้อาณานิคมของทั้งดัตช์และอังกฤษ แหลมกู๊ดโฮปที่เคยเรียนมาตั้งแต่เด็กๆจึงไม่ได้มีความหมายแค่แหลมที่ให้เรือล่องผ่าน แต่มันนำมาซึ่งวัฒนธรรมหลายเชื่อชาติจากทั้งทาสและนาย กาลเวลาหลายร้อยปีช่วยหลอมเคปทาวน์ขึ้นเป็นโลกใบใหม่ พัฒนาไปไกลแต่ก็ไม่ทิ้งรากเดิม

ตอนแรกตั้งใจจะเช่ารถขับ แต่ค่าเช่ารถหลายวันค่อนข้างแพง มันควรมีคนหาร ในเมื่อหาเพื่อนไม่ได้ก็เลยลองไปโพสชวนคนแปลกหน้าในเนท ชวนเค้าไปแค่เคปทาวน์ เพราะประเทศอื่นตั้งใจจะไปคนเดียวอยู่แล้ว พอเริ่มคุยก็รู้สึกได้ทันทีว่าการเที่ยวกับคนแปลกหน้าที่ไม่ได้มีความสนใจร่วมกันแต่แรก มันยากกว่าการเที่ยวคนเดียวอีก เพราะอย่างน้อยเราก็รู้จักตัวเองดี ไม่ต้องฝืนไปในที่ที่ไม่อยาก มันไม่เหมือนกับการเจอเพื่อนใหม่ในโฮสเทล เพราะการจะมาเจอกันได้เราก็คงแชร์ความสนใจบางอย่างร่วมกันอยู่

อยู่กันมาเกือบเดือนจนกลายเป็นอวัยวะอีกชิ้นของร่างกายไปแล้ว ขอสรุปความเห็นส่วนตัวไว้สั้นๆไว้ตรงนี้เลยละกัน ย่อหน้านี้จะเป็น SR เพราะพริมขอยืมกล้องตัวนี้มาจาก olympus เลนส์บางตัวก็ยืมมา แต่บางตัวเป็นของพริมเอง
กล้องที่ใช้ : olympus omd em10 mark3 เป็นกล้อง mirrorless รุ่นเล็กสุด พริมว่าเหมาะกับมือใหม่ทุกคนที่อยากมีรูปเที่ยวสวยๆง่ายๆ
- ชอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้+ ชอบที่มันเล็กกะทะรัด ใส่กระเป๋าเสื้อแจ็คเกทได้เลย ยิ่งพกง่ายก็จะยิ่งอยากพกไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ
+ ชอบที่มันสะดวกใช้ง่าย หลายๆฟังชั่นเอื้อให้ทุกคนสนุกกับการถ่ายรูปมากขึ้น
+ ชอบที่มีโหมดที่ช่วยให้ถ่ายดาวเป็นเส้นก็ได้ เป็นจุดก็ง่าย ถ่ายรอบกองไฟก็สวยดี
+ ชอบที่ต่อไวไฟถ่ายรูปผ่านมือถือจากที่ไกลๆได้ ถ่ายตัวเองเมื่อไปคนเดียวก็ได้ ถ่ายกลุ่มก็ครบโดยไม่ต้องมีใครเสียสละเป็นคนถ่าย
+ ชอบที่ปุ่ม digital zoom อยู่ใกล้ชัตเตอร์ เลยกดส่องสัตว์ได้รวดเร็ว ไฟล์ที่ออกมาก็ใช้ได้
+ ชอบที่วัสดุจับถนัดมือและทนทานไม่ค่อยเป็นรอย แม้จะใส่ปนไปกับของในกระเป๋าเป้
- ไม่ชอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ไม่ชอบที่เวลาส่งรูปผ่านไวไฟเข้ามือถือ ถ้าแต่งหนักไปมันจะมีเส้นบางๆเหมือนเป็นเกรน แต่แต่งในคอมไม่มี
- ไม่ชอบที่ไม่มีช่องต่อไมโครโฟน เพราะเป็นกล้องรุ่นเล็ก
เลนส์ที่ใช้ : olympus m.zuiko ไม่จำเป็นว่ากล้องรุ่นเล็กต้องคู่กับเลนส์ธรรมดาเสมอไป
ถ้าได้ลองเอาไปประกบเลนส์โปรรูปจะยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ จะรู้สึกสนุกกับการถ่ายรูปมากขึ้น และมีมุมมองใหม่ๆทีน่าสนใจอีกเพียบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- 14-42mm f3.5-5.6 : เลนส์คิทตัวแบน เวลาเก็บกล้องจะเปลี่ยนเป็นตัวนี้ทุกครั้งเพื่อประหยัดพื้นที่ เป็นเลนส์ที่อยู่บ้านพริมไม่ค่อยใช้ เพราะรู้สึกถ่ายในที่ร่มไม่ค่อยสวย แต่ออกเที่ยวเมื่อไหร่ มันจะยกระดับขึ้นมาทันที
- 40-150mm f2.8 pro : เลนส์เทเลช่วยให้รูปจากกล้องรุ่นเล็กอย่าง em10 สวยเข้าไปอีก f2.8 สามารถละลายทุ่งสะวันนาให้เหลวได้ ถ่ายสัตว์แล้วจะหลง
- 17mm f1.8 : ปกติใช้ชอบเลนส์ฟิกซ์ตัวนี้แทนเลนส์คิท เพราะถ่ายที่ร่มหรือกลางแจ้งก็สวยหมด ระยะกำลังดีใกล้เคียงกับภาพที่ตาเห็น แต่ทริปนี้หยิบขึ้นมาใช้น้อยมาก มีติดไว้เพื่อให้ถ่ายบรรยากาศตอนกลางคืนได้โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งเท่านั้นเอง แอฟริกาแดดดีวิวกว้าง เลนส์คิทตัวจริง 14-42 เลยเอาอยู่มากกว่า
อุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- 1.4x teleconverter : ไว้เพิ่มระยะซูมให้เลนส์เทเล แต่จาก f2.8 จะกลายเป็น f4 เลยไม่ค่อยได้ใช้
- แบตเตอรี่ 3 ก้อน : ใช้แค่วันละก้อน แต่ต้องสำรองเพราะบางคืนไม่มีที่ชาร์จ
- sd card 2 แผ่น : คิดว่าใช้ไปทั้งหมดไม่ถึง 20 gb รวมรูปและวีดีโอ
Cederberg
หลังจากข้ามชายแดนนามิเบียเข้าสู่แอฟริกาใต้ ข้างทางที่เคยเป็นดินแดนแห้งแล้งกึ่งทะเลทรายก็เริ่มมีดอกไม้ขึ้นหลากสี แถบนี้ชื่อว่า namaqualand ช่วงเดือนสิงหาคมจะมีดอกไม้สีชมพู เหลือง ส้ม สลับกันบานไปทั่วเริ่มจากทางตอนเหนือก่อน วันนี้ที่มาถึงเป็นเดือนกันยายนแล้ว ทางตอนใต้เลยพอจะมีดอกไม้ให้เห็นอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่มากมายเท่ารูปที่เคยเห็นมาก็ตาม คือเคยเห็นรูป oryx ยืนกลางทุ่งดอกไม้มาก่อน เลยมีความคิดอยากมาซาฟารีในทุ่งดอกไม้บ้าง เสียดายช้าไปหน่อย
Spice Route
แอฟริกาใต้ปลูกองุ่นและส้มเยอะ ตามทางจึงมีไร่องุ่นให้เห็น
ท้องฟ้าโปร่งที่คุ้นมาเคยตลอดเริ่มมีเมฆลอย วันนี้จะแวะที่ spice route ก่อน เป็นคล้ายๆแหล่งท่องเที่ยวที่รวมของเด็ดแอฟริกา เช่น เพชร เนื้อตากแห้ง ชอคโกแลต ไวน์ โดยผสมเครื่องเทศต่างๆเข้าไปให้สมกับที่เป็นเมืองหนึ่งในเส้นทางสายเครื่องเทศ เส้นทางเดินเรือที่พาคนยุโรปไปถึงตะวันออกไกล

ไร่องุ่นหลายแห่งบ่มไวน์เอง และก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไป wine tasting


ตอนนี้ฝนตกแล้ว หลังปล่อยให้ฟ้าครึ้มมานาน เป็นฝนแรกตั้งแต่มาเที่ยวแอฟริกา ไหนๆก็ต้องเข้าไปนั่งหลบฝนในร่มเลยถือโอกาสนี้ชิมไวน์ด้วย พนักงานพาเราไปนั่งอยู่ข้างเตาผิงที่ไม่ได้จุด เริ่มอธิบายความเป็นมาและกลิ่นรสของไวน์ทีละตัว แล้วจึงเทให้ชิม พริมจิบไปแค่คำเดียวแล้วก็นั่งรอตัวใหม่ แต่พนักงานก็ไม่เดินกลับมาเพราะในแก้วยังไม่เกลี้ยง สุดท้ายเลยรู้ว่าต้องเททิ้งลงเหยือกที่เตรียมไว้ให้ จิบหมดก็พังพอดี พอแก้วว่างเปล่าดีแล้ว พนักงานก็จะเดินเข้ามาพร้อมขวดใหม่


คืนนี้เป็นการนอนเตนท์คืนสุดท้าย นอนในสวนส้มด้วย เลยตั้งกล้องถ่าย timelapse ตอนตัวเองกางเตนท์เก็บเป็นที่ระลึก
ต่อไปจะได้นอนในโฮสเทล เคปทาวน์มีโฮสเทลให้เลือกเยอะ คืนนึงไม่ถึงพัน
ตอนแรกนึกว่าจะแพงเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศของพวกเศรษฐีและนักท่องเที่ยวยุโรป แต่อาจจะเพราะเป็นเมืองใหญ่เลยมีโฮสเทลแข่งขันกันเยอะ ราคาที่พักเลยถูกกว่าเมืองที่สภาพดูกันดารซะอีก เช่น วิคตอเรียฟอลส์ในซิมบับเว ห้องพักพัดลมไม่มีห้องน้ำราคาตั้ง 2000 แต่หน้าตาเหมือนคืนละ 200 ในขณะที่เคปทาวน์นอนคืนละ 900 แต่หน้าตาก็เหมือน 900 จริงๆนั่นแหละ

ดอกไม้สีม่วงๆขึ้นเต็มสวนส้ม
[CR] ☁︎ CAPE TOWN : โลกใบใหม่ไม่ไกลกู๊ดโฮป
นี่เป็นบทสุดท้ายของการเที่ยวแอฟริกาคนเดียว 1 เดือนกับการคุมเงินให้อยู่ที่ 1 แสนนิดๆ เงินจะไหลก็ตอนเข้าเมืองใหญ่นี่แหละ
ต่อไปนี้ไม่มีนอนเตนท์ อาหารการกินละลานตา ตู้เย็นในโฮสเทลจึงมีอาหารแปะชื่อพริมๆๆๆเต็มไปหมด
0. intro to africa : https://pantip.com/topic/38139119
1. zimbabwe & zambia : https://pantip.com/topic/38158156
2. botswana : https://pantip.com/topic/38183649
3. namibia : https://pantip.com/topic/38217855
4. south africa : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กล้องที่ใช้ : olympus omd em10 mark3 เป็นกล้อง mirrorless รุ่นเล็กสุด พริมว่าเหมาะกับมือใหม่ทุกคนที่อยากมีรูปเที่ยวสวยๆง่ายๆ
- ชอบ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ไม่ชอบ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลนส์ที่ใช้ : olympus m.zuiko ไม่จำเป็นว่ากล้องรุ่นเล็กต้องคู่กับเลนส์ธรรมดาเสมอไป
ถ้าได้ลองเอาไปประกบเลนส์โปรรูปจะยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ จะรู้สึกสนุกกับการถ่ายรูปมากขึ้น และมีมุมมองใหม่ๆทีน่าสนใจอีกเพียบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Cederberg
หลังจากข้ามชายแดนนามิเบียเข้าสู่แอฟริกาใต้ ข้างทางที่เคยเป็นดินแดนแห้งแล้งกึ่งทะเลทรายก็เริ่มมีดอกไม้ขึ้นหลากสี แถบนี้ชื่อว่า namaqualand ช่วงเดือนสิงหาคมจะมีดอกไม้สีชมพู เหลือง ส้ม สลับกันบานไปทั่วเริ่มจากทางตอนเหนือก่อน วันนี้ที่มาถึงเป็นเดือนกันยายนแล้ว ทางตอนใต้เลยพอจะมีดอกไม้ให้เห็นอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่มากมายเท่ารูปที่เคยเห็นมาก็ตาม คือเคยเห็นรูป oryx ยืนกลางทุ่งดอกไม้มาก่อน เลยมีความคิดอยากมาซาฟารีในทุ่งดอกไม้บ้าง เสียดายช้าไปหน่อย
Spice Route
แอฟริกาใต้ปลูกองุ่นและส้มเยอะ ตามทางจึงมีไร่องุ่นให้เห็น
ท้องฟ้าโปร่งที่คุ้นมาเคยตลอดเริ่มมีเมฆลอย วันนี้จะแวะที่ spice route ก่อน เป็นคล้ายๆแหล่งท่องเที่ยวที่รวมของเด็ดแอฟริกา เช่น เพชร เนื้อตากแห้ง ชอคโกแลต ไวน์ โดยผสมเครื่องเทศต่างๆเข้าไปให้สมกับที่เป็นเมืองหนึ่งในเส้นทางสายเครื่องเทศ เส้นทางเดินเรือที่พาคนยุโรปไปถึงตะวันออกไกล
ต่อไปจะได้นอนในโฮสเทล เคปทาวน์มีโฮสเทลให้เลือกเยอะ คืนนึงไม่ถึงพัน
ตอนแรกนึกว่าจะแพงเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศของพวกเศรษฐีและนักท่องเที่ยวยุโรป แต่อาจจะเพราะเป็นเมืองใหญ่เลยมีโฮสเทลแข่งขันกันเยอะ ราคาที่พักเลยถูกกว่าเมืองที่สภาพดูกันดารซะอีก เช่น วิคตอเรียฟอลส์ในซิมบับเว ห้องพักพัดลมไม่มีห้องน้ำราคาตั้ง 2000 แต่หน้าตาเหมือนคืนละ 200 ในขณะที่เคปทาวน์นอนคืนละ 900 แต่หน้าตาก็เหมือน 900 จริงๆนั่นแหละ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้