[CR] ☁︎ BOTSWANA : กินอยู่อย่างสัตว์ในแดนซาฟารี

บทที่ 2 บินสำรวจโลกของสัตว์ ตั้งแคมป์ในป่า และซาฟารีที่ดีที่สุดในชีวิต
1 คน 1 เดือน 1 แสนนิดๆ พาเข้าสู่ประเทศที่ 3 แล้ว การมาซาฟารีที่บอตสวานาเพิ่มสีสันให้ชีวิตมาก นอกจากได้กินอยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่า ยังได้เห็นสีสันของภูมิประเทศที่หลากหลาย

0. intro to africa : https://pantip.com/topic/38139119
1. zimbabwe & zambia : https://pantip.com/topic/38158156
2. botswana
3. namibia :https://pantip.com/topic/38217855
4. cape town, south africa : https://pantip.com/topic/38271153

ภาษาหลักบอตสวานาคือภาษาอังกฤษ เลยสบายนักท่องเที่ยวอีกแล้ว เวลาคุยกับคนที่นี่ว่าอยากไปส่องสัตว์ เค้าจะเรียกกันว่าเกมไดรฟ์ แต่คนไทยจะติดเรียกซาฟารีมากกว่า พาหนะที่ใช้จะเป็นอะไรก็ได้ ตอนอยู่ซิมบับเวพริมลองทั้งขี่ม้า นั่งเฮลิคอปเตอร์ และนั่งเรือมาแล้ว แต่สำหรับบอตสวานานี้ พื้นที่อุทยานจะใหญ่ขึ้น สัตว์ก็หลากหลายขึ้น เราจะไปทั้งทางรถ เรือ เครื่องบินเล็ก และเดินเท้าเข้าป่า

การผจญภัยในประเทศนี้ไม่ได้เละเทะมาก เลยใช้กล้องแค่ตัวเดียว คือ olympus omd em10 mark3 แต่เลนส์ยังได้ใช้ครบทุกตัวเหมือนเดิม กล้องตัวเล็ก พอติดเลนส์เทเลเข้าไป ชีวิตเปลี่ยนเลย




chobe national park : overland
        อุทยานโชบี้ น่าจะมีช้างแอฟริกันอยู่รวมกันหนาแน่นที่สุดในโลกแล้ว เรานั่งรถ 4wd จากที่พักในตัวเมืองไปถึงอุทยานในตอนเที่ยง สมาชิกในรถถามคนขับว่าพวกเราจะได้เห็นเสือดาวมั้ย คนขับบอกไม่เห็นหรอก สิงโตล่ะ เค้าก็บอกไม่น่า แรดล่ะ อันนี้ไม่มีแน่นอน กลางวันแบบนี้มันร้อนเกินไป ที่โชบี้มีต้นไม้ให้พวกมันหลบซ่อนเยอะ สมาชิกร่วมรถเริ่มทำหน้าเซ็ง ฟังไม่สนุกเลยอุทยานนี้
เมื่อเข้ามาในอุทยาน สองข้างเต็มไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้ ยากที่จะส่องสัตว์จริงๆ แต่อย่างน้อยยีราฟก็เป็นข้อยกเว้น แต่ถ่ายออกมาก็ติดแค่ท่อนบนเหมือนเป็นภาพพอร์ตเทรตเรื่อยเลย รถแล่นโคลงๆเคลงๆจนมาถึงริมแม่น้ำซึ่งเป็นพื้นที่โล่ง สัตว์มาอยู่ตรงนี้กันนี่เอง ช้างหลายสิบตัวเดินเล่นไปมา ควายน้ำและพวกแอนทีโลปอีกหลายชนิดก็หากินอยู่บริเวณนี้เช่นกัน
มีคนตาดีเห็นฝูงสิงโตนอนหลบแดดใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากแหล่งน้ำ ดูเป็นทำเลที่ดีในการซุ่มดูเหยื่อ สิงโตถ่ายค่อนข้างยาก แค่ซูมผ่านเงาไม้ยังลำบาก นี่ต้องหาช่องว่างระหว่างสมาชิกในรถอีก เลยไม่ค่อยได้รูปสิงโตเท่าไหร่ ทุกคนตื่นเต้นประมาณนี้เวลาเจอสิงโต ขับรถวนไปมาแป๊บเดียวก็ต้องรีบไปนั่งเรือต่อแล้ว ท่าทางจะดีกว่ารถเพราะตอนบ่ายร้อนจนพวกสัตว์พากันไปกองกันในแม่น้ำหมด



chobe national park : river
        มองไปทางไหนก็มีแต่ช้าง ทั้งบนบกและในน้ำ กระจัดกระจายปนไปกับเรือของนักท่องเที่ยวหลายสิบลำ
มีทั้งช้างแม่ที่พ่นโคลนใส่ลูก และลูกที่เดินตามแม่ต้อยๆ
ช้างที่กำลังรบกัน สู้บนบกไม่ถึงใจก็ลงมาฟาดงวงแทงงากันต่อในน้ำ ส่งเสียงดังไปทั่ว เดี๋ยวจะเอาคลิปศึกช้างชนช้างมาให้ดู
บางตัวก็กำลังใช้งวงเกี่ยวพืชน้ำแถวนั้นขึ้นมาสะบัดๆให้โคลนหลุดออกไปมากที่สุด เนื่องจากระบบย่อยอาหารของช้างไม่ค่อยดีมันเลยต้องใส่ใจการกินของตัวเองนิดนึง
        ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าช้างแอฟริกาไม่เหมือนช้างไทย พริมมีโอกาสเห็นช้างป่าที่ไทยอยู่ 2-3 ครั้งตอนไปเขาใหญ่และกุยบุรี จำได้ว่าช้างไทยดูเตี้ยกว่ามาก เห็นชัดเลยว่าช้างแอฟริกันขายาว นั่นเพราะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าสะวันนา ซึ่งเป็นที่ราบ ช้างเดินได้สบายๆ ไม่ต้องออกแรงเดินขึ้นลงเขาแบบบ้านเรา หูช้างแอฟริกันก็ใหญ่กว่า เคยมีคนบอกว่าหูช้างแอฟริกันก็เหมือนแผนที่ทวีปแอฟริกา ส่วนหูช้างเอเชียเหมือนแผนที่ประเทศอินเดีย สาเหตุจริงๆเพราะภูมิประเทศอีกเช่นเคย การมีชีวิตอยู่ในทุ่งสะวันนาต้องเจอแดดร้อนๆทั้งวัน ไม่มีป่าไม้ให้หลบร้อนแบบช้างไทย ช้างแอฟริกันเลยต้องมีหูที่ใหญ่เพื่อช่วยคลายความร้อน

 ช้างที่นี่ดูเหี่ยวกว่าด้วย รอยยับเต็มตัว อันนี้เดาเองว่าอาจเพราะสภาพอากาศที่แห้ง ไม่ชุ่มชื้นเหมือนช้างในป่าฝน
บรรดาช้างมักอยู่กันบนเกาะกลางน้ำ ในขณะที่พวกแอนทีโลปอย่างอิมพาล่าจะอยู่กันริมฝั่ง
ควายน้ำกับนกที่เกาะเหนียวแน่น

มีฮิปโปผลุบๆโผล่ๆอยู่กลางน้ำ จระเข้นอนอ้าปากอยู่ริมตลิ่ง และตัว waterbuck วอเท่อบัค ที่หันก้นตลกๆมาให้พร้อมกันทั้งฝูง
อากาศเย็นลงเรื่อยๆเมื่อท้องฟ้าเริ่มเป็นสีชมพู สัตว์หลายตัวยังก้มกินนู่นนี่แบบไม่สนใจสีสันของท้องฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนไป สวย



truck & tent
        บางวันเดินทางสั้นๆแค่ 3-4 ชั่วโมง แต่บางวันก็ยาวนานเป็น 10 ถนนระหว่างเมืองส่วนใหญ่จะราดยาง วิ่งได้เรียบดี แต่บางช่วงก็เป็นหลุมเป็นบ่อ แขนเรากระแทกหน้าต่างซ้ำๆจนเขียว ฝุ่นก็ฟุ้งจนนอกหน้าต่างขาวโพลน ต้องรีบลุกไปปิดหน้าต่างแทบไม่ทัน
นั่งรถนานๆ บางทีก็มีสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่ออกมาทักทายถึงรถทั้งที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่อุทยาน เจอได้ง่ายเหมือนเป็นสัตว์ข้างถนนธรรมดา แต่บางทีสิ่งที่เจอก็ไม่มีชีวิต
ซากช้าง น่าจะเพิ่งตายได้ไม่นาน ยังดูสมบูรณ์อยู่เลย ส่วนอีกตัวเป็นม้า
รถบรรทุกที่นั่งมานี้ไม่มีห้องน้ำ เลยพยายามกินน้ำให้น้อยที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะได้เข้าห้องน้ำอีกทีเมื่อไหร่ แต่ที่ไหนได้ ห้องน้ำโผล่ขึ้นมาทันใจในทุกๆ 2 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ
วันนี้เป็นครั้งแรกที่คนขับจอดรถกลางทาง ได้ยินเสียงตะโกนมาว่า toilet stop แต่ชะโงกดูก็ไม่เห็นเพิงใดๆ แล้วคนขับก็วิ่งตัวปลิวผ่านหน้าเราเข้าข้างทางไป ภูมิประเทศที่ค่อนข้างแห้งแล้งแบบกึ่งทะเลทรายทำให้ต้นไม้เหล่านี้ไม่มีใบ มีแต่หนามแหลมๆที่ยื่นยาวเท่าไม้จิ้มฟัน คนที่ไม่เคยเข้าห้องน้ำกลางแจ้งนี่มันทำใจลำบาก การแต่งตัวด้วยโทนสีซาฟารี กากี และขี้ม้า มีประโยชน์แบบนี้นี่เอง เวลาหลบไปปล่อยทุกข์จะดูกลมกลืนกับธรรมชาติเป็นพิเศษ แต่เพราะเป็นครั้งแรกจึงอยากหลบไปให้ไกลที่สุด ยิ่งเดินเข้าไปลึก ก็ยิ่งโดนฤทธิ์หนามแหลมๆ กางเกงขาด แขนเลือดซิบ ผมที่มัดไว้โดนเกี่ยวกระจุย เรามองตามพื้นมีขนนกร่วงกระจาย น่าจะโดนเกี่ยวมาเหมือนกัน
คืนนี้เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ต้องนอนเตนท์ เตนท์ที่ใช้มีขนาดใหญ่และหนักมากๆ กว้างยาวสูง 2 เมตรในทุกทาง ปกติเตนท์ที่เคยนอนจะเป็นเฟรมเบาๆ เสาคล้ายพวกพลาสติกมียางยืดเป็นตัวเชื่อมข้างใน แต่เตนท์ที่ต่อไปนี้เราต้องเจอเป็นเตนท์ที่ตัวเฟรมเป็นเหล็กสนิมเกรอะ เวลาต่อเหล็กแต่ละท่อนเข้าด้วยกันแบบรีบๆ โดนหนีบเลือดพุ่งทุกที ขึ้นโครงเสร็จก็ต้องออกแรงเยอะมากในการโน้มโครงลงมาเพื่อแขวนผ้าใบ มันจะไม่ได้สอดโครงเข้าไปในผ้าได้เลยเหมือนเตนท์เบาๆที่สมัยนี้ใช้กัน ตัวเตนท์หนักจนไม่จำเป็นต้องตอกสมอบก กางแล้วกางเลย ยกย้ายไม่ได้ มีอะไรอยู่ข้างล่างตอนนอนจะรู้สึกหมด มีก้อนหินอยู่ด้านล่างก็ย้ายไม่ได้ ต้องนอนเป็นเจ้าหญิงเมล็ดถั่ว
เนื่องจากลานกางเตนท์เป็นทราย ฝุ่นเลยฟุ้งตลอด เราทำความสะอาดทุกวัน ใช้ทั้งทิชชู่เปียกและราดแอลกอฮอล์ ขัดจนขี้เกียจ วันต่อมาเลยรีบไปซื้อผ้าปูโต๊ะพลาสติกมาปูทับความสกปรกแทน แต่พอต้องนอนแบบนี้ทุกคืนก็เริ่มรักการนอนเตนท์ขึ้นมาแล้ว