บีอีซีเวิร์ล หรือ กลุ่มช่อง 3 ได้รายงานผลประกอบการของกลุ่มบริษัทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ว่ามีผลประกอบการกำไร 78.3 ล้านบาท จากรายได้รวม 2672.5 ล้านบาท นับเป็นการฟื้นกลับมาทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ ด้วยการ ลดต้นทุน หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดกัน
กลุ่ม บีอีซเริ่มขาดทุนในไตรมาสที่ 4/2561 จำนวน -333.5 ล้านบาท ต่อเนื่องมาไตรมาสที่ 1/2561 ขาดทุน -125.99 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2/2561 ขาดทุน -22.6 ล้านบาท
กลุ่ม บีอีซี ประกอบการทีวี 4 ช่องคือ ทีวีแอนะล็อค ช่อง 3 , และ 3 ช่องทีวีดิจิตอล ได้แก่ ช่อง 33, ช่อง 3SD และช่อง 3 Family เป็นกลุ่มบริษัทที่ประกอบการช่องทีวีดิจิตอลมากที่สุด จนทำให้เป็นภาระหนักของบริษัททั้งการจ่ายค่าประมูล และการบริหารทั้ง 3 ช่องหลัก ท่ามกลางการแข่งขันสูงของวงการทีวี อีกทั้งเม็ดเงินโฆษณารวมที่ลงในทีวียังลดลงอีกด้วย
จากข้อมูลของนีลเซ็นพบว่า เม็ดเงินโฆษณาในกลุ่ม TV รวมในไตรมาส 3/2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 17,968 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากไตรมาส 2/2561 ที่อยู่ที่ 18,137 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 4.6% จากไตรมาส 3/2560 ที่ 17,180 ล้านบาท
รายได้รวมของกลุ่มช่อง 3 ในไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 2,672.5 ล้านบาท ลดลงจาก 3% จากรายได้รวม 2756.3 ล้านบาท ของไตรมาส 2/2561 และยังลดลง 2.9% จากไตรมาสที่ 3/2560 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2751.8 ล้านบาท
ยอดขายโฆษณาลดลง 11.2% เทียบปีที่แล้ว
ทั้งนี้ รายได้หลักของกลุ่มช่อง 3 จำนวน 84.4% มาจากรายได้ค่าโฆษณา โดยไตรมาสที่ 3/2561 นี้อยู่ที่ 2255.8 ล้านบาท ลดลง 6% จากไตรมาส 2/2561 ที่มีรายได้ส่วนนี้ที่ 2399,3 ล้านบาท อีกทั้งยังลดลง 11.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 ที่มีรายได้ค่าโฆษณาอยู่ที่ 2,540.6 ล้านบาท
รายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นในไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 215.8 ล้านบาท ลดลง 21% จากไตรมาสที่ 2/2561 อยู่ที่ 273.1 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสที่ 3/2560 ที่ 161.1 ล้านบาท โดยกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3/2560 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจออนไลน์ที่ได้ผ่านแพล็ตฟอร์มและเว็บไซต์ของกลุ่ม บีอีซี เช่น CH3Thailand และ Mello รวมถึงแพลตฟอร์มพันธมิตร และเพิ่มขึ้นจากการขายลิขสิทธิ์ละครไปยังต่างประเทศ แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีการออกอากาศคู่ขนานละครไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ รายได้จากการที่กลุ่มบีอีซี ได้มีการจับมือกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอลมีเดีย ในการจัดจำหน่ายละครของกลุ่ม บีอีซี ไปยังประเทศต่างๆ ทั้วโลกนั้น ยังไม่ได้เข้ามาในไตรมาสนี้
ลดต้นทุนจากละครรีรัน ไม่ซื้อลิขสิทธิ์กีฬา และโครงการร่วมใจจาก
ค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม ในไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 2,167.3 ล้านบาท ลดลง 7.8% จากไตรมาสที่ 2/2561 ที่มีค่าใช้จ่าย 2,351.7 ล้านบาท และลดลง 6.8% จากไตรมาสที่ 3/2560 ที่มีค่าใช้จ่าย 2324.4 ล้านบาท ทั้งนี้การลดลงของค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม ในไตรมาสที่ 3/2561 นั้น ส่วนใหญ่มาจากต้นทุนขายแลต้นทุนการให้บริการที่ลดลง 12.9% จากไตรมาสที่ 2/2561 และลดลง 12.7% จากไตรมาสที่ 3/2560
โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดต้นทุน ทั้งจากการทำละครรีรันมาออกอากาศ และไม่มีต้นทุนการถ่ายทอดกีฬา
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและการให้บริการของกลุ่มบีอีซี ได้มีการลดลงอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งมาจาก
โครงการร่วมใจจาก หรือ
Early retired ในไตรมาสแรกของปีนี้
ผลจากการลดค่าใช้จ่ายทำให้หลุ่มช่อง 3 สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาสที่ 3/2561 จำนวน 78.3 ล้านบาท
เครดิต :
https://www.tvdigitalwatch.com/news-profit-ch3-nov-61/
ลดต้นทุน ละครรีรันช่วยได้ กลุ่มช่อง 3 พลิกฟื้นทำกำไร 78.3 ล้านบาทได้สำเร็จในไตรมาสที่ 3/61
บีอีซีเวิร์ล หรือ กลุ่มช่อง 3 ได้รายงานผลประกอบการของกลุ่มบริษัทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ว่ามีผลประกอบการกำไร 78.3 ล้านบาท จากรายได้รวม 2672.5 ล้านบาท นับเป็นการฟื้นกลับมาทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ ด้วยการ ลดต้นทุน หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดกัน
กลุ่ม บีอีซเริ่มขาดทุนในไตรมาสที่ 4/2561 จำนวน -333.5 ล้านบาท ต่อเนื่องมาไตรมาสที่ 1/2561 ขาดทุน -125.99 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2/2561 ขาดทุน -22.6 ล้านบาท
กลุ่ม บีอีซี ประกอบการทีวี 4 ช่องคือ ทีวีแอนะล็อค ช่อง 3 , และ 3 ช่องทีวีดิจิตอล ได้แก่ ช่อง 33, ช่อง 3SD และช่อง 3 Family เป็นกลุ่มบริษัทที่ประกอบการช่องทีวีดิจิตอลมากที่สุด จนทำให้เป็นภาระหนักของบริษัททั้งการจ่ายค่าประมูล และการบริหารทั้ง 3 ช่องหลัก ท่ามกลางการแข่งขันสูงของวงการทีวี อีกทั้งเม็ดเงินโฆษณารวมที่ลงในทีวียังลดลงอีกด้วย
จากข้อมูลของนีลเซ็นพบว่า เม็ดเงินโฆษณาในกลุ่ม TV รวมในไตรมาส 3/2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 17,968 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากไตรมาส 2/2561 ที่อยู่ที่ 18,137 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 4.6% จากไตรมาส 3/2560 ที่ 17,180 ล้านบาท
รายได้รวมของกลุ่มช่อง 3 ในไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 2,672.5 ล้านบาท ลดลงจาก 3% จากรายได้รวม 2756.3 ล้านบาท ของไตรมาส 2/2561 และยังลดลง 2.9% จากไตรมาสที่ 3/2560 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2751.8 ล้านบาท
ยอดขายโฆษณาลดลง 11.2% เทียบปีที่แล้ว
ทั้งนี้ รายได้หลักของกลุ่มช่อง 3 จำนวน 84.4% มาจากรายได้ค่าโฆษณา โดยไตรมาสที่ 3/2561 นี้อยู่ที่ 2255.8 ล้านบาท ลดลง 6% จากไตรมาส 2/2561 ที่มีรายได้ส่วนนี้ที่ 2399,3 ล้านบาท อีกทั้งยังลดลง 11.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 ที่มีรายได้ค่าโฆษณาอยู่ที่ 2,540.6 ล้านบาท
รายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นในไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 215.8 ล้านบาท ลดลง 21% จากไตรมาสที่ 2/2561 อยู่ที่ 273.1 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสที่ 3/2560 ที่ 161.1 ล้านบาท โดยกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3/2560 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจออนไลน์ที่ได้ผ่านแพล็ตฟอร์มและเว็บไซต์ของกลุ่ม บีอีซี เช่น CH3Thailand และ Mello รวมถึงแพลตฟอร์มพันธมิตร และเพิ่มขึ้นจากการขายลิขสิทธิ์ละครไปยังต่างประเทศ แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีการออกอากาศคู่ขนานละครไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ รายได้จากการที่กลุ่มบีอีซี ได้มีการจับมือกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอลมีเดีย ในการจัดจำหน่ายละครของกลุ่ม บีอีซี ไปยังประเทศต่างๆ ทั้วโลกนั้น ยังไม่ได้เข้ามาในไตรมาสนี้
ลดต้นทุนจากละครรีรัน ไม่ซื้อลิขสิทธิ์กีฬา และโครงการร่วมใจจาก
ค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม ในไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 2,167.3 ล้านบาท ลดลง 7.8% จากไตรมาสที่ 2/2561 ที่มีค่าใช้จ่าย 2,351.7 ล้านบาท และลดลง 6.8% จากไตรมาสที่ 3/2560 ที่มีค่าใช้จ่าย 2324.4 ล้านบาท ทั้งนี้การลดลงของค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม ในไตรมาสที่ 3/2561 นั้น ส่วนใหญ่มาจากต้นทุนขายแลต้นทุนการให้บริการที่ลดลง 12.9% จากไตรมาสที่ 2/2561 และลดลง 12.7% จากไตรมาสที่ 3/2560 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดต้นทุน ทั้งจากการทำละครรีรันมาออกอากาศ และไม่มีต้นทุนการถ่ายทอดกีฬา
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและการให้บริการของกลุ่มบีอีซี ได้มีการลดลงอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งมาจากโครงการร่วมใจจาก หรือ Early retired ในไตรมาสแรกของปีนี้
ผลจากการลดค่าใช้จ่ายทำให้หลุ่มช่อง 3 สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาสที่ 3/2561 จำนวน 78.3 ล้านบาท
เครดิต : https://www.tvdigitalwatch.com/news-profit-ch3-nov-61/