สวัสดีครับวันนี้จะขอมาเล่าประสบการณ์การวิ่งเทรลครั้งแรกในชีวิต คือต้องขอเล่าก่อนว่า ปกติเป็นคนที่วิ่ง road หรือวิ่งตามท้องถนนทั่วไปอยู่แล้ว
เพราะเรามีกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันวิ่งเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว เริ่มวิ่งในงานครั้งแรกเริ่มที่ 5 กิโลเมตร (เกิดจากการชักชวนของพี่ที่ทำงาน) หรือ ระยะ micro และก็ระยะสูงสุดอยู่ที่ระยะ 21 กิโลเมตร ระยะ half marathon ที่รู้จักกัน
และตอนซ้อมเราจะซ้อมกันตามสวนสาธารณะทั่วไป แต่ผมเองจะออกแนวสายขี้เกียจซ้อมหน่อย ๆ แฮ่ ๆ

เราเริ่มวิ่งกันตั้งแต่ราคาวิ่งประมาณ สองร้อย ถึง สามร้อยกลาง ๆ ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องวิ่งอะไรมากมายจนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ หมอเลยบังคับให้ออกกำลังกายวันละไม่น้อยกว่า 45 นาที แรก ๆ ก็เริ่มด้วยการเข้า ฟิตเนต เล่น ๆ ไปสักพักก็เริ่มเบื่อ และมีอาการเจ็บ ถ้าใครไม่ค่อยชอบออกกำลังกายจะมีความรู้สึกนี้อันนี้ผมเดานะ ฮ่า ๆ เพราะเรามักเล่นไม่ค่อยถูกท่าสักเท่าไร เลยทำให้เจ็บ เลยลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายกลางแจ้งดู เริ่มแรกของการวิ่งคือเกิดจากการชักชวนของน้องที่เขาชอบในการวิ่งอยู่แล้ว ชักชวนเราในสวนสาธารณะจนได้กลุ่มเยอะประมาณนึง และน้องเขาน่ารักมาก ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ เทรนนิ่งให้เราวิ่งกัน และลงสมัครวิ่งตามงานต่าง ๆ
ผมว่าน่าจะเป็นเหมือนกันเกือบทุก ๆ คนนะครับ งานวิ่งครั้งแรกจะตื่นเต้น นอนไม่ค่อยหลับ หรือพูดง่าย ๆ แทบไม่ได้นอน หรือมีบางงานไม่ได้นอนเลย ผมว่านะคือนักวิ่ง ไม่ใช่แค่บ้า แต่ต้องอึด และ อดทนมาก ฮ่าา แต่ความรู้สึกตื่นเต้นผมก็ยังมีอยู่จนถึงปัจจุบันนะครับ แต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน อาจจะเป็นเพราะงานวิ่งส่วนใหญ่จะปล่อยตัวตั้งแต่เช้ามืด พวกเราจะมีความสุขและสนุกมาก ตอนมานั่งค้นหารูปกันตอนนั้นการหาค่อนข้างลำบากมากไม่เหมือนปัจจุบัน ต้องบอกก่อนว่างานแรก ๆ รูปที่ได้นั้นคล้ายหมาหอบแดด ฮ่าาา ๆ (ก็มันเหนื่อย) หลัง ๆ เริ่มรู้มุมกล้อง เริ่มเป็นงาน รูปถ่ายสวย ๆ มา และเริ่มมีรูปเยอะเพราะอุปกรณ์เราก็เยอะ สีเสื้อ และรองเท้า เราก็เริ่มดึงดูด ตากล้อง แต่มันคือเทคนิคที่ทำให้เราหารูปได้ง่าย ^^
แต่พอเราเริ่มวิ่งกันสักพักผมเองเริ่มเห็นว่าค่าสมัครเริ่มแพงขึ้น จึงเริ่มลงสมัครวิ่งกันน้อยลง และมีข่าวเรื่องของการจัดงานวิ่งบนถนนไม่ค่อยดีเท่าที่ควร จึงทำให้เราเลือกที่จะลงวิ่งบางงานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะวิ่งแค่ตามสวนสาธารณะ เล่ามาตั้งนาน (จริง ๆ เยอะกว่านี้อีกแต่กลัวเบื่อกันก่อน) มาถึงจุดที่ทำให้ผมได้วิ่งเทรลสักที มันเกิดจากน้องในกลุ่มคนหนึ่งเชิญชวน เพราะน้องเขาไปวิ่งมาแล้วประทับใจมาเล่าให้ผมฟัง และก็มีงานวิ่งงานดงมะไฟเทรล ที่จังหวัดนครราชสีมา กำลังจะมาถึง
อันที่ จริง ๆ น้อง ๆ สมัครกันหมดแล้ว ลงวิ่งระยะ 21 กิโลเมตรทั้งหมด ตอนนี้จำนวนคนที่สมัครนั้นก็เต็มแล้วเช่นกัน แต่ผมเองก็อยากลองวิ่งเทรลดูบ้างว่ามันจะเป็นยังไง ภาพจะเหมือนที่เราวาดไว้ในหัวมั๊ย อีกอย่างอยากเดินป่ามานาน และถ้าไม่ลงวิ่งงานนี้คงคุยกับพวกน้อง ๆ ไม่รู้เรื่องแน่ ๆ ฮ่า ๆ ๆ แต่ก็เกิดความกังวลว่าต้องเตรียมตัวยังไง จะฝึก ซ้อม วิ่ง เท ร ล ที่ไหน และวิ่งเทรล อุปกรณ์ อะไรเพราะการวิ่งเทรลเป็นการวิ่งในป่าไม่เหมือนการวิ่งบนถนนทั่วไป จะต้องหาอุปกรณ์ ในการวิ่งใหม่ เกิดคำถามเยอะมาก
แต่ถ้าเรามัวแต่ตั้งคำถามเราเองก็ไม่ไปไหนสักที เลยตั้ดสิ้นใจไม่คิดเรื่องอะไรทั้งนั้น บอกกับตัวเองและน้อง ๆ ในกลุ่มว่าพี่เอาด้วย แต่ของแค่ 12 กิโลเมตร เพราะเวลาซ้อมน้อย และอุปกรณ์ไม่พร้อม แค่อยากไปสัมผัสความรู้สึกของเทรลเฉย ๆ แต่อย่างที่เล่าคือการรับสมัครนั้นปิดแล้วมีความต้องการสมัครมากกว่าจำนวนคนที่กำหนด มีอีกทางที่จะทำให้เราวิ่งได้คือเราต้องซื้อเบอร์วิ่ง หรือ BIB ต่อจากคนอื่น ใช้เวลาในการนั่นรอคนที่ประกาศขาย BIB อยู่สักพักใหญ่ ๆ
และแล้วโอกาสก็เป็นของเรามีคนประกาศขาย แต่ BIB ที่ขายนั้นเป็นระยะ 21 กิโลเมตร ห๊ะ !!!! แม่เจ้า แต่ตั้งใจแล้วว่ายังไงก็จะวิ่ง ๆ เลยตัดสินใจซื้อเบอร์วิ่งนี้ แต่พอถามรายละเอียดเบอร์วิ่งนั้นจริง ๆ มีระยะ แค่ 12 กิโลเมตร ผมนั้นรู้สึกโล่งใจเหมือนวิ่งผ่านเส้นชัยทั้ง ๆ ที่ยังไม่เริ่มวิ่งเลย ฮ่า ๆ ๆ พอได้เบอร์วิ่งและใจก็พร้อมแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือรองเท้าเพราะถ้าใช้รองเท้าวิ่งบนถนนปกตินั้นจะวิ่งในป่าที่ต้องปีนเขาในวันที่ฝนตกไม่ได้ เลยต้องไปถอยรองเท้าสำหรับเทรลใหม่มา 1 คู่ สายอุปกรณ์อย่างเราขาดไม่ได้ แต่ก็เป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่ซื้อก่อนตัดสินใจเข้าป่า (เพราะตั้งใจไปลองความรู้สึกเฉยๆ555) หลังจากนั้นก็ซ้อมวิ่ง ๆ เล็กน้อยรอวันวิ่งจริง
และแล้ววันที่ตั้งหน้าตั้งตารอก็มาถึง ก่อนวันวิ่งนั้นเราเดินทางไปโคราชและพักค้างแรมกันที่บ้านน้องที่ชวนวิ่งงานนี้ เราไปถึงก่อนวันวิ่งจริง 1 วันเพราะเราต้องลงทะเบียน และไปรับ BIB ในวันนั้น ต้องบอกว่าพอเราไปถึงจุดลงทะเบียน ต้องบอกว่าผมชอบมากเพราะอากาศดีมาก อากาศเย็นสบาย มีหมอกเย็น ๆ ลอยผ่านหน้า มีความชื้นของสายฝนเล็กน้อย จุดลงทะเบียนนั้นอยู่กลางป่าสน ที่เป็นสนเมืองหนาว
โดยรอบ ๆ นั้นจะมีหลายบูธเปิดขายของ ขายอุปกรณ์การวิ่งอยู่ประมาณหนึ่ง ด้วยบรรยากาศได้ อารมย์ได้ เลยได้สอยเป้น้ำ ถูก ๆ มา 1 ใบ และ หมวกสำหรับวิ่งมาอีก 1 ใบ ฮ่า ๆ ๆ (ตั้งใจไปลองความรู้สึกเฉยๆ) อย่างเพิ่งด่าผมนะครับ ของมันต้องมี หลักจากนั้นเราก็กลับไปโหลดอาหาร และพักผ่อนก่อนให้เต็มที่ พร้อมมาลุยวันรุ่งขึ้น
เราออกจากที่พักเวลาประมาณตีสาม กว่า ๆ เราถึง จุดรวมพลประมาณตีสี่ มีเวลายืดเตรียมตัวอยู่สักพัก เพราะระยะ 21 กิโลเมตรปล่อยตัวเวลา 05.00 น. ส่วนระยะ ผมนั้นปล่อยตัวเวลา 06.00 น. บรรยากาศรอบ ๆ นั้นหมอกลงหนามาก อากาศเย็นๆ ถึงหนาว ตามภาพ

พอถึงเวลาก็ปล่อยตัวนักวิ่งระยะ 21 กิโลเมตร น้อง ๆ ก็ออกวิ่งกันหมดเหลือผมอยู่คนเดี๋ยวที่รอวิ่ง ระยะ 12 กิโลเมตร ผมก็ยืดรอต่อไป
แล้วก็ถึงเวลาในการปล่อยตัวผมนั้นตื่นเต้นน่าดู หมอกเริ่มจางระยะแรกวิ่งผ่าน ถนน ประมาณ 200 เมตร แล้วเส้นทางวิ่งก็แวะเข้าผ่านป่ามัน เราวิ่งเลาะตีนเขามาเรื่อย ๆ จนถึงจุดนึงเป็นพื้นที่ค้อนข้างชัน และลื่นซึ่งเป็นจุดที่ยากที่สุดของงานนี้ เราติดอยู่ตรงนั้นประมาณ 45 นาที
เราเองก็คุยเล่น และช่วยเหลือกันสนุกสนาน ผมแค่ตะโกนว่าใครอยากถ่ายภาพยกมือขึ้น ภาพก็อย่างที่เห็น
และจุดนี้เองก็ทำให้ผมทึ่ง ผมเจอป้าคนนึงอายุประมาณห้าสิบกว่า ๆ ซึ่งมาบีนเขาข้าง ๆ ผมด้วย นี่และเป็นจุดที่บอกว่าผมจะแพ้ป้าไม่ได้ ฮ่าาา ๆ
เราสนุกกับการปีนและเปื้อนโคลนอยู่พักหนึ่งก็ขึ่นสันเข้าได้
จุดนี้และครับ เป็นจุดพีคสุด เป็นจุดที่ประทับใจสุด เพราะก้าวแรกที่ขึ้นแตะสั้นเขานั้น ลม ๆ เย็นพร้อมหมอกปะทะหน้าที่เปียกเหงือ ทำให้รู้สึกเย็นชื่นใจ และมองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยหมอก และวิ่งผ่านหน้าผาที่มีทะเลหมอกอยู่ด้านข้าง ผมได้ถ่ายคลิปมาฝากก่อนแบทโทรศัพท์จะหมด
จุดนี้ถือเป็นที่ผมชอบมาก ประทับใจ และหลงไหลการวิ่งเทรลเลยที่เดียว มันไม่ใช่แค่การวิ่ง แต่เหมือนการที่เราได้เที่ยว ได้พักผ่อน ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ผมสัมผัสบรรยากาศสักพักผมก็ออกวิ่งต่อโดยวิ่งลงเขามาเรื่อย ๆ จนถึงจุดพักเติมน้ำเติมอาหารก็ได้พักกินซาลาเปาไป 2 ลูก และกาแฟ 1 ถุง และแตงโม โอ๊ยๆๆๆ บอกเลยฟินมาก ๆ แต่นะจุดนี้ไม่ภาพแล้วเพราะแบทโทรศัพท์หมด
และหลังจากนี้บอกเลยเพลินกับการถ่ายภาพมาก ตากล้องเยอะมาก แต่ทักษะนี้เราฝึกกันมาเยอะตอนวิ่งบน Road ฮ่า ๆ ได้ภาพมา ร้อยกว่า ๆ เยอะมาก

และแล้วผมก็วิ่งเข้าเส้นชัย จบแบบไม่เจ็บ รู้สึกประทับใจกับงานวิ่งเทรลงานแรก แต่งานนี้ก็ได้ยินเสียงบ่น ดราม่า เยอะเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าต่างคนก็ต่างความคิด แต่สำหรับผมสำหรับงานแรก ผมชอบ ^^
และจริง ๆ แล้วคนวิ่งหลายคนก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าสักวันจะวิ่งจบ 42.195 กิโลเมตร หรือ Full marathon นั้นและครับ ผมเองก็เช่นกัน หลังจากงานนี้ผมเลยต้องเป้าหมายไว้ ว่าจะวิ่ง Full marathon แต่ full ผมนั้นจะต้องพิเศษและประทับใจ ผมเลยตัดสินใจลง trial marathon 42 กิโลเมตร ในงาน tiger balm ที่เขาใหญ่ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน นี้ และก็หวังว่าจะจบแบบไม่เจ็บ อันนี้ที่ก็ซ้อมไม่ถึง แต่ตอนนี้ใจเกินร้อย ทำได้ไม่ได้ช่างมันขอให้ได้ทำ
ถ้าถามว่าได้อะไรจากเทรลแรกผมบอกเลยส่วนตัว ผมชอบและประทับใจ ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับวิ่งบน road แล้วถ้าเลือกได้ผมขอวิ่งเทรล เพราะความรู้สึกมันต่างกัน แต่จริง ๆ แล้วการวิ่งบนถนน หรือวิ่งในป่า เสนห์มันก็มีต่างกันอยู่ที่ความชอบของแต่ละคน ข้อเสียมันก็มี วิ่งบนถนนอาจรบกวนคน รบกวนรถบนถนน วิ่งในป่าอาจรบกวนสัตว์ รบกวนต้นไม้ แต่วิ่งในป่าก็หวังว่าเขาไม่เลือกที่ ที่สัตว์อยู่ เราจะได้วิ่งสบายใจไม่ต้องวิ่งหนีเสือ 5555
สำหรับคนที่วิ่งเทรลครั้งแรกไม่ต้องกังวลเลยว่า ต้องเตรียมตัวยังไง สถานที่ซ้อมวิ่งเทรล , จะ ฝึก ซ้อม วิ่ง เท ร ล ที่ไหน , ซ้อมวิ่งเทรลที่ไหนดี วิ่งเทรล อุปกรณ์ ต้องมีอะไรบ้าง รองเท้าวิ่งเทรล แบบไหน , เป้น้ำ ต้องมีมั๊ย , วิ่ง กับใคร มีอายุวิ่งได้มั๊ย เพราะเหตุผลในการวิ่งของแต่ละคนมันต่างกัน
ไว้วิ่งงาน tiger balm ที่เขาใหญ่ เสร็จผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งว่าเป็นยังไงนะครับแล้วพบกัน ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอให้มีสุภาพที่แข็งแรงด้วยการวิ่งออกกำลังกายกันทุกคน
วิ่งเทรล trail running ครั้งแรก มีคำถามมากมายว่าต้องเตรียมตัวยังไง จะ ฝึก ซ้อม วิ่ง เท ร ล ที่ไหน วิ่งเทรล อุปกรณ์
เพราะเรามีกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันวิ่งเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว เริ่มวิ่งในงานครั้งแรกเริ่มที่ 5 กิโลเมตร (เกิดจากการชักชวนของพี่ที่ทำงาน) หรือ ระยะ micro และก็ระยะสูงสุดอยู่ที่ระยะ 21 กิโลเมตร ระยะ half marathon ที่รู้จักกัน
และตอนซ้อมเราจะซ้อมกันตามสวนสาธารณะทั่วไป แต่ผมเองจะออกแนวสายขี้เกียจซ้อมหน่อย ๆ แฮ่ ๆ
แต่ถ้าเรามัวแต่ตั้งคำถามเราเองก็ไม่ไปไหนสักที เลยตั้ดสิ้นใจไม่คิดเรื่องอะไรทั้งนั้น บอกกับตัวเองและน้อง ๆ ในกลุ่มว่าพี่เอาด้วย แต่ของแค่ 12 กิโลเมตร เพราะเวลาซ้อมน้อย และอุปกรณ์ไม่พร้อม แค่อยากไปสัมผัสความรู้สึกของเทรลเฉย ๆ แต่อย่างที่เล่าคือการรับสมัครนั้นปิดแล้วมีความต้องการสมัครมากกว่าจำนวนคนที่กำหนด มีอีกทางที่จะทำให้เราวิ่งได้คือเราต้องซื้อเบอร์วิ่ง หรือ BIB ต่อจากคนอื่น ใช้เวลาในการนั่นรอคนที่ประกาศขาย BIB อยู่สักพักใหญ่ ๆ
และแล้วโอกาสก็เป็นของเรามีคนประกาศขาย แต่ BIB ที่ขายนั้นเป็นระยะ 21 กิโลเมตร ห๊ะ !!!! แม่เจ้า แต่ตั้งใจแล้วว่ายังไงก็จะวิ่ง ๆ เลยตัดสินใจซื้อเบอร์วิ่งนี้ แต่พอถามรายละเอียดเบอร์วิ่งนั้นจริง ๆ มีระยะ แค่ 12 กิโลเมตร ผมนั้นรู้สึกโล่งใจเหมือนวิ่งผ่านเส้นชัยทั้ง ๆ ที่ยังไม่เริ่มวิ่งเลย ฮ่า ๆ ๆ พอได้เบอร์วิ่งและใจก็พร้อมแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือรองเท้าเพราะถ้าใช้รองเท้าวิ่งบนถนนปกตินั้นจะวิ่งในป่าที่ต้องปีนเขาในวันที่ฝนตกไม่ได้ เลยต้องไปถอยรองเท้าสำหรับเทรลใหม่มา 1 คู่ สายอุปกรณ์อย่างเราขาดไม่ได้ แต่ก็เป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่ซื้อก่อนตัดสินใจเข้าป่า (เพราะตั้งใจไปลองความรู้สึกเฉยๆ555) หลังจากนั้นก็ซ้อมวิ่ง ๆ เล็กน้อยรอวันวิ่งจริง
และแล้ววันที่ตั้งหน้าตั้งตารอก็มาถึง ก่อนวันวิ่งนั้นเราเดินทางไปโคราชและพักค้างแรมกันที่บ้านน้องที่ชวนวิ่งงานนี้ เราไปถึงก่อนวันวิ่งจริง 1 วันเพราะเราต้องลงทะเบียน และไปรับ BIB ในวันนั้น ต้องบอกว่าพอเราไปถึงจุดลงทะเบียน ต้องบอกว่าผมชอบมากเพราะอากาศดีมาก อากาศเย็นสบาย มีหมอกเย็น ๆ ลอยผ่านหน้า มีความชื้นของสายฝนเล็กน้อย จุดลงทะเบียนนั้นอยู่กลางป่าสน ที่เป็นสนเมืองหนาว
โดยรอบ ๆ นั้นจะมีหลายบูธเปิดขายของ ขายอุปกรณ์การวิ่งอยู่ประมาณหนึ่ง ด้วยบรรยากาศได้ อารมย์ได้ เลยได้สอยเป้น้ำ ถูก ๆ มา 1 ใบ และ หมวกสำหรับวิ่งมาอีก 1 ใบ ฮ่า ๆ ๆ (ตั้งใจไปลองความรู้สึกเฉยๆ) อย่างเพิ่งด่าผมนะครับ ของมันต้องมี หลักจากนั้นเราก็กลับไปโหลดอาหาร และพักผ่อนก่อนให้เต็มที่ พร้อมมาลุยวันรุ่งขึ้น
เราออกจากที่พักเวลาประมาณตีสาม กว่า ๆ เราถึง จุดรวมพลประมาณตีสี่ มีเวลายืดเตรียมตัวอยู่สักพัก เพราะระยะ 21 กิโลเมตรปล่อยตัวเวลา 05.00 น. ส่วนระยะ ผมนั้นปล่อยตัวเวลา 06.00 น. บรรยากาศรอบ ๆ นั้นหมอกลงหนามาก อากาศเย็นๆ ถึงหนาว ตามภาพ
และหลังจากนี้บอกเลยเพลินกับการถ่ายภาพมาก ตากล้องเยอะมาก แต่ทักษะนี้เราฝึกกันมาเยอะตอนวิ่งบน Road ฮ่า ๆ ได้ภาพมา ร้อยกว่า ๆ เยอะมาก
และจริง ๆ แล้วคนวิ่งหลายคนก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าสักวันจะวิ่งจบ 42.195 กิโลเมตร หรือ Full marathon นั้นและครับ ผมเองก็เช่นกัน หลังจากงานนี้ผมเลยต้องเป้าหมายไว้ ว่าจะวิ่ง Full marathon แต่ full ผมนั้นจะต้องพิเศษและประทับใจ ผมเลยตัดสินใจลง trial marathon 42 กิโลเมตร ในงาน tiger balm ที่เขาใหญ่ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน นี้ และก็หวังว่าจะจบแบบไม่เจ็บ อันนี้ที่ก็ซ้อมไม่ถึง แต่ตอนนี้ใจเกินร้อย ทำได้ไม่ได้ช่างมันขอให้ได้ทำ
ไว้วิ่งงาน tiger balm ที่เขาใหญ่ เสร็จผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งว่าเป็นยังไงนะครับแล้วพบกัน ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอให้มีสุภาพที่แข็งแรงด้วยการวิ่งออกกำลังกายกันทุกคน