มะเร็งหลังโพรงจมูก

สวัสดีครับ ผมอยากจะขอแชร์ประสบการณ์ ที่ตัวผมเองได้เป็นโรคมะเร็ง(เนื้อหายาวหน่อยนะครับ) ก่อนอื่นอยากจะบอกกับทุกคนว่าการเป็นมะเร็งไม่ใช่ว่าทุกคนเป็นแล้วจะต้องตายทุกคน แต่การเป็นโรคมะเร็งนั้นหลายคนก็รอดจากโรคร้ายนี้มาหลายรายแล้วครับ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว เราต้องบอกกับตัวเองเสมอว่าเราต้องรอดให้กำลังใจตัวเองและคิดบวกเยอะๆ นะครับ ขอเข้าเรื่องเลยละกันครับ ตัวผมเองก่อนหน้าจะรู้ว่าเป็นมะเร็งนั้น ก็รักษามาหลายโรคครับ เช่นโรคนอนกรน โรคไซนัสอักเสบภูมิแพ้ ในอาการตอนเริ่มแรกที่เป็นนั้น ผมดื่มน้ำจากขวดแล้วรู้สึกเจ็บคอเหมือนเราไม่สบายแล้วเจ็บคออะไรประมาณนั้นครับ ก็เลยลองส่องกระจกดูปรากฏว่ามีก้อนกลมๆอยู่ข้างลิ้นไก่ฝั่งซ้าย แล้วเอามือจับข้างคอก็มีก้อนเหมือนลูกหนูกลิ้งไปมาได้ไม่เจ็บ เลยไปคลีนิค หูคอจมูกให้หมอตรวจดูให้ หมอบอกว่าน่าจะเป็นก้อนเนื้องอกธรรมดา ผมเลยไปตรวจที่ รพ. อีกครั้งอาจารย์หมออีกคนก็บอกว่าไม่น่าจะเป็นเนื้อร้ายน่าจะเป็นเนื้องอกเลยนัดผ่าตัดอีก3-4เดือน หลังจากกลับมาจาก รพ. ได้2สัปดาห์ มีก้อนต้องต่อมน้ำเหลืองขนาด2 ซม. ขึ้นมาตรงฝั่งซ้ายข้างคออีกผมเลยไปหาหมอคนเดิมที่ รพ.ให้ตรวจดูคุณหมอเลยนัดผ่าตัดด่วนให้ในวันรุ่งขึ้นเพื่อเอาก้อนเนื้อไปตรวจ อีก2สัปดาห์ผลออกมาว่าผมเป็นมะเร็งเลยต้องหาสาเหตุต้นตอว่าเป็นมะเร็งชนิดใด ผมต้องนอนให้หมอใช้เข็มที่มีกล้องน่าจะยาวเกือบฟุตนึงแหย่เข้าไปเพื่อตัดชิ้นเนื้อตรงโพรงจมูกไปตรวจแล้วก็เจอต้นตอหลังจากนั้นผมก็ต้องไปต่อคิวในการรักษาโดยวิธีการฉายแสงเพราะมะเร็งชนิดนี้จะเป็นชนิดที่ไวต่อแสงและไม่สามารถตรวจเหลือหาค่ามะเร็งได้เพราะจะไม่เจอ ก่อนอื่นเริ่มทำการสแกนผลสแกนออกมาว่ามีก้อนเล็กขนาด1-2ซม.เต็มทั้งคอและหลังโพรงจมูกขนาด5ซม.และก้อนที่ข้างคออีก4ซม. พอถึงคิวผมก็เริ่มจากการพิมพ์หน้ากากเพื่อใช้ในการฉายแสง อีก2สัปดาห์ก็เริ่มทำการฉายแสง ในระหว่างฉายแสงผมก็ต้องให้ยาเคมีแบบใช้ตอนเช้าตอนบ่ายแก่ๆลงมาฉายแสงต่อ ซึ่งกระบวนการรักษาของผมก็คือ ฉายแสง39ครั้ง(ขนาดของแสงคือ180/ครั้ง)ร่วมกับการให้ยาเคมีอีก7ครั้งไปพร้อมกัน ยาเคมีตอนฉายแสงไม่ค่อยมีผลกระทบอะไรมาก แต่จะมานักหลังจากที่ขั้นตอนนี้จบลงและอีก3สัปดาห์ต้องมานอนให้ยาเคมีอีก คือ3สัปดาห์/ครั้ง รวมอีก3ครั้ง ในระหว่างฉายแสงใน2สัปดาห์แรกผมไม่เป็นไรเริ่มมาเจ็บคอสัปดาห์ที่3 คือเริ่มกลืนยากเพราะเจ็บคอ(บางคนฉายแสงแค่สองสามครั้งก็เจ็บแล้วอันนี้น่าจะอยู่ที่สภาพร่างกายของแต่ละคน)ต้องหาอาหารเสริมมาช่วยคือ นมโปรตีน ต้องฝืนกินเพราะเริ่มเจ็บคอมาก ในสัปดาห์ที่4ปากเริ่มเป็นแผล เริ่มแสบปากอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ผิวหนังคอก็ไหม้ ในคอก็เจ็บ ปากเป็นแผลเต็มปาก(ถ้าคุณเคยเป็นแผลร้อนในแค่แผลเดียวคือจิ๊บๆเลย) มันเจ็บกว่าแผลร้อนในเป็นร้อยเท่าเพราะทั้งปากคุณ ลิ้นทั้งลิ้น กระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง ริมฝีปากบนล่าง ในคอเป็นแผลหมดทุกอย่าง คุณจะทานอะไรไม่ได้เลย ถ้าอาการเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นให้คุณขอยาชากลั้วคอหมอมากลั้วคอแล้วกลืนก่อนทานอะไรเพราะมันจะช่วยบรรเทาอาการได้ในระดับนึงเท่านั้น คุณจะรู้สึกว่าอยากจะตายเลย ตัวผมเองบอกว่ากับตัวเองทุกครั้งว่าต้องสู้เพื่อมีชีวิตอยู่จะไม่ยอมตายในสภาพแบบนี้ น้ำหนักผมลดลง40กิโลภายในเดือนครึ่งเพราะทานอะไรไม่ได้เลย ทานน้ำเปล่ายังแสบมาก ๆๆคุณก็คิดดูละกัน ที่สุดของชีวิตนี้แล้วทรมาณสุด ๆ เทคนิคการรักษาของผมก็คือแผลในปากใช้ยาหลอดสีขาวฟ้าไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร แต่เป็นยาทาปากที่มียาชาอยู่ด้วย เพราะเวลาคุณนอนจะได้ไม่เจ็บมากจนนอนไม่หลับ ทาบ่อยเท่าที่อยากทาได้เลย ผมทาวันละเกือบสิบครั้ง และถ้าหากคอคุณเป็นแผลเนื่องจากแสงที่ฉายจะมีครีมทาคอโดยเฉพาะจะช่วยลดความร้อนของแสงและระบายความร้อนออกจากคอเราและทำให้คอเราไหม้น้อยที่สุด ผมจำชื่อครีมไม่ได้แต่คุณลองติดต่อ พนักงานคนนี้ดูนะครับ 0866400046 คุณโกวิท วิธีการใช้จะมีสองแบบคือ R1ทาหลังฉายไม่เกิน30นาที อาบน้ำเสร็จล้างครีมออกทา R2ต่อได้เลย แต่จะแพงหน่อยถ้าใช้กล่องเล็กได้1สัปดาห์ประมาณ1500บาท ถ้า30วันประมาณ5พันกว่าบาท ในระหว่างรักษาคอคุณจะแห้งไม่มีน้ำลายกลืนลำบากมากเพราะแสงจะไปทำลายต่อมน้ำลายและน้ำเหลืองคุณทั้งหมดที่โดนแสง พอหลังจากที่ครบ39แสงและเคมีอีก7เข็มก็ต่อด้วยสัปดาห์นรก คือต้องนอน รพ.7วันในการเข้ายาเคมี ขั้นตอนคือให้น้ำเกลือให้ยาแก้อวกและยาเคมีวนแบบนี้อยู่ประมาณ6รอบต่อ1ครั้งในการนอน รพ. จนครบกระบานการรักษา(ระหว่างที่ให้ยาต้องอมน้ำแข็งด้วยนะครับเพื่อไม่ให้ยาเคมีทำลายเนื้อเยื่อในปากมากเกินไป) 1เดือนให้หลังปรากฏว่าผมปวดหลังมากร้าวไปทั้งตัวเลยไปหาหมอ หมอเลยให้ไปสแกนกระดูกปรากฏว่าลามมาที่กระดูกสันหลังข้อที่9อีก1ข้อ ตอนนั้นคิดว่าช่างมันรักษาเดี๋ยวก็หายก็ต้องฉายแสงเพิ่มอีก10ครั้ง อ้อครับผมลืมบอกไปว่ามะเร็งหลังโพรงจมูกถ้าเอาไม่อยู่จะลามมาที่ปอดตับ กระดูก หรือขึ้นสมองประมาณนี้ครับ ตอนนี้ผมก็รักษามาครบและสแกนโพรงจมูกและปอดตับล่าสุดก็ไปกติดีแล้วครับ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ปีว่าๆแล้วก็ต้องดูแลตัวเองไปเรื่อย ๆ ครับ ณ ตอนนี้ผมก็ไปเข้าตู้อบเพื่อเติมโอโซนให้กับรางกายครับสำหรับผมแล้วเห็นผลดีมากเพราะก่อนไปอบมือเท้าชามากและข้าไม่ค่อยมีแรงเดินขากระเพกผมไปอบได้3วันมือเท้าขาเริ่มดีขึ้นมากจนตอนนี้ผมอบมาได้2เดือนพอดีรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นประมาณ70%แล้วครับ ซึ่งโอโซนตัวนี้จะเป็นการเติมออกซิเจนให้กับร่างกายของเราซึ่งดีมาก ๆ ครับ คนเป็นมะเร็งไปหาคุณหมอสงคราม (โอโซนบำบัด บ้านทีปโก ขอนแก่น)ซึ่งคุณหมอใจดีมาก ๆ ครับ คุณหมอจะใช้คลื่นเสียงให้เข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งและบำบัดเซลล์ให้เราด้วยครับ ซึ่งเจ้าเครื่องโอโซนนี้ผมว่าน่าจะมีคุณหมอสงครามทำคนเดียวเพราะคุณหมอไปจดสิทธิบัตรด้วยครับ(ผิดพลาดข้อมูลยังไงขอ อภัยด้วยนะครับ) คนที่เป็นมะเร็งไปหาคุณหมอหลายๆคนตอนนี้ไม่มีค่ามะเร็งแล้ว ใช้ชีวิตเป็นปกติ บางคนไม่รับการรักษาจากแพทย์ รพ. ก็มาหาคุณหมอสงครามให้ช่วยบำบัดให้ก็หายปกติดีครับบางคนเป็น ไตวาย เป็นเบาหวาน ความดันฯ ก็ดีขึ้นครับ มีหลายจังหวัดซื้อเครื่องคุณหมอไปทำ แต่ถ้าจะให้ดีอยากให้ลองมาปรึกษาคุณหมอดูก่อนนะครับ https://web.facebook.com/โอโซนบำบัด-บ้านทีปโก-Khon-Kaen-1675468125906127/?ref=br_rs ลิ้งเพจครับ 086 862 6699 เบอร์โทรคุณหมอครับ ที่เขียนมาทั้งหมดคือประสบการณ์จากชีวิตจริงของผมเอง หวังว่าจะเป็นเป็นวิทยาทานช่วยท่านเตรียมรับมือจากการรักษาโดยที่ไม่ต้องไปวิ่งหายาเหมือนผมครับและทำใจให้สบายคิดแต่สิ่งดี ๆ เข้าไว้นะครับ และสิ่งดี ๆ จะกลับมาหาท่านเอง (ทุกคนที่ผมกล่าวอ้างไปหรือให้เบอร์โทรต่าง ๆ ไปมิได้เป็นการโฆษณานะครับผมไม่ได้มีรายได้จากการแนะนำนะครับเพียงแต่ไม่อยากให้ท่านต้องมาทรมาณแบบผม) สุดท้ายแล้วก็ขอให้ท่านมีแต่ความสุข การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐเหนือสิ่งอื่นใดครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่