จับตาช่อง 3 จ่อปรับโครงสร้างอีกรอบ หลังผู้บริหารมืออาชีพทยอยลาออก

กระทู้สนทนา
จับตาช่อง 3 จ่อปรับโครงสร้างอีกรอบ หลังผู้บริหารมืออาชีพทยอยลาออก
อ่านต่อ >> https://positioningmag.com/1195579


ดูท่าว่าความพยายามในการปรับโครงสร้างองค์กรด้วยการนำผู้บริหารภายนอกเข้ามาบริหารช่อง 3 มีแนวโน้มจะไปไม่รอด หลังจากที่ผู้บริหารที่เข้ามาเริ่มหมดสัญญาพ้นจากตำแหน่ง และทยอยลาออก โดยรายล่าสุด คือ ธงชัย ชั้นเสวิกุล ลาออกจากตำแหน่ง Chief Creative Officer

โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน บริษัทบีอีซีเวิลด์ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า นายธงชัย ชั้นเสวิกุล ลาออกจากตำแหน่ง Chief Creative Officer โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป นับเป็นผู้บริหารระดับสูงในกรุ๊ป C ของช่อง 3 คนที่ 3 ที่หลุดจากตำแหน่งในปีนี้

เค้าลางการเปลี่ยนแปลงองค์กรเริ่มมาตั้งแต่อาภัทรา ศฤงคารินกุล เป็นคนแรกที่ลาออกจากตำแหน่ง Chief Technology and new media officer เมื่อ 1 กรกฎาคม ด้วยเหตุผลที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ลาออกเนื่องจากครบสัญญา แต่มีการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาแทน

ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ภัทรศักดิ์ อุตตมโยธิน Chief HR officer ที่ได้รับตำแหน่งพร้อมกับอาภัทรา ลาออก แต่ครั้งนี้เป็นการลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว

ล่าสุดคือ ธงชัย ชั้นเสวิกุล ลาออกเพราะหมดสัญญา  นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีตำแหน่งที่ปรึกษาอีกหลายราย ก็ทยอยหมดสัญญา ลาออกไปเพราะไม่มีการต่อสัญญาตามไปด้วยเช่นกัน

ที่น่าสนใจคือ การลาออกจากตำแหน่งของทั้ง 3 คนในกรุ๊ป C ทั้งหมดนี้ ไม่มีการเสริมทัพหาผู้บริหารเข้ามาทำแทนในตำแหน่งเดิมแล้ว แต่อยู่ในตำแหน่งใหม่ เท่ากับว่าจำนวนผู้บริหารกรุ๊ป C ลดลงเหลือ 10 คน

หรือนี่จะเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจจะมีผู้บริหารที่มาจากภายนอกทยอยหมดสัญญาตามออกมาเป็นระลอก และอาจจะมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่อีกครั้ง หลังจากได้เรียนรู้แล้วว่า ธุรกิจนี้ จำเป็นต้องพึ่งพาคนในวงการเดียวกัน ที่มีความรู้ประสบการณ์มากกว่าบุคคลภายนอกแล้วก็เป็นได้

ที่มาของ ผู้บริหารมืออาชีพเหล่านี้ มาจาก ประชุม มาลีนนท์ “น้องชายคนเล็ก” ของตระกูล “มาลีนนท์” ได้ขึ้นมารับตำแหน่ง CEO เมื่อวันที่  21 มี.ค. 60  ได้มีการปรับโครงสร้างบริหารงาน ด้วยการดึงมืออาชีพจากภายนอกเข้ามาร่วมงาน หรือ เรียกว่า  กรุ๊ป C ซึ่งกลุ่มผู้บริหารระดับสูง พร้อมๆกับแต่งตั้ง อัมพร มาลีนนท์ เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ หรือ  Chief Operating Officer

ต่อมาวันที่ 27 เมษายน 2560 บอร์ดบีอีซีได้แต่งตั้งให้สมประสงค์ บุญยะชัย อดีต CEO บริษัท อินทัช  ที่เข้ามาเป็นบอร์ดบริษัทตั้งแต่ 18 มกราคม 2560 ให้มาเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร  หรือ Chairman of executive committee พร้อมๆกับตั้งบริหารอีก 3 คนที่ล้วนแต่เคยทำงานกับสมประสงค์ที่กลุ่มอินทัชมาก่อน ได้แก่ อาภัทรา, ภัทรศักดิ์ และ นพดล เขมะโยธิน ในตำแหน่ง Chief Investment Officer

หลังจากนั้น โครงสร้างผู้บริหารในกรุ๊ป C ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีอดีตผู้บริหารจากอินทัชและบริษัทในเครืออินทัชอย่าง เอไอเอส เข้ามารับตำแหน่งอีก 2 คน ได้แก่ น้ำทิพย์ พรหมเชื้อ ในตำแหน่ง Chief Strategy Planning  เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560  และ วรุณเทพ วัชราภรณ์ ในตำแหน่ง  Chief Marketing Officer ในวันที่ 24 สิงหาคม 2560

นอกจากผู้บริหารจากเอไอเอส และอินทัชแล้ว ช่อง 3 ยังได้ดึงมืออาชีพ ด้านต่างๆ เข้าร่วมงาน เช่น รณพงษ์ คำนวณทิพย์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค (ประเทศไทย) มารับ ตำแหน่ง Chief Commercial Officer ผู้, ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองประธานกรรมการแผนกสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน เทสโก้ โลตัส. มาตำแหน่ง Chief Coporate Affair Officer , อรนา ตั๋นเจริญ Chief research officer และ Chief Creative officer  ธงชัย ชั้นเสวิกุล ซึ่งผ่านงานในวงการโฆษณาและโทรทัศน์ มารับ Chief Creative Officer  และรายสุดท้ายคือ พิริยดิส ชูพึ่งอาสน์ ในตำแหน่ง CFO

ทั้งหมดนี้เป็นการปรับโครงสร้างองค์กร การทำงานในกลุ่มใหม่ทั้งหมด ภายใต้แนวคิดที่ต้องการฟื้นรายได้ของกลุ่มช่อง 3 ทั้งหมด ที่กำลังเผชิญหน้ากับการแข่งขันอย่างรุนแรงในวงการทีวี จึงจำเป็นต้องดึงผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยฟื้นฟูธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารในกรุ๊ป C มีรวมทั้งหมดถึง 13 คน เป็นโครงสร้างองค์กรที่ใหญ่มาก เหมือนองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้บริหารหลายระดับขั้น และตั้งที่ปรึกษาด้านต่างๆอีกมากมาย แตกต่างจากธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบองคาพยพสั้นๆ แบบขับเคลื่อนเร็ว

เมื่อมีผู้บริหารหลากหลาย ลำดับชั้นมาก การตัดสินใจทำได้ล่าช้า ที่สำคัญรายได้ของกลุ่มก็ยังลดลงเรื่อยๆ  จนกระทั่งต้องขาดทุนมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว แม้ว่าละครบางเรื่อง "บุพเพสันนิวาส” จะสร้างปรากฎการร์ ทำเรตติ้งสูงสุดของปี แต่ยอดขายโฆษณาก็ยังไม่เป็นไปตามเป้า จึงมีการตั้งคณะทำงานหารายได้ และลดค่าใช้จ่ายขององค์กรอย่างจริงจัง เช่น การประกาศนโยบายสมัครใจลาออกในช่วงเมษายน 2561 พร้อมๆ ไปกับ การลาออกของผู้บริหารมืออาชีพเหล่านี้

แผนบริหารศิลปิน เงียบหายไปกับสายลม
ประชุม มาลีนนท์ ในฐานะหัวเรือใหญ่ ประกาศในช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งไว้ว่า จะริเริ่มรูปแบบหารายได้จากการบริหารศิลปิน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับช่อง จากเดิมที่ให้ดาราในสังกัดไปรับงานเอง เช่น พรีเซ็นเตอร์ ออกงานอีเว้นท์ โดยช่องไม่มีรายได้ในส่วนนี้

แต่ทันทีที่ประกาศนโยบาย มีแรงกระเพื่อมในกลุ่มศิลปินดาราในสังกัด ที่ส่วนใหญ่จะมีผู้จัดการดาราใหญ่ๆ ดูแล ในที่สุด ทำให้ไม่มีความคืบหน้า และค่อยๆเงียบหายไปในที่สุด

ส่วนเรื่องขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศนั้น ช่อง 3 ขายเองในกลุ่ม CLMV ย่านอาเซียน และจีน ที่มีรายงานยอดรายได้จากการขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศที่ชัดเจนที่สุดคือในไตรมาส 2 จากละครเรื่อง “ลิขิตรัก The Crown Princess” ให้กับประเทศจีน เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ทำรายได้  50.2 ล้านบาท ส่วนในประเทศอื่นๆทั่วโลกนั้น ช่อง 3 ตกลงให้กลุ่ม เจเคเอ็น โกล บอล มีเดีย ของ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

นับเป็นการส่งสัญญาณแล้วว่า ช่อง 3 อาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่