31 ต.ค. 2561 ผศ.สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวในงานเสวนา “ศิลปะ อำนาจ และการขัดขืน / ยิ่งปิดตา + ยิ่งปิดปาก = ยิ่งอยากรู้” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ท่าพระจันทร์) เกี่ยวกับเพลงแร็ป “ประเทศกูมี” ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในสังคมไทยขณะนี้ ถึงการที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกมาบอกว่าเพลงดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ออกมาเตือนว่าหมิ่นเหม่ไม่แนะนำให้แชร์ต่อ
ผศ.สาวตรี ระบุว่า ท่าทีดังกล่าวของรอง ผบ.ตร. นั้น ไม่ใช่เพราะผู้มีอำนาจสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน แต่เพราะปรากฏการณ์ “ยิ่งปิดปากยิ่งอยากพูด ยิ่งปิดหูยิ่งอยากฟัง” สะท้อนผ่านยอดผู้เข้าชมที่ทะยานสู่หลักสิบล้านในเวลาเพียงไม่กี่วันนับจากที่ภาครัฐออกมาแสดงท่าทีข่มขู่ แต่สุดท้ายเมื่อไม่สามารถหาหลักฐานเพียงพอให้เชื่อมโยงครบองค์ประกอบของกฎหมายได้จึงต้องยอมถอยตามที่เป็นข่าว
ผศ.สาวตรี อธิบายว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (2) ระบุว่า “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” เรื่องนี้หากตามตัวบทกันจริงๆ แล้วเพลงประเทศกูมีก็ยังไม่เข้าข่ายความผิด เพราะการจะครบองค์ประกอบความผิดได้คือต้องนำเข้า “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” บวกกับ “โดยประการที่น่าจะเสียหาย” เมื่อตีความตามตัวอักษร “เท็จ หมายถึงไม่จริง โกหก โป้ปด หลอกลวง’ หรือก็คือข้อเท็จจริงในอดีตหรือปัจจุบันที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ในเนื้อเพลงก็ไม่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงใดที่เป็นเท็จ
“หลายเรื่องเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย บางเรื่องอาจจะยังไม่เกิดขึ้นจริง เช่นเรื่องบัตร 30 บาทยังใช้ได้อยู่แล้วมาพูดได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียหาย และหลายคนก็เชื่อว่ามันมีความพยายามที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง เช่นพยายามจะล้ม 30 บาท พยายามล้มนั่นล้มนี่ เพราะฉะนั้นการแต่งเพลงเพื่อจะสะท้อนสิ่งเหล่านี้มันจึงไม่มีลักษณะการใส่ข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ” ผศ.สาวตรี กล่าว
ผศ.สาวตรี อธิบายต่อไปว่า และแม้จะมีการใช้ถ้อยคำที่ทำให้ข้อเท็จจริงในเพลงดูรุนแรงขึ้นหรือเกินจริงไปบ้าง เรื่องนี้คือการใช้ถ้อยคำในลักษณะ “เปรียบเปรย” เพื่อให้ได้อรรถรส เช่นที่ร้องว่า “ประเทศที่พล่ามแต่ศีลธรรมแต่อาชญากรรมสูงกว่า Eifel (หอไอเฟล)” ซึ่งเป็นเพียง “ข้อคิดเห็น” เท่านั้น คำถามคือตำรวจแยกแยะออกหรือไม่ว่าอะไรคือข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็น เพราะข้อเท็จจริงมีเท็จมีจริง แต่ความคิดเห็นไม่มีใครสรุปได้ว่าเท็จหรือจริง
ที่สำคัญคือ “กฎหมายไม่ได้ห้ามพูดเรื่องไม่ดีของประเทศหากเป็นเรื่องจริง” และต้องบอกว่า “ประเทศกูมีไม่ได้หมายความประเทศกูไม่ดี” เพลงประเทศกูมีเพียงแต่บอกว่าในประเทศไทยมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ประเทศจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับว่าผู้เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นๆ จะจัดการอย่างไร ถ้าซุกปัญหาไว้หรือบังตับให้บอกว่าไม่มีปัญหานั่นคือไม่ดี แต่ถ้าลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังนั่นคือดี
ผศ.สาวตรี ยังตั้งคำถามย้อนกลับไปที่เพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ซึ่งเป็นเพลงประจำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าการเผยแพร่เพลงดังกล่าวเข้าข่ายข้อมูลที่เป็นเท็จหรือไม่ เช่น “ขอดูแลคุ้มครองด้วยใจ’ แต่พอประชาชนที่จัดกิจกรรมเดินมิตรภาพ เดินเท้าอย่างสงบจากกรุงเทพฯ ไป จ.ขอนแก่น ก็ยังถูกแจ้งข้อหา หรือ “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” แต่ผ่านมาแล้ว 4 ปีกว่าก็ยังไม่มีการเลือกตั้ง ถามว่าไม่นานจริงหรือไม่
หรือ “เราจะทำอย่างซื่อตรง” แต่ปรากฏกรณีนาฬิกาหรู 25 เรือนที่ผู้มีอำนาจบางคนในรัฐบาล คสช. บอกว่ายืมเพื่อน รวมถึง “แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน’ แต่ก็อย่างที่ปรากฏผ่านสื่อต่างๆ ว่าทุกวันนี้ผู้คนในเศรษฐกิจฐานรากกำลังลำบาก เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย เป็นต้น แต่ที่ยกมาไม่ได้หมายความว่าจะให้แบนเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย
อีกทั้งลำพังเพียงมีข้อมูลอันเป็นเท็จอย่างเดียวก็ยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิด แต่ยังต้องก่อให้เกิดความเสียหายด้วย ซึ่งนิยาม “น่าจะเกิดความเสียหาย” เป็นอย่างไร ต้องอธิบายว่าประเทศคือชาติ รัฐ บ้านเมือง แว่นแคว้น แต่รัฐบาลคือคณะบุคคลที่บริหารปกครองประเทศ จะมาจากเลือกตั้งหรือรัฐประหารก็ได้ คสช. คือคณะรัฐประหาร ดังนั้นประเทศจึงไม่เท่ากับรัฐบาลหรือ คสช. ประเทศก็ส่วนหนึ่ง รัฐบาลหรือ คสช. ก็อีกส่วนหนึ่ง
“เนื้อเพลงวิพากษ์วิจารณ์ คสช. เจ้าหน้าที่รัฐ และศาล ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ประเทศ เขาคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ไม่ใช่รัฐบาลหรือ คสช. กฎหมายเขาชัด แต่ผู้ใช้กฎหมายต่างหากที่ไม่ชัด การสะท้อนปัญหาการทำงานของรัฐบาลหรือองค์กรผู้ใช้อำนาจไม่ได้ทำให้ประเทศไม่มั่นคง กลับกันการกระตุ้นให้ประชาชนรับรู้ เกิดการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเหล่านั้น และหากปัญหาได้รับการแก้ไขจริงๆ นี่ต่างหากที่จะทำให้ประเทศมั่นคง” ผศ.สาวตรี ระบุ
ยก‘คืนความสุข’เทียบประเทศกูมี! นักกม.ถอดทีละท่อน ย้อนคสช.มีเรื่องเท็จหรือไม่ ....แนวหน้าออนไลน์ .../sao..เหลือ..noi
ผศ.สาวตรี ระบุว่า ท่าทีดังกล่าวของรอง ผบ.ตร. นั้น ไม่ใช่เพราะผู้มีอำนาจสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน แต่เพราะปรากฏการณ์ “ยิ่งปิดปากยิ่งอยากพูด ยิ่งปิดหูยิ่งอยากฟัง” สะท้อนผ่านยอดผู้เข้าชมที่ทะยานสู่หลักสิบล้านในเวลาเพียงไม่กี่วันนับจากที่ภาครัฐออกมาแสดงท่าทีข่มขู่ แต่สุดท้ายเมื่อไม่สามารถหาหลักฐานเพียงพอให้เชื่อมโยงครบองค์ประกอบของกฎหมายได้จึงต้องยอมถอยตามที่เป็นข่าว
ผศ.สาวตรี อธิบายว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (2) ระบุว่า “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” เรื่องนี้หากตามตัวบทกันจริงๆ แล้วเพลงประเทศกูมีก็ยังไม่เข้าข่ายความผิด เพราะการจะครบองค์ประกอบความผิดได้คือต้องนำเข้า “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” บวกกับ “โดยประการที่น่าจะเสียหาย” เมื่อตีความตามตัวอักษร “เท็จ หมายถึงไม่จริง โกหก โป้ปด หลอกลวง’ หรือก็คือข้อเท็จจริงในอดีตหรือปัจจุบันที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ในเนื้อเพลงก็ไม่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงใดที่เป็นเท็จ
“หลายเรื่องเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย บางเรื่องอาจจะยังไม่เกิดขึ้นจริง เช่นเรื่องบัตร 30 บาทยังใช้ได้อยู่แล้วมาพูดได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียหาย และหลายคนก็เชื่อว่ามันมีความพยายามที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง เช่นพยายามจะล้ม 30 บาท พยายามล้มนั่นล้มนี่ เพราะฉะนั้นการแต่งเพลงเพื่อจะสะท้อนสิ่งเหล่านี้มันจึงไม่มีลักษณะการใส่ข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ” ผศ.สาวตรี กล่าว
ผศ.สาวตรี อธิบายต่อไปว่า และแม้จะมีการใช้ถ้อยคำที่ทำให้ข้อเท็จจริงในเพลงดูรุนแรงขึ้นหรือเกินจริงไปบ้าง เรื่องนี้คือการใช้ถ้อยคำในลักษณะ “เปรียบเปรย” เพื่อให้ได้อรรถรส เช่นที่ร้องว่า “ประเทศที่พล่ามแต่ศีลธรรมแต่อาชญากรรมสูงกว่า Eifel (หอไอเฟล)” ซึ่งเป็นเพียง “ข้อคิดเห็น” เท่านั้น คำถามคือตำรวจแยกแยะออกหรือไม่ว่าอะไรคือข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็น เพราะข้อเท็จจริงมีเท็จมีจริง แต่ความคิดเห็นไม่มีใครสรุปได้ว่าเท็จหรือจริง
ที่สำคัญคือ “กฎหมายไม่ได้ห้ามพูดเรื่องไม่ดีของประเทศหากเป็นเรื่องจริง” และต้องบอกว่า “ประเทศกูมีไม่ได้หมายความประเทศกูไม่ดี” เพลงประเทศกูมีเพียงแต่บอกว่าในประเทศไทยมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ประเทศจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับว่าผู้เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นๆ จะจัดการอย่างไร ถ้าซุกปัญหาไว้หรือบังตับให้บอกว่าไม่มีปัญหานั่นคือไม่ดี แต่ถ้าลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังนั่นคือดี
ผศ.สาวตรี ยังตั้งคำถามย้อนกลับไปที่เพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ซึ่งเป็นเพลงประจำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าการเผยแพร่เพลงดังกล่าวเข้าข่ายข้อมูลที่เป็นเท็จหรือไม่ เช่น “ขอดูแลคุ้มครองด้วยใจ’ แต่พอประชาชนที่จัดกิจกรรมเดินมิตรภาพ เดินเท้าอย่างสงบจากกรุงเทพฯ ไป จ.ขอนแก่น ก็ยังถูกแจ้งข้อหา หรือ “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” แต่ผ่านมาแล้ว 4 ปีกว่าก็ยังไม่มีการเลือกตั้ง ถามว่าไม่นานจริงหรือไม่
หรือ “เราจะทำอย่างซื่อตรง” แต่ปรากฏกรณีนาฬิกาหรู 25 เรือนที่ผู้มีอำนาจบางคนในรัฐบาล คสช. บอกว่ายืมเพื่อน รวมถึง “แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน’ แต่ก็อย่างที่ปรากฏผ่านสื่อต่างๆ ว่าทุกวันนี้ผู้คนในเศรษฐกิจฐานรากกำลังลำบาก เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย เป็นต้น แต่ที่ยกมาไม่ได้หมายความว่าจะให้แบนเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย
อีกทั้งลำพังเพียงมีข้อมูลอันเป็นเท็จอย่างเดียวก็ยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิด แต่ยังต้องก่อให้เกิดความเสียหายด้วย ซึ่งนิยาม “น่าจะเกิดความเสียหาย” เป็นอย่างไร ต้องอธิบายว่าประเทศคือชาติ รัฐ บ้านเมือง แว่นแคว้น แต่รัฐบาลคือคณะบุคคลที่บริหารปกครองประเทศ จะมาจากเลือกตั้งหรือรัฐประหารก็ได้ คสช. คือคณะรัฐประหาร ดังนั้นประเทศจึงไม่เท่ากับรัฐบาลหรือ คสช. ประเทศก็ส่วนหนึ่ง รัฐบาลหรือ คสช. ก็อีกส่วนหนึ่ง
“เนื้อเพลงวิพากษ์วิจารณ์ คสช. เจ้าหน้าที่รัฐ และศาล ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ประเทศ เขาคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ไม่ใช่รัฐบาลหรือ คสช. กฎหมายเขาชัด แต่ผู้ใช้กฎหมายต่างหากที่ไม่ชัด การสะท้อนปัญหาการทำงานของรัฐบาลหรือองค์กรผู้ใช้อำนาจไม่ได้ทำให้ประเทศไม่มั่นคง กลับกันการกระตุ้นให้ประชาชนรับรู้ เกิดการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเหล่านั้น และหากปัญหาได้รับการแก้ไขจริงๆ นี่ต่างหากที่จะทำให้ประเทศมั่นคง” ผศ.สาวตรี ระบุ