ทำไมคนสมัยก่อนดูรักกันยืนยาวคะ?

สงสัยมากเลยค่ะ อย่างพ่อแม่จขกท.รักกันตั้งแต่มหาลัย จนแต่งงานกัน ทะเลาะกันแรงมากก ถึงขนาดแยกกันอยู่ แต่สุดท้ายตอนนี้ก็กลับมารักกัน

ลุงจขกท.ภรรยาตายตั้งแต่อายุ30นิดๆ เหมือนลุงจะหาแฟนใหม่ แต่ก็เปล่า สุดท้ายลุงก็อยู่โสดดูแลลูก ย่าก็เหมือนกัน

เพราะอะไรคนสมัยก่อนถึงรักกันยืนยาว เหมือนจะแทบไม่อกหักกันเลย หรือเพราะว่าจริงๆแล้วคนสมัยก่อนที่เลิกกันก็มีเยอะๆพอๆกะสมัยนี้ แต่จขกท.ไม่รู้เอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ช่องทางติดต่อจนเกิดความสัมพันธ์กันได้มีน้อย ทั้งด้านการสื่อสาร ถิ่นที่อาศัย-ทำงาน
จึงมีโอกาสพบและเลือกหาคนที่ถูกใจได้น้อยกว่าสมัยนี้ ที่มีคนสวย-หล่อตามเข้าไปคุย
ด้วยได้ถึงในมุ้งยันหลับคาสมาร์ทโฟน ตบะมันเลยแตกง่ายกว่าแต่ก่อน ยังไม่นับพวกค่า
นิยมสมัยใหม่ประเภทที่ถือว่าถ้าอยู่กันแล้วไม่ดีก็แยกย้ายกันไปง่ายๆ อีกอย่างที่สำคัญคือ
ผู้หญิงสมัยก่อนๆไม่ค่อยมีทางเลือกมาก หลายคนมีการศึกษาไม่มาก หลายคนที่พอแต่ง
แล้วก็ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเดียว จึงต้องพึงพาสามีเรื่องเงินทองฐานะมาก ทำให้แม้คับ
ข้องใจกับสามีอย่างไรก็ต้องอดทนไปเพราะมีอำนาจต่อรองน้อย ข้อจำกัดของผู้หญิงอีก
อย่างคือ สมัยก่อนจะมองผู้หญิงที่หย่าร้างด้วยสายตาที่ไม่ดีนัก มักเชื่อกันว่าเป็นหญิงที่มี
ข้อบกพร่องจนสามีทนไม่ได้ โดยที่จะไม่โทษฝ่ายชาย จนถือว่าเป็นหญิงมีตำหนิ ก็ทำให้
ผู้หญิงไม่ค่อยจะมีทางต่อสู้หรือทางเลือกอะไรในชีวิตมากนัก ก็ต้องอาศัยความอดทนไป
ความคิดเห็นที่ 5
หลายคู่รักกันยืดยาว
หลายคู่ทนอยู่ยืดยาว

ที่อยู่ยืดยาว เพราะสิ่งล่อใจมันน้อย กว่าจะเจอกันไม่ใช่ง่าย สังคมแคบ ผู้หญิงเป็นหม้ายสังคมไม่ค่อยยอมรับ ออกแนวดูถูกด้วยซ้ำ จึงมีจำนวนมากที่ทนอยู่อย่างขมขื่น ตายทั้งเป็น

เชื่อว่า ถ้าเทคโนโลยีสมัยนี้ ไปอยู่ในยุคนั้น และผู้หญิงได้โอกาสเท่ากับสมัยนี้ เทรนด์การเลิกร้างสูงแน่นอน คนเราไม่ได้พัฒนาอะไรหรอก แต่เทคโนโลยีและการเปิดกว้างทางสังคม มันเอื้อทางออกมากขึ้นเท่านั้น คนเลยรักเร็ว แต่งเร็ว เลิกเร็ว ตัดสินใจได้เร็ว เพราะทางออกมันเปิดกว้างมากในยุคนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่