สามีใจแคบ กับแม่กับน้อง ควรทำยังไงต่อดีคะ? อึดอัดใจมากค่ะ

แต่งงานกันมา จะ 3 ปีแล้วค่ะ ก่อนคบกันมา 2 ปีกว่า รวมแล้ว 5 ปีกว่า

    เข้าใจค่ะ ว่าตอนแรก ๆ อะไรก็ดี เราปฏิบัติตัวแบบผู้ตามที่ดีตลอดมา ด้วยความที่อายุน้อยกว่าเขา 5 ปี บางเรื่องรู้ ก็ต้องทำไม่รู้บ้าง เพื่อประคองการใช้ชีวิตคู่ต่อไปค่ะ

    สามีเป็นคนไม่ฟังคนอื่นค่ะ เชื่อตัวเองที่สุด และเทอดทูล บูชา พี่สาวกับพี่เขย เรียกว่าคนที่มีอิธิพลกับชีวิต คือพี่สาวกับพี่เขย นอกนั้น คนอื่นผิดหมด

    ทางพี่สาวกับพี่เขย เป็นคนฟุ้งเฟ้อค่ะ ทำงานรอโบนัสปลายปีมาตัดยอดบัตรเครดิต เค้าบ่นว่าเงินขาดมือตลอด แต่ไม่ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงไปเลย ในขณะที่ทุกวัน อยากได้อยากมีอะไรก็ต้องได้ เรียกว่าทัศนคติ ในการใช้ชีวิตคนละทางกับเราเลย เราเป็นกังวล ทุกครั้งที่สามีเราไปดื่มกินกับเค้า แล้วกลับมาพูดว่า จะซื้อนู่น ซื้อนี่เหมือนเค้า

    ฝั่งพี่สาวกับพี่เขยเราทำงานได้เดือนละเกือบแสน เค้ายังไม่พอใช้จ่าย ส่วนเรากับสามี เงินเดือนเฉลี่ย 2 คน : รวมกันได้ราว ๆ 4 หมื่น

    พวกเรามันหมา จะไปขี้ให้ใหญ่เท่าช้าง มันก็เกินตัว เราอยากใช้ชีวิตแบบ พอเพียง มีสินทรัพย์ไว้ให้อุ่นใจ ใช้จ่ายไม่เกินตัว ตอนนี้มีหนี้แค่ส่งรถ เดือนละ 8 พันกว่าบาท แบ่งใช้ส่วนตัวคนละ 6 พัน เราจะกักส่วนของเราไว้ 3 พัน ใช้จ่ายอย่างประหยัด ส่วนที่กักไว้ นี่เผื่อฉุกเฉินด้วย เราต้องซื้อวิตตามินเสริมมาบำรุงภาวะมีบุตรยากด้วย เราป่วยด้วยโรควิตกกังวล โรคเครียด และมีภาวะซึมเศร้าด้วยค่ะ ก็หันมารักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ทานยาทุกคืน สามีเราก็ไม่ชอบ มักตำหนิ เค้ามองว่าเราไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องกินยา เราอยากหายขาด พยายามทั้งฝึกสติ ฟังธรรม ทานยา แต่สามี มักจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเครียดเสมอ บางทีเราก็น้อยใจ ที่บางครั้ง เราทุกข์ เราขอเพียงระบาย เค้ากลับตวาด ว่าอย่ามาเล่าให้เค้าฟัง มันรกสมอง เราก็น้อยใจ คิดว่า แค่อยากให้เค้าเป็นเหมือนเพื่อน ไม่ได้ให้แก้ปัญหาให้ แค่อยากให้รับฟัง เหมือนลดความอัดอั้นในใจเรา แต่เค้าก็ไม่พอใจ

     ล่าสุด เค้าหงุดหงิดใส่เรา เรื่องน้องชายเราเอารถมารับเรา ฝนตกหนัก แต่น้องเอามอเตอร์ไซค์มา มารับเราไม่ได้ เลยขอกุญแจสำรอง ห้องนอนเรากับแม่ เพื่อเอารถเรา มารับเรา เรารู้แล้วหละ ว่าต้องเกิดเรื่อง แต่ไม่บอกเค้าว่ามีคนเอารถไปใช้ก็ไม่ได้ เราจะถูกตำหนิ ให้ใครเอารถไปใช้ ปรับเบาะ ปรับกระจกไม่เหมือนเดิม เราจึงเล่าให้เค้าฟังว่าน้องเอารถมารับเรา เค้าเงียบก่อน แล้วแสดงอาการไม่พอใจทำเสียงหงุดหงิดใส่ เราถามว่า หงุดหงิดเรื่องอะไรเค้าบอกว่า “ไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาในห้อง”

    แต่ที่จริง คือ ไม่พอใจ ที่น้องเราจับรถ เอารถมารับเราดุด่า ว่าเราเสียเงินไปเรีบนมา ไม่ยอมขับมาเอง ตั้งแต่เกิดมา เราไม่เคยจับรถ จนไปเรียนขับ 10 ชั่วโมง รวมสอบ เรายังไม่ชำนาญ เราค่อนข้างช้าด้วย ให้นั่งไปกับเราเค้าก็ดุด่าเราไปตลอดทาง เราเครียด เลยถอนหายใจ หลังจากนั้น เค้าไม่เคยให้เราขับอีกเลย
และถ้าน้องเราพาเราไปหัดขับทีไร จะต้องลงเอยด้วยการประชดทุกที ทำให้เราพูดอ้อม ๆ ไปว่าไม่มีน้ำมันรถ น้องจะได้ไม่พาเราหัดขับ น้องก็มองว่า ไม่ขับบ่อย ๆ ก็ไม่เป็นสักที

    เรื่องไม่อยากให้คนอื่นเข้าห้อง เราบอกว่า แม่เป็นคนหยิบกุญแจให้นะ แล้วกุญแจมันก็อยู่แค่ ผนังประตู เปิดมาเจอเลย เค้าเงียบ และตัดสาย ไปทำงานต่อ

   เค้ารู้ ว่าเราเครียดง่าย และวิตกกังวล นี่เป็นอีก 1 เหตุผล ที่เราไม่มีลูก ความเครียด ยาที่ทาน ส่งผลกับระบบฮอร์โมนในร่างกาย น้ำหนักเราขึ้น 15 กิโล ภายใน 1 ปี เราป่วยด้วยผโรค PCOS สาเหตุหนึ่งของการมีบุตรยาก

   เงินที่เราประหยัดใช้ ก็เผื่อไว้รักษาตัวเอง และเผื่อความหวังที่จะมีลูก ซึ่งเราและแม่ของเรามองว่า การมีเด็ก ต้องใช้เงินเยอะนะ ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะแต่สามีเรากลับมองว่า มีเด็ก จะใช้เงินสักเท่าไหร่เชียว เค้ายังสนุก กับการดื่ม การเที่ยว การขับบิ๊กไบค์ไปในที่ต่าง ๆ เค้าอายุมากกว่าเราแต่คิดไม่เหมือนเรา เราเหนื่อยกับทัศนคติการใช้ชีวิตของเค้ามาก

       นอกจากเงินที่เราแอบเก็บแบบประหยัดแล้ว เราไม่มีเงินก้อนเลย

    แล้วยิ่งมาเจอ ความใจแคบที่เค้ามอบให้ครอบครัวเราอีก วันนี้เค้าขับรถมาส่งเราที่ทำงาน ต่างคนต่างเงียบ คือ มันเหมือนไม่มีอะไรจะพูด นานวันเข้า ตัวตนของแต่ละคนก็แสดงออกมา

   เมื่อคืน เครียด ทานยาคลายเครียด ยานอนหลับ ยาต้านเศร้าเหมือนทุกวัน แต่ก็หลับไม่สนิท ตื่นรู้สึกตัวตลอด

   วันนี้ก็เงียบ ไม่พูดไม่คุย เราไม่รู้ ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงเลย มันคงเป็นปัญหาชีวิตที่แท้จริงที่เราเจอ หลังจากแต่งงานมาได้ 3 ปี

     ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และจะขอบคุณมาก ถ้าช่วยชี้แนะแนวทางให้กับเรา เพราะบางเรื่อง มันก็เป็นปัญหาชีวิต ที่เราเล่าให้คนรอบตัวในชีวิตจริงฟังไม่ได้

ปล. ไม่ได้ตั้งใจจะว่าใคร และขออภัย หากเรื่องราวในชีวิตเราไปคล้ายหรือเหมือนกับใคร ซึ่งอาจทำให้ไม่พอใจ เกี่ยวกับทัศนคติและมุมมองในการใช้ชีวิตที่อาจจะขัดแย้งกันกับเรา ขอโทษมาในโอกาสนี้ด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่