ขอท้าวความครับ ผมมาสมัครเป็นครูสอนมวยไทยที่ยิมนึง โดยการแนะนำจากคนรู้จัก ยิมนี้เป็นยิมเปิดมา 1 ปี แต่เพิ่งย้ายมาที่ใหม่ได้ไม่กี่เดือน จากครูสอนมวยที่มีหลายคน ก็ลาออกกันไปจนเหลือแค่คนเดียว และก็กำลังจะออกซึ่งผมก็มาแทนครูคนนี้ (ไม่ทราบสาเหตุว่าออกกันเพราะอะไร) เจ้าของยิมเป็นคนดูอัธยาศัยดี เป็นกันเอง รายละเอียดของการทำงาน วันจันทร์-ศุกร์ เข้างาน 11:00 - 21:00 วันเสาร์ เข้างาน 12:00 - 21:00 วันอาทิตย์ผมหยุด นั้นเท่ากับว่าวันนั้นจะไม่มีครูมวย (แต่ลูกค้าเข้ามาใช้พื้นที่ในการเวทได้) เช้าทำความสะอาดยิม
นอกจากสอนมวยแล้ว บางทีก็ต้องสอนเวทด้วย (ปกติเจ้าของยิมเขาจะเป็นคนเวท แต่เขาจะเข้ายิมก็เย็นๆ หรือบางครั้งเขาก็เลือกสอนเฉพาะลูกค้าบางคนเท่านั้น) ช่วงแรกที่ผมเข้ามามีลูกค้าแค่ 3-4 คนต่อวันเท่านั้น ลูกค้าเก่าที่เล่นกับผมก็ชอบบอกว่าผมสอนดี ใจเย็น ก็เริ่มมีการชักชวนเพื่อนๆมาสมัครเรียน ลูกค้าที่ว่ามีปัญหากับเจ้าของยิม ก็สมัครต่ออีก 2 เดือน ระหว่างที่ผมเข้ามาทำงานที่นี้ ยิมก็ยังไม่สมบูรณ์ ต้องมีการก่อสร้างหรือต่อเติมบางส่วน ผมก็ช่วยเขาไม่ว่าจะผสมปูน ก่ออิฐ ฉาบปูน คือเขาไม่จ้างคนทำ เพราะเขาบอกว่าเขาทำเองได้ (ผมคิดว่าเขาน่าจะไม่มีเงินจ้างมากกว่า) แต่ผมก็ช่วยเขาเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ยิมเขาดี มีลูกค้าเยอะ ผมก็ดีไปด้วย ผมคิดแบบนั้น
ผมทำงานให้เขาเต็มที่บวกกับใจที่รักในงานนี้ด้วย ปากต่อปากลูกค้าก็มาสมัครเรียนกันเพิ่มขึ้น จากวันละ 3-4 คนต่อวัน ก็เริ่มเป็น 8-10 คนต่อวัน ลูกค้าที่มีปัญหากับเจ้าของยิมนั้น ก็สมัครเพิ่มต่ออีก 5 เดือน (ตอนนั้นยังไม่มีปัญหากัน) ลูกค้าเพิ่มแต่ครูไม่เพิ่ม ผมก็ยังทำงานเต็มที่เหมือนเดิม ทำงานด้วยใจรักและสนุกกับลูกค้าทุกคน ด้วยยิมเล็กๆ เวลาลูกค้ามาเจ้าของยิมก็ไม่แจ้งเวลาให้เป็นระบบ ลูกค้าก็มาพร้อมๆกันช่วงเย็นหลังเลิกงาน ผมสอนต่อเนื่อง 30-40 ยกต่อวัน ยกละ 4 นาที โดยไม่ได้หยุดพักเลย ผมก็เคยพูดเกริ่นๆให้เขาหาครูมาช่วยแบบพาร์ทไทม์ 3 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ เขาก็เฉยไป (เดาว่าไม่อยากเสียเงินจ้าง 555)
จุดประกายที่เกิดปัญหาคือ เขาจะให้ผมขึ้นทาสีเพดาน ซึ่งผมต้องขึ้นไปยืนบนคานที่สูง 3 เมตรโดยที่ไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ หรือนั่งร้าน และต้องทาสีเพดานที่สูงถึงเกือบ 10 เมตร ใจผมไม่อยากขึ้นไปเลย เพราะมันอันตรายถ้าเกิดการผิดพลาดผมตกลงมา บาดเจ็บ พิการ หรือตายจะทำยังไง ครอบครัวผมหล่ะ แต่ผมไม่กล้าปฎิเสธ จังหวะพอดีที่ตอนนั้นคนที่แนะนำผมเข้าทำงานที่ยิมนี้อยู่ด้วยรวมถึงลูกค้าที่มีปัญหากับเจ้าของยิม คนที่แนะนำผมเข้าทำงานเขาเอ่ยปากบอกว่าไม่ให้ผมขึ้นไปทาสี มันอันตราย จุดนี้แระเลยสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าของยิมเขา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาไม่พูดคุยกับผมเลย แสดงออกให้รู้ว่าเขาไม่พอใจผม ส่วนผมบอกตรงๆ ผมอายุมากกว่าเขาเกือบ 20 ปีผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าเขาไม่คุยผมก็ไม่คุย ทำหน้าที่ของผมไป ระยะเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์
ลูกค้าที่มีปัญหากับเจ้าของยิม (ตอนนั้นยังไม่มีปัญหา) ก็โพสเฟสส่วนตัวโดยก็ไม่ได้แท็กยิม โพสวิดีโอที่ต่อยเป้ากับผม และแคปชั่นว่า " ต่อยกับครูสนุกมาก ที่มายิมนี้เพราะครูคนเดียวเลยค่ะ ยิมก็เน่า เป้าก็เหม็น แต่ครูเทพนะคะ ครูบ้านนอก ครูเพชรภูธร " และนั่นก็คือจุดแตกหักของเจ้าของยิมกับลูกค้ารายนี้ เจ้าของยิมเขามองว่าลูกค้าโพสให้ร้ายยิมทำให้ลูกค้าคนอื่นอาจจะมองยิมไม่ดีหรือส่งผลเสียหายกับธุรกิจของเขา แต่ในส่วนตัวผม ผมกลับคิดว่า เราเปิดยิมให้ลูกค้ามาเล่นและเราก็เป็นธุรกิจบริการ
ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะคอมเพลนในจุดที่บกพร่องของเราได้ เพื่อที่เราจะแก้ไขหรือปรับปรุงเพื่อให้มันดีขึ้น เพราะเอาเข้าจริงที่ลูกค้าโพสไม่ได้ให้ร้ายครับ ยิมเน่าจริง เป้าเหม็นจริง เพียงแต่ลูกค้าคนอื่นที่ไม่กล้าพูดเพราะเกรงใจ ซึ่งลูกค้าที่โพสไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเจ้าของยิมนะครับ เขาพูดแล้วแต่เจ้าของยิมเขานิ่งเฉยครับ หลังจากเจ้าของยิมเห็นโพสนี้เขาได้ทำการบลอคลูกค้ารายนี้ในเพจ ลูกค้าเลยได้เข้าไปสอบถามกับเจ้าของยิมทางไลน์ว่าบลอคกันเรื่องอะไร เลยทำให้มีการโต้เถึยงกันในไลน์ เนื้อหารายละเอียดผมไม่ทราบทั้งหมด เจ้าของยิมพูดกับลูกค้าว่าถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมาเล่น ลูกค้าก็เลยขอค่าคอร์สคืนหักส่วนที่เล่นไปแล้วได้เลย
แต่ทางเจ้าของยิมบอกให้ทำหนังสือ หรือไม่ก็ไปฟ้องเอา แล้วก็บอกว่าถ้ามีการฟ้องจริง ครูก็ต้องถูกพักงาน!!!! ผมซวยแล้ว 5555 เอวัง ด้วยประการละฉะนี้ #ผมไม่เคยมาสาย ไม่เคยขอลาหยุด ขนาดน้องชายเสียยังไม่ได้ไปเผาเพราะไม่มีครูแทน ทำงานเกินเวลาในบางวันด้วยซ้ำ ลูกค้าไม่เคยคอนเพลน มีแต่ชักชวนกันมาสมัครเพิ่มครับ
ผมเริ่มไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมครูมวยถึงลาออกกันหมด
เจ้าของยิมออกกำลังกายถูกลูกค้าฟ้องขอเงินค่าคอร์สคืน แล้วผมในฐานะครูสอนต้องถูกพักงานด้วยเรอะครับ ในเมื่อผมไม่ได้มีความผิด
นอกจากสอนมวยแล้ว บางทีก็ต้องสอนเวทด้วย (ปกติเจ้าของยิมเขาจะเป็นคนเวท แต่เขาจะเข้ายิมก็เย็นๆ หรือบางครั้งเขาก็เลือกสอนเฉพาะลูกค้าบางคนเท่านั้น) ช่วงแรกที่ผมเข้ามามีลูกค้าแค่ 3-4 คนต่อวันเท่านั้น ลูกค้าเก่าที่เล่นกับผมก็ชอบบอกว่าผมสอนดี ใจเย็น ก็เริ่มมีการชักชวนเพื่อนๆมาสมัครเรียน ลูกค้าที่ว่ามีปัญหากับเจ้าของยิม ก็สมัครต่ออีก 2 เดือน ระหว่างที่ผมเข้ามาทำงานที่นี้ ยิมก็ยังไม่สมบูรณ์ ต้องมีการก่อสร้างหรือต่อเติมบางส่วน ผมก็ช่วยเขาไม่ว่าจะผสมปูน ก่ออิฐ ฉาบปูน คือเขาไม่จ้างคนทำ เพราะเขาบอกว่าเขาทำเองได้ (ผมคิดว่าเขาน่าจะไม่มีเงินจ้างมากกว่า) แต่ผมก็ช่วยเขาเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ยิมเขาดี มีลูกค้าเยอะ ผมก็ดีไปด้วย ผมคิดแบบนั้น
ผมทำงานให้เขาเต็มที่บวกกับใจที่รักในงานนี้ด้วย ปากต่อปากลูกค้าก็มาสมัครเรียนกันเพิ่มขึ้น จากวันละ 3-4 คนต่อวัน ก็เริ่มเป็น 8-10 คนต่อวัน ลูกค้าที่มีปัญหากับเจ้าของยิมนั้น ก็สมัครเพิ่มต่ออีก 5 เดือน (ตอนนั้นยังไม่มีปัญหากัน) ลูกค้าเพิ่มแต่ครูไม่เพิ่ม ผมก็ยังทำงานเต็มที่เหมือนเดิม ทำงานด้วยใจรักและสนุกกับลูกค้าทุกคน ด้วยยิมเล็กๆ เวลาลูกค้ามาเจ้าของยิมก็ไม่แจ้งเวลาให้เป็นระบบ ลูกค้าก็มาพร้อมๆกันช่วงเย็นหลังเลิกงาน ผมสอนต่อเนื่อง 30-40 ยกต่อวัน ยกละ 4 นาที โดยไม่ได้หยุดพักเลย ผมก็เคยพูดเกริ่นๆให้เขาหาครูมาช่วยแบบพาร์ทไทม์ 3 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ เขาก็เฉยไป (เดาว่าไม่อยากเสียเงินจ้าง 555)
จุดประกายที่เกิดปัญหาคือ เขาจะให้ผมขึ้นทาสีเพดาน ซึ่งผมต้องขึ้นไปยืนบนคานที่สูง 3 เมตรโดยที่ไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ หรือนั่งร้าน และต้องทาสีเพดานที่สูงถึงเกือบ 10 เมตร ใจผมไม่อยากขึ้นไปเลย เพราะมันอันตรายถ้าเกิดการผิดพลาดผมตกลงมา บาดเจ็บ พิการ หรือตายจะทำยังไง ครอบครัวผมหล่ะ แต่ผมไม่กล้าปฎิเสธ จังหวะพอดีที่ตอนนั้นคนที่แนะนำผมเข้าทำงานที่ยิมนี้อยู่ด้วยรวมถึงลูกค้าที่มีปัญหากับเจ้าของยิม คนที่แนะนำผมเข้าทำงานเขาเอ่ยปากบอกว่าไม่ให้ผมขึ้นไปทาสี มันอันตราย จุดนี้แระเลยสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าของยิมเขา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาไม่พูดคุยกับผมเลย แสดงออกให้รู้ว่าเขาไม่พอใจผม ส่วนผมบอกตรงๆ ผมอายุมากกว่าเขาเกือบ 20 ปีผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าเขาไม่คุยผมก็ไม่คุย ทำหน้าที่ของผมไป ระยะเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์
ลูกค้าที่มีปัญหากับเจ้าของยิม (ตอนนั้นยังไม่มีปัญหา) ก็โพสเฟสส่วนตัวโดยก็ไม่ได้แท็กยิม โพสวิดีโอที่ต่อยเป้ากับผม และแคปชั่นว่า " ต่อยกับครูสนุกมาก ที่มายิมนี้เพราะครูคนเดียวเลยค่ะ ยิมก็เน่า เป้าก็เหม็น แต่ครูเทพนะคะ ครูบ้านนอก ครูเพชรภูธร " และนั่นก็คือจุดแตกหักของเจ้าของยิมกับลูกค้ารายนี้ เจ้าของยิมเขามองว่าลูกค้าโพสให้ร้ายยิมทำให้ลูกค้าคนอื่นอาจจะมองยิมไม่ดีหรือส่งผลเสียหายกับธุรกิจของเขา แต่ในส่วนตัวผม ผมกลับคิดว่า เราเปิดยิมให้ลูกค้ามาเล่นและเราก็เป็นธุรกิจบริการ
ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะคอมเพลนในจุดที่บกพร่องของเราได้ เพื่อที่เราจะแก้ไขหรือปรับปรุงเพื่อให้มันดีขึ้น เพราะเอาเข้าจริงที่ลูกค้าโพสไม่ได้ให้ร้ายครับ ยิมเน่าจริง เป้าเหม็นจริง เพียงแต่ลูกค้าคนอื่นที่ไม่กล้าพูดเพราะเกรงใจ ซึ่งลูกค้าที่โพสไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเจ้าของยิมนะครับ เขาพูดแล้วแต่เจ้าของยิมเขานิ่งเฉยครับ หลังจากเจ้าของยิมเห็นโพสนี้เขาได้ทำการบลอคลูกค้ารายนี้ในเพจ ลูกค้าเลยได้เข้าไปสอบถามกับเจ้าของยิมทางไลน์ว่าบลอคกันเรื่องอะไร เลยทำให้มีการโต้เถึยงกันในไลน์ เนื้อหารายละเอียดผมไม่ทราบทั้งหมด เจ้าของยิมพูดกับลูกค้าว่าถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมาเล่น ลูกค้าก็เลยขอค่าคอร์สคืนหักส่วนที่เล่นไปแล้วได้เลย
แต่ทางเจ้าของยิมบอกให้ทำหนังสือ หรือไม่ก็ไปฟ้องเอา แล้วก็บอกว่าถ้ามีการฟ้องจริง ครูก็ต้องถูกพักงาน!!!! ผมซวยแล้ว 5555 เอวัง ด้วยประการละฉะนี้ #ผมไม่เคยมาสาย ไม่เคยขอลาหยุด ขนาดน้องชายเสียยังไม่ได้ไปเผาเพราะไม่มีครูแทน ทำงานเกินเวลาในบางวันด้วยซ้ำ ลูกค้าไม่เคยคอนเพลน มีแต่ชักชวนกันมาสมัครเพิ่มครับ
ผมเริ่มไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมครูมวยถึงลาออกกันหมด