ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู โพสต์ภาพและข้อควาามระบุ เตรียมพาลูกความฟ้องเอาผิด "ตำรวจ" และ "ฝ่ายงานเกี่ยวข้อง" หลังอายัดเงินบัญชีลูกความไป 3 ล้าน ผ่านไปแล้ว 4 เดือนไม่ปลด จวกระบบคัดกรองแย่
จากกรณีฝ่ายภาครัฐผนึกกำลังสถาบันการเงิน คุมเข้มมาตรการอายัดบัญชีม้า เพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ แต่กลับส่งผลกระทบต่อประชาชน เพราะต้องถูกอายัดบัญชี ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล่ามิจฉาชีพ และหากต้องทำเรื่องระงับหรือปลดบัญชีดังกล่าว ต้องใช้เวลานานหลายวัน สร้างความเดือดร้อนให้แก่สุจริตชนหลายคน ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ในเฟซบุ๊กของ ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “เรื่องที่ตำรวจและธนาคารอายัดบัญชีทำให้เดือดร้อนนี่เป็นมานานมาก น้องผมมีปัญหากับลูกค้า เงินพิพาทแค่ 7 หมื่น ตร.และธนาคารอายัดไป 3 บัญชี อายัดเกือบ 3 ล้านบาท ระบบคัดกรองแย่ๆ ผ่านไป 4 เดือนยังไม่ปลด กำลังจะฟ้องตำรวจกับผู้เกี่ยวข้อง”
ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ควรฟ้องให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะรัฐไม่ควรทำให้ประชาชนเดือดร้อน รวมไปถึงส่งกำลังใจให้ทนายอีกด้วย....
สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/5113232/
‘ทนายสายหยุด’ จ่อฟ้องเป็นคดีตัวอย่าง เหตุอายัดบัญชีลูกความ 3 ล้าน ผ่าน 4 เดือนไม่ปลด
จากกรณีฝ่ายภาครัฐผนึกกำลังสถาบันการเงิน คุมเข้มมาตรการอายัดบัญชีม้า เพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ แต่กลับส่งผลกระทบต่อประชาชน เพราะต้องถูกอายัดบัญชี ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล่ามิจฉาชีพ และหากต้องทำเรื่องระงับหรือปลดบัญชีดังกล่าว ต้องใช้เวลานานหลายวัน สร้างความเดือดร้อนให้แก่สุจริตชนหลายคน ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ในเฟซบุ๊กของ ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “เรื่องที่ตำรวจและธนาคารอายัดบัญชีทำให้เดือดร้อนนี่เป็นมานานมาก น้องผมมีปัญหากับลูกค้า เงินพิพาทแค่ 7 หมื่น ตร.และธนาคารอายัดไป 3 บัญชี อายัดเกือบ 3 ล้านบาท ระบบคัดกรองแย่ๆ ผ่านไป 4 เดือนยังไม่ปลด กำลังจะฟ้องตำรวจกับผู้เกี่ยวข้อง”
ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ควรฟ้องให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะรัฐไม่ควรทำให้ประชาชนเดือดร้อน รวมไปถึงส่งกำลังใจให้ทนายอีกด้วย....
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/5113232/