เรียนภาษาญี่ปุ่นระหว่าง "Waseda" กับ "ส.ส.ท."

ตอนนี้กำลังสนใจเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ ว่าจะลงเรียนประมาณกลางปีหน้า หาสถานที่เรียนคอร์สเร่งรัดแล้วรู้สึกสนใจอยู่ 2 สถาบันนี้ แต่ว่ามันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไปเลยตัดสินใจไม่ได้สักทีค่ะ55555 ....เท่าที่รู้มานะคะ....

Waseda
- การเรียนการสอนจะเข้มข้นกว่า เรียนหนักการบ้านเยอะ มีอาจารย์ญี่ปุ่นเป็นคนสอน ในหนึ่งห้องมีนักเรียนประมาณ 10 กว่าคน
- ค่าใช้จ่ายแพงมาก กลัวเรียนไม่ทัน

ส.ส.ท.
- แค่ชื่อสมาคมไทย-ญี่ปุ่นก็คิดว่าการเรียนการสอนต้องดีแน่ๆ มีหนังสือที่เป็นมาตราฐาน มีอาจารย์ญี่ปุ่นบ้างไทยบ้าง ราคาถูกมากๆ มีการแลกเปลี่ยนระหว่างนักเรียนญี่ปุ่นด้วย
- ได้ยินมาว่าแต่ละห้องนักเรียนเยอะมาก ประมาน 20 คน(?) กลัวอาจารย์จะสอนไม่ทั่วถึง

ใครมีประสบการณ์เรียนที่ไหนบ้าง? มาแชร์ให้ฟังหน่อยค่ะ หรือใครมีที่อื่นที่เคยเรียนก็ไม่ว่ากันค่ะ มาแชร์กันได้นะคะ จะได้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
วะเซะดะค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ วะเซะดะเชียงใหม่
เทอมที่ 3แล้วค่ะ
ดีกว่า มหาลัยมาก ก็แหง๋ ล่ะสิจ่ายแพงกว่าขนาดนี้

เริ่มจากอย่างแรกเลย ถ้าคุณเข้าไปเรียนจะต้องสอบเข้า เพื่อให้รู้สมรรถภาพที่แท้จริงของนักเรียนเหมาะกับ ครอสการเรียนอันไหน
เขาไม่ดูใบ JLPT ผ่าน N5 N4 N3 อะไรเขาไม่สนทั้งนั้น เพราะเขาจะสอบพูด ด้วย
เขาจะให้ข้อสอบไปทำ ข้อเขียน มีทั้งอัตนัย และปรนัย
หลังจากนั้นจะต้องสอบสัมภาษณ์ กับ อาจารย์ญี่ปุ่น
หลังสอบเสร็จเขาจะประกาศผลว่าคุณ เหมาะสมกับการเรียนครอส อันไหน เช่นมินนะ บทที่ 13-25เป็นต้น
บางทีแกรมม่าเราอาจจะเก่ง แต่พูดไม่ได้ก็โดนปรับให้เรียนกับครอสระดับต่ำลงมาได้ เพราะเขาเน้นการใช้ได้จริง


วันเริ่มเรียนจริง เขามีระบบแบบแผนการสอนที่แน่นอน
ตั้งแต่วันแรกเขาจะแจก ชีทตารางการสอน
ซึ่งดิฉันประทับใจมากเรียนมาเทอมที่ 3แล้ว
เขาทำตามตารางเป๊ะๆ วันนี้จะสอนอะไร บทที่เท่าไร  พรุ่งนี้จะสอบอะไร  การบ้านต้องส่งวันไหน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนจะเริ่มเรียนบทไหนๆ อาจารย์จะสอนคำศัพท์บทนั้นๆ ก่อน และให้กลับไปท่อง และสอบคาบหน้า
อยากจะบอกว่า วิธีสอนโดยใช้  Flashcard นั้นมีประสิทธิผลสุดๆ คำศัพท์ถูกละลายเข้าไปในสมองโดยไม่รู้ตัว เพราะอาจารย์จะเล่นทุกคาบ
ไม่มีทางที่จะลืมแน่นอนยกเว้นจะไม่ตั้งใจเรียนโดดเรียนไม่ทำการบ้าน

คาบต่อไปจะสอนคันจิ แน่นอนไม่ใช่แค่อ่านได้ก็ผ่านนะ ต้องเขียนได้ บอกเลยว่าเข้มงวดมากๆๆ
คาบต่อไปก็สอบคันจิที่เรียนไปคาบที่แล้ว


ที่ประทับใจสุดๆคือ ทุกคนมีโอกาศได้พูด แต่งประโยค  (ใครขี้อาย ติดนิสัยการเรียนแบบห้องเรียนแบบไทยๆ จะโดนจี้เป็นพิเศษ) (ไม่มีทางหนีพ้นค่ะ เพราะ ห้องคนน้อยมาก วนไปวนมา ก็เจอเราแล้ว) (ยิ่งใครไม่ชอบพูดจะโดนถามบ่อยมากเท่านั้น)
อาจารย์ที่มาสอนคือ คนญี่ปุ่น ใช้ภาษาญี่ปุ่นล้วนในการสอน(แน่นอนว่าเขาถูกอบรมมาเพื่อสอนชาวต่างชาติโดยเฉพาะ เขาจะไม่พูดคำศัพท์ที่ยังไม่เคยสอนเด็ดขาด เช่นเรียนถึงบทที่ 20 ก็จะไม่พูดศัพท์ยากๆ ไวยกรณ์นอกเรื่อง) ทำให้เราเข้าใจง่าย
บางครั้งก็จำเป็นต้องสอนคำศัพท์นอกบท บ้างเพราะ มันเป็นศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ก็จะเขียนบนกระดาน ให้จดๆ

ที่ประทับใจสุดๆคือ การบ้านนนนน
การบ้านที่ได้รับการตรวจอย่างแท้จริง
เขาจะตรวจ แก้ไข อาทิตย์หน้าจะมาเฉลยเป็นรายบุคคลเลยว่าผิดอะไรตรงไหน

ก่อนสอบFinalพิเศษ ให้ไปทำไม่จำเป็นต้องส่ง แต่จะเฉลยก่อนสอบพร้อมอธิบายอีกรอบ
เสร็จแล้วเมื่อถึงเวลาสอบจริงก็ย้ายห้องไปห้องสอบรวมทุกคลาส
เข้าสู่โหมดจริงจัง
สอบ Final เสร็จแล้ว

เกณฑ์การผ่านแต่ละเทอม คือ 70-79.9 คะแนนได้เกรดC
80-84.9 คะแนน B
85-89.9คะแนน B+
90-94.9คะแนน ได้ A
95คะแนนขึ้นไป A+
ใครคะแนนต่ำกว่า  70% คือสอบตก คุณไม่มีสิทธิจะได้เรียน บทเรียนที่ยากกว่านี้ หรือหมายความว่าต้องเรียนซ้ำชั้นเท่านั้น

ปล.เล่าจากคนเรียนสาขาเชียงใหม่ ค่ะ
สาขาเชียงใหม่ ก็ดูไฮโซ มีลิฟต์ มีแอร์ทุกห้องโต๊ะใหม่ ทีวี
ไวท์บอร์ด (อาจจะดูไร้สาระ มหาลัยบางแห่งยังใช้ กระดานดำนะคะ)
บอกเลยว่า ไฮโซค่ะ โต๊ะเรียนคือโต๊ะ เรียนแบบแนวยาววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ไม่ใช่โต๊ะเลขเช่อแบบมหาลัย
นักศึกษาสามารถ กางสมุด หนังสือได้อย่างเต็มที่ นี่คือสิ่งที่ชอบมาก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถ้าเรียน Day course (จันทร์-พฤหัส) จะมีกิจกรรมประจำครอส ด้วย เช่นคอสแรกสุดก็เขียนเรียงความแล้ว พูดต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน*-* (เห็นเค้าว่างั้นนะเพราะมาไม่ทัน ตอนนี้เรียน Saturday Course)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่