รีวิวการขอวีซ่าเรียนภาษา เพื่อการศึกษาต่อ เยอรมัน และวิธีการกรอกแบบฟอร์ม

สวัสดีค่ะ จขกท มารีวิวเรื่องการขอวีซ่าเรียนภาษาเพื่อการศึกษาต่อ ที่เยอรมัน
วันนี้วันที่ 19/10/2018 ซึ่งข้อมูลอาจมีการอัพเดทในอนาคต เช่นการจองคิว การกรอกเอกสาร โปรดหาข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ

วีซ่าเรียนภาษาเพื่อการศึกษาต่อตัวนี้ที่ประเทศไทย ไม่สามารถออกให้ได้ จะมีแค่วีซ่าเรียนภาษาเท่านั้น (ไม่สามารถทำงานได้)
และวีซ่านักเรียน (ทำงานได้ 20 ชม./สัปดาห์ ในรูปแบบ mini job รายรับไม่เกิน 450ยูโร ไม่เสียภาษี และทำเต็มเวลาในช่วงปิดเทอม)
แต่วีซ่าเรียนภาษาเพื่อการเรียนต่อนี้ 3 เดือนแรกที่เราได้ National Visa ไปจะไม่สามารถทำงานได้ และเมื่อเปลี่ยนชนิดวีซ่าที่เยอรมันแล้วจะสามารถทำงานได้เหมือนวีซ่านักเรียนค่ะ วีซ่านี้จึงเหมาะมากๆสำหรับไปเก็บเงินเรียนต่อ หากทำตำแหน่งที่ได้ทิป หรือได้รับเงิน Cash on hand (แต่ไม่แนะนำเพราะเสี่ยงโดนจับส่งกลับประเทศ แถมอดเรียนต่อด้วย)
ดังนั้นวีซ่าเรียนภาษาเพื่อการเรียนต่อจึงเป็นวีซ่าที่ก้ำกึ่งระหว่าง 2 ตัว เอกสารที่ใช้จะคล้ายๆกันค่ะ แต่ข้อดีคือ เราไม่ต้องกลับมาเปลี่ยนชนิดวีซ่าที่ไทยค่ะ

เอกสารที่เตรียมของเรามีดังนี้
1. แบบฟอร์มคำร้องวีซ่า National Visa สำหรับระยะยาวเกินกว่า 90 วัน เรามีตัวอย่างการกรอกเอกสารอยู่ด้านล่างค่ะ
2. รูปถ่ายไบโอเมตริก 2 ใบ ควรเตรียมไป 3 ใบขึ้นไปค่ะ เผื่อทำหาย
3. ใบ Transcript (ของเราเป็นหลักสูตร 3.5 ปี ซึ่งไม่สามารถเทีบยวุฒิเพื่อต่อโทได้ จำเป็นต้องเรียนตรีใหม่อีก 1-1.5 ปี แล้วจะต่อโทได้ ซวยไป)
4. ใบจบ ฉบับภาษาอังกฤษ ใบนี้ของมหาลัยเราจะอยู่ในเล่มที่ได้รับพระราชทานวันรับปริญญา หากใครหาไม่เจอ ไปขอใหม่ได้
5. Recommend Letter จาก อ.ที่สอนจำนวน 2 ฉบับ จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าขอจากที่ทำงานหรือจากหัวหน้างาน
6. ใบรับรองการทำงาน เราเปิดบริษัทเอง จึงใช้ใบทะเบียนการค้า แต่ไม่ได้แปลอังกฤษไป ยื่นแค่ภาษาไทย จนท.ก็คืนมาให้ค่ะ
7. Motivation letter ต้องเขียนถึงประวัติเรา จบอะไรมา ทำงานอะไร แรงจูงใจในการไปเรียนต่อ จะนำความรู้ที่ได้มาใช้พัฒนาประเทศอย่างไร ทำไมถึงจำเป็นต้องเรียนที่เยอรมัน ไม่เรียนที่ไทย ถ้าแค่อยากเรียนภาษาอยากรู้จักวัฒนธรรม ก็เรียนที่เกอเธ่ก็ได้ ต้องเขียนแสดงให้เห็นว่าเราต้องไปเรียนที่นั่นจริงๆ
ถ้าจะต่อโทก็ต้องเขียนเกี่ยวกับคณะที่เกี่ยวข้องกับ ป.ตรี หากภายหลังเปลี่ยนใจไม่อยากต่อคณะนี้หลังจากได้วีซ่าเรียนภาษาเพื่อเรียนต่อแล้วก็ได้
8. หลักฐานการสมัครมหาวิทยาลัย ของเราไม่มีค่ะ เพราะมหาลัยยังไม่เปิดรับ จึงแนบใบปริ้นมาจาก Uni-assist ว่าเราสมัครแล้วนะ หรือใครมี e-mail ที่สมัครเองกับมหาวิทยาลัยแนบไปด้วยก็ได้ค่ะ
9. ใบตอบรับจากสถาบันที่เรียนภาษาตัวจริง จ่ายเงินค่าเรียนแล้วถึงจะได้ ของเราสถาบันที่เยอรมันส่ง TNT มาให้ 3 วันหลังจากสมัครและจ่ายเงินไปค่ะ ***ถ้าสมัครสถาบันสอนภาษาของทางมหาลัยโดยตรงวีซ่าน่าจะผ่านง่ายกว่าสมัครกับสถาบันเอกชน ส่วนเราสมัครกับเอกชนไปค่ะ รร ที่ Berlin ค่าเรียนจาก A1-B2 ประมาณ 8 หมื่นบาท เรียนทั้งหมด 9-10 เดือน หากต้องการพักเบรกหลังจากจบคอสก็ได้ โดยสมัครไปทีละคอสๆ ทำให้มีเวลาเตรียมไปสอบ IELTS หรือ พักเตรียมเอกสารสมัครมหาวิทยาลัย ไปสัมภาษณ์มหาวิทยาลัยได้ หากสมัครผ่านเอเจนซี่ ซึ่งเราเคยสมัครไปคนละสถาบันกัน แต่ค่าเรียนต่างกันเกือบสามเท่า
10. หลักฐานการเรียนภาษาเยอรมันที่ผ่านมา เรายื่นใบประกาศนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS เยอรมันไปค่ะ เพราะเราไม่เคยสอบวัดระดับภาษาเลย และตั้งใจไปเรียนใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่จะให้ดี ควรมีใบที่พิสูจน์ว่าเราเรียนภาษาเยอรมันมาแล้วกี่ชั่วโมง หรือไปลงคอสที่เกอเธ่แล้วขอใบรับรองว่าเราเรียนคอสนี้แล้วก็ได้ค่ะ เพื่อนที่เรารู้จักลงเรียนภาษาเยอรมันเพื่อการศึกษาของ ฬ ก็เอาใบนี้ไปยื่น
11. เอกสารทางการเงิน หากรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ให้เปิดบัญชี Blocked Account ของ Deutsch Bank เงินฝากขั้นต่ำ 8000ยูโร หรือเดือนละ 720ยูโร ตามจำนวนเดือนที่เราจะไปอยู่ แต่ใช้เวลาการสมัครนานมาก 1 เดือนอย่างต่ำ เราแนะนำ Fintiba สามารถสมัครออนไลน์ได้ เสร็จภายใน 2-3 วัน
***กรณีพ่อแม่สปอนเซอร์ ยังไม่ต้องเปิดบัญชีก็ได้ค่ะ ให้หลักฐานทางการเงินของพ่อแม่แทน แต่สุดท้ายตอนเปลี่ยนชนิดวีซ่าที่เยอรมันจะต้องเปิด บช อยู่ดี แต่เราไปเปิดที่นู้นประหยัดกว่า และไวกว่าค่ะ
-  เอกสารทางการเงินเราใช้ของแม่ แต่แม่เป็นข้าราชการเพิ่งเกษียณ เงินบำนาญยังไม่เข้า เงินสดก็เพิ่งซื้อบ้านใหม่เหลือติดบัญชีแค่หลักหมื่น แต่***แม่มีหุ้นสหกรณ์ ฉลากออมสิน ฉลาก ธกส ***เป็นชนิดที่สามารถเบิกถอนได้ตลอดเวลา เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งที่มียอดพอสำหรับ 1 ปีหรือเพียงพอสามารถซัพพอร์ทเราได้ หรือเอาทั้งหมดรวมกันก็ได้ เราเลือกหุ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูของแม่มาค่ะ มียอดออมประมาณ 6 แสนบาท แต่ไม่สามารถขอสเตทเม้นต์ได้ จึงให้สหกรณ์ถ่ายเอกสารเล่มสมุดและประทับตราพร้อมลายเซ็นต์มา
- สเตทเม้นต์ บัญชีที่เงินเดือน หรือเงินบำนาญเข้า ย้อนหลัง 3-6 เดือนค่ะ ยอดเงินคงเหลือของแม่มีแค่หลักหมื่น
- สำเนาทะเบียนบ้านแม่
- สำเนาบัตรประชาชนแม่
- ใบรับรองว่าเป็นข้าราชการเกษียณ ถ้าพ่อแม่ทำงานบริษัท ใช้ใบรับรองการทำงาน
- ใบรับรองเงินบำนาญต่อเดือน ถ้าพ่อแม่ทำงานบริษัท ใช้ใบสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน + สเตทเม้น 6 เดือน
12. จดหมายรับรองค่าใช้จ่าย+โยงญาติ กรณีญาติเป็นสปอนเซอร์ ถ้าพ่อแม่ก็เขียนว่าพ่อแม่เป็น แล้วเซ้นต์กำกับ
13. พาสปอร์ตพร้อมสำเนา  

ทุกใบที่กล่าวมานี้ ต้องถ่ายเอกสารอย่างละ 2 ชุด รวมตัวจริงด้วยเป็น 3 ชุด แยกเป็นเล่มๆ ยื่นไปพร้อมกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่