ดัชนีเจ้าสัว สะท้อนศก.ไทย-จีน ยังโตแต่ไม่หวือหวา
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1183010
นาย
จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ผลสำรวจหอการค้าไทย–จีน ถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจจากสมาชิกจีนในไทย รอบไตรมาส 3 /2561 พบว่า ภาพรวมยังคงอยู่ในระดับที่ดี แต่เชื่อว่าได้รับกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน มองว่าอาจยืดเยื้อยาวและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะการเจรายังไม่สำเร็จ เนื่องจากต่างไม่ยอมกันและยังตอบโต้กันทุกครั้ง จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กำลังซื้อลดลง จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น กระทบต่อส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ข้าว
นาย
จิตติ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางมาเที่ยวไทย ที่ตลอดเดือนกันยายน2561 อยู่ที่ 648,000 คน ลดลงจากกันยายนปีก่อน 14.89 % ที่มีรายได้ 36,870 ล้านบาท หดตัว 11.49% ซึ่งลดลงเพราะเหตุเรือล่มภูเก็ต เชื่อว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็น เพียงการลดลงระยะสั้นของนักท่องเที่ยวจีน ที่ทราบข่าวอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต แล้วเดินทางไปเที่ยวในประเทศอื่นแทน คาดว่า ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ทั้งปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย 10 ล้านคนตามเป้าหมาย
“ขณะนี้กลุ่มเอกชนไทยจีน ยังได้ทำหน้าที่ร่วมกับ เว็ปไซต์ออนไลน์ ไป่ตู้ ของจีน เพื่อสร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวจีน ว่า ประเทศไทย มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวดีขึ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในกลับมา”
นาย
ชโยดม สรรพศรี อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่าผลสำรวจดัชนีฯจากสมาชิก 500 ราย ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ การคาดการณ์ความสัมพันธ์เศรษฐกิจไทยจีน การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวม ภาวะเศรษฐกิจรายสาขาเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ โดยความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและจีนในไตรมาส3/61 เมื่อเทียบกับไตรมาส3ปีนี้ แนวโน้มดีขึ้นในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นมูลค้าการค้ารวมระหว่างประเทศ มูลค่าการลงทุน ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ยกเว้นเพียงรายได้การส่งออกสินค้าทรงตัว เพียง 55.6 % ของการผลิต สาเหตุอาจจากปัญหาสงครามการค้า ทำให้สินค้าไทยส่งไปจีนคงที่ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่จีนนำไปเป็นส่วนประกอบผลิตสินค้าไปยังสหรัฐ เช่น ผลิตภัณฑ์เคมี ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก หรือเครื่องจักรบางส่วน ซึ่งเป็นเรื่องของห่วงโซ่การผลิต โดยระยะสั้นคงส่งผลไม่มาก แต่ในระยะยาวอาจกระทบมาก ดังนั้นต้องระวัง แต่คาดการณ์อีก 6 เดือนข้างหน้า นักธุรกิจส่วนใหญ่ยังเห็นว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและจีนยังดีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาส4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2561 ดัชนีเท่ากับ 61.3 โดยเป็นการเติบโตจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการส่งออก ในขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนในประเทศอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อย การบริโภคของภาคเอกชนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์ในไตรมาสปัจจุบันมากนัก ซึ่งอยู่ระดับเกิน 50 เล็กน้อย สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการปรับดอกเบี้ยของโลก
นาย
ชโยดม กล่าวว่า สำหรับผลสำรวจเศรษฐกิจรายภาคการผลิต แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม คือ ผู้ประกอบการภาคการเกษตร ป่าไม้ และประมง พบว่า เศรษฐกิจไทยจะลดลง การบริโภค การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว ส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศ ก็ชะลอตัว สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการในภาคการเกษตร ป่าไม้ และประมง มองเศรษฐกิจไทยไม่สดใส ขณะที่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง ภาคการขนส่งและการขายปลีก ที่พักและบริการ ยังมองว่า การส่งออกยังเพิ่มสูงขึ้น มูลค่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในอนาคต แม้จะมีเรื่องของการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ และต้นทุนวัตถุดิบอย่างไรก็ตามยังเชื่อว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีปัจจัยด้านฤดูกาลจะกลับมาสร้างความต้องการสินค้ามากขึ้น การผลิตจะขยายตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี 61
นาย
ประสงค์ เอาฬาร ผู้อำนวยการโครงการฯ กล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ภาคการเกษตรมองเศรษฐกิจยังไม่สดใส แต่ไม่ถึงกับเลวร้ายจนทำอะไรไม่ได้ ภาพรวมเศรษฐกิจยังดูดี แต่การกระจายรายได้ยังไปไม่ทั่วถึง ทำให้ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบ
JJNY : ดัชนีเจ้าสัว สะท้อนศก.ไทย-จีน ยังโตแต่ไม่หวือหวา / ร้านธงฟ้าเมินคืนแวตคนจนยอดสมัครไม่ถึงครึ่ง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1183010
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ผลสำรวจหอการค้าไทย–จีน ถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจจากสมาชิกจีนในไทย รอบไตรมาส 3 /2561 พบว่า ภาพรวมยังคงอยู่ในระดับที่ดี แต่เชื่อว่าได้รับกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน มองว่าอาจยืดเยื้อยาวและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะการเจรายังไม่สำเร็จ เนื่องจากต่างไม่ยอมกันและยังตอบโต้กันทุกครั้ง จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กำลังซื้อลดลง จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น กระทบต่อส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ข้าว
นายจิตติ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางมาเที่ยวไทย ที่ตลอดเดือนกันยายน2561 อยู่ที่ 648,000 คน ลดลงจากกันยายนปีก่อน 14.89 % ที่มีรายได้ 36,870 ล้านบาท หดตัว 11.49% ซึ่งลดลงเพราะเหตุเรือล่มภูเก็ต เชื่อว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็น เพียงการลดลงระยะสั้นของนักท่องเที่ยวจีน ที่ทราบข่าวอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต แล้วเดินทางไปเที่ยวในประเทศอื่นแทน คาดว่า ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ทั้งปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย 10 ล้านคนตามเป้าหมาย
“ขณะนี้กลุ่มเอกชนไทยจีน ยังได้ทำหน้าที่ร่วมกับ เว็ปไซต์ออนไลน์ ไป่ตู้ ของจีน เพื่อสร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวจีน ว่า ประเทศไทย มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวดีขึ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในกลับมา”
นายชโยดม สรรพศรี อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่าผลสำรวจดัชนีฯจากสมาชิก 500 ราย ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ การคาดการณ์ความสัมพันธ์เศรษฐกิจไทยจีน การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวม ภาวะเศรษฐกิจรายสาขาเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ โดยความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและจีนในไตรมาส3/61 เมื่อเทียบกับไตรมาส3ปีนี้ แนวโน้มดีขึ้นในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นมูลค้าการค้ารวมระหว่างประเทศ มูลค่าการลงทุน ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ยกเว้นเพียงรายได้การส่งออกสินค้าทรงตัว เพียง 55.6 % ของการผลิต สาเหตุอาจจากปัญหาสงครามการค้า ทำให้สินค้าไทยส่งไปจีนคงที่ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่จีนนำไปเป็นส่วนประกอบผลิตสินค้าไปยังสหรัฐ เช่น ผลิตภัณฑ์เคมี ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก หรือเครื่องจักรบางส่วน ซึ่งเป็นเรื่องของห่วงโซ่การผลิต โดยระยะสั้นคงส่งผลไม่มาก แต่ในระยะยาวอาจกระทบมาก ดังนั้นต้องระวัง แต่คาดการณ์อีก 6 เดือนข้างหน้า นักธุรกิจส่วนใหญ่ยังเห็นว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและจีนยังดีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาส4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2561 ดัชนีเท่ากับ 61.3 โดยเป็นการเติบโตจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการส่งออก ในขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนในประเทศอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อย การบริโภคของภาคเอกชนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์ในไตรมาสปัจจุบันมากนัก ซึ่งอยู่ระดับเกิน 50 เล็กน้อย สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการปรับดอกเบี้ยของโลก
นายชโยดม กล่าวว่า สำหรับผลสำรวจเศรษฐกิจรายภาคการผลิต แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม คือ ผู้ประกอบการภาคการเกษตร ป่าไม้ และประมง พบว่า เศรษฐกิจไทยจะลดลง การบริโภค การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว ส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศ ก็ชะลอตัว สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการในภาคการเกษตร ป่าไม้ และประมง มองเศรษฐกิจไทยไม่สดใส ขณะที่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง ภาคการขนส่งและการขายปลีก ที่พักและบริการ ยังมองว่า การส่งออกยังเพิ่มสูงขึ้น มูลค่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในอนาคต แม้จะมีเรื่องของการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ และต้นทุนวัตถุดิบอย่างไรก็ตามยังเชื่อว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีปัจจัยด้านฤดูกาลจะกลับมาสร้างความต้องการสินค้ามากขึ้น การผลิตจะขยายตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี 61
นายประสงค์ เอาฬาร ผู้อำนวยการโครงการฯ กล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ภาคการเกษตรมองเศรษฐกิจยังไม่สดใส แต่ไม่ถึงกับเลวร้ายจนทำอะไรไม่ได้ ภาพรวมเศรษฐกิจยังดูดี แต่การกระจายรายได้ยังไปไม่ทั่วถึง ทำให้ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบ