พ่อเราเป็นคนสนุกสนาน พูดจาตลก อารมณ์ดี ชอบหยอกล้อเราประจำ เวลาอยู่ด้วยกันพ่อแม่เรา ในเวลาที่พ่ออารมณ์ดีก็จะมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งเราและแม่
แต่พ่อยังมีมุมมืด เรื่องอารมณ์ อารมณ์ร้อน ยิ่งเวลากินเหล้ามา จะหนักเลยทีเดียว ทำให้พ่อกับแม่มีทะเลาะกันบ่อย บ่อยแค่ไหนไม่รู้ แต่เท่าที่จำความได้ ตอนเด็กๆ เราเห็นภาพพ่อกับแม่ทะเลาะกันแม่ร้องไห้หนัก แล้วพ่อยกจักรยาน3ล้อที่เราปั่นเล่นทุกๆวัน ทุ่มใส่ตัวแม่ต่อหน้าต่อตาเรา ตอนนั้นน่าจะเรียนชั้นอนุบาล
ตัดภาพมาอีก น่าจะช่วงระยะใกล้เคียงกัน เหมือนพ่อจะมีเมียน้อย แม่พาเราไปหาพ่อ ในขณะที่พ่อ นั่งอยู่ในรถกับเมียน้อย จำได้เราและแม่ร้องไห้หนักมาก มือแม่จับมือเราไว้ข้างนึง และอีกข้างนึงแม่ถือปืน จี้เป้าไปที่พ่อกับเมียน้อย ซึ่งพวกเขานั่งกันอยู่ในรถยนต์ หน้าตาพ่อตอนนั้นเหมือนกำลังหัวเราะเยอะเย้ยแม่มาก ความรู้สึกแม่ตอนนั้นเหมือนยากฆ่าพ่อให้ตายจริงๆ แต่ก็ทำไม่ลง
เหตุการณ์ช่วงเด้กนั้น จำอะไรได้ไม่มาก ด้วยความที่ชอบสังสรรค์ กินเหล้า แล้วก็น่าจะเล่นพนันด้วย บ้านที่เคยอยู่ เป็นลักษณะบ้าน2ชั้น 3ห้องนอนข้างบน 1 ห้องอ๊อฟฟิสด้างล่าง จอดรถยนต์ได้ 2 คัน โดนยึดไป (อันนี้แม่มาเล่าให้ฟังตอนโตแล้ว) แล้วครอบครัวเราต้องย้ายไปอยู่ในที่ทำงานพ่อ เป็นโรงงานโรงนึง ซึ่งย่ามอบหมายให้พ่อบริหารอยู่ ในโรงงานก็มีบ้าน 1 หลัง มี 1 ห้องนอน ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นอ๊อฟฟิสของโรงงานนี่แหละ กาลเวลาผ่านไป เหมือนฝั่งบ้านพ่อจะมีปัญหาทะเลาะกันระหว่างพี่น้อง สุดท้ายโรงงานโรงนั้น ตกอยู่ภายใต้การบริหารของอาเรา ตอนนั้นพ่อเสียใจมาก ครอบครัวเราเลยย้ายไปอยุ่ต่างจังหวัด
แม่และพ่อตั้งตัวใหม่ เอาเราไปอยู่บ้านยายทำไร่ทำสวน ช่วยเขาค้าขาย ชีวิตตอนนั้น คนละเรื่องกับตอนที่อยู่ช่วงอนุบาล ไม่สบายเหมือนแต่ก่อน จนเราจบประถม เข้าสู่ช่วงเราเข้าชั้นมัธยม ครอบครัวเราย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดอีกครั้ง เราต้องอยู่หอพักข้างโรงเรียน พ่อกับแม่อยู่ต่างอำเภอไปทำสวน กว่าจะได้เจอพ่อแม่ก็ต่อเมื่อวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ระหว่างที่ได้เจอช่วงวันหยุดนั้น มีความสุขบ้าง ภาพช่วงนั้นก้จะเริ่มรู้เรื่องและรู้สาเหตุบ้าง เพราะแม่บอก แต่อาจจะบอกเราไม่หมด บางทีแม่ก็ไม่อยากให้เราเครียด ภาพจำในช่วงนั้น คือพ่ออยู่สภาพเดิม เมากลับมาบ้าน อารมณ์ดี ร้องเพลง แล้วแม่คุยอะไรก็ไม่รู้ ทะเลาะมีปากเสียง แม่ย้ายมานอนที่ห้องนอนเรา พ่อก้ตะโกนโวยวาย แม่นอนร้องไห้ เราได้แต่ปลอบใจ อยู่เขาก็เอาเสื้อผ้าแม่มาเผา เผาในบ้านนะ ไม่ใช่ข้างนอก เราถามว่าทำแบบนี้ทำไม เขาตอบกลับมาว่า “ก็แม่ไม่มานอนห้องนี้แล้ว กูก้เผาสิ” พร้อมกับหัวเราะออกมา เราโมโหมาก ขึ้นกุกับพ่อ แล้วรีบตักน้ำมาดับไฟ แล้วโทรหาอา ที่อยู่บ้านระแวกนั้นเข้ามา ตอนนั้นดึกมากแล้ว อีกไม่นานอาก้เข้ามาที่บ้าน มาคุยกับพ่อ พ่อร้องไห้ แล้วเราก็พากันไปที่บ้านย่าเขาคุยกัน เรื่องอะไรก็ไม่รู้หรอกนะ แต่เราพูดขึ้นมากลางวง ว่าอยากให้พ่อกับแม่แยกทางกัน แล้วเราจะอยู่กับแม่ เถียงกันไปมา ก็กลับมาสู่สภาพเดิม ก็คือเขายังอยู่ด้วยกัน
ก้อยู่กันมาเรื่อยๆ ทะเลาะบ้างดีบ้าง วนไปวนมา เราเคยถามแม่นะ ว่าทำไมต้องอยู่ด้วย ในเมื่อพ่อทำแบบนี้ มีความสุขหรอ? คำตอบที่ได้คือ “อยู่เพื่อลูก ถ้าแม่แยกกับพ่อ แม่ไม่มีช่องทางทำมาหากิน ไหนจะค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ” คำตอบที่ได้มาทำเราซึ้งและเข้าใจแม่ในส่วนหนึ่ง ตัดภาพมาเรื่องอาชีพ การทำมาหากิน ทำสวนทั้งคู่ มีอยู่ช่วงนึงหลังจากที่เรากลับมาอยู่บ้านเกิดแล้ว พ่อทำรับเหมาก่อสร้าง แล้วก้เจ๊งไป เหมือนพ่อจะทำอะไรที่เป็นธุระกิจของตัวเองก็เจ๊งตลอด ทำให้เราเข้าใจ ว่าทำไมโรงงานหลังนั้นถึงตกไปอยู่ภายใต้การบริหารของอา ซึ่งตั้งแต่อาได้บริหารเอง มีแต่จะขยายกิจการใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ขยายพื้นที ขยายธุระกิจ กว้างขวาง ตัดภามาที่พ่อ ทำอะไรก็เจ๊ง จนได้มาทำสวน ไม่ได้เจ๊งนะ แต่ทบ้างไม่ทำบ้าง คนที่ทำทุกวันเก็บเกี่ยวผลผลิตทุกวันคือแม่ เงินที่ส่งเราเรียนช่วงมหาลัย ก็คือผลผลิตที่มาจากแม่ สัก 95% พ่อหรอ … นอนนน
เขาจะมีช่วงที่ออกไปข้างนอกบ่อยๆ กลับมาแล้วเมา ไปถี่ๆ ทุกๆวัน แล้วก็เว้นไปช่วงใหญ่เหมือนกัน ซึ่งจะอยู่แต่บ้าน สวนก็ไม่เก็บเกี่ยว นอนอย่างเดียว ประมาณว่า 1 วันมี 24 ชั่วโมง พ่อจะนอนสัก 20 ชั่วโมง จะตื่นมาเฉพาะช่วงที่กินเท่านั้น คนปกติกินวันละ 3 มื้อ แต่พ่อเรากินวัน 6-7 มื้อ แบบว่า นอนไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวปุ้บ ตักข้าวกินปั้บ … ขณะที่แม่ทำงานเข้าสวนทุกวัน บางที่แม่ไม่ทันได้หุงข้าว แล้วเขาตื่นขึ้นมาเห็นว่าไม่มีอะไรกิน เขาเลยขว้างหม้อข้าวทิ้ง บางครั้งเอากะทะ ถ้วยจาน เอามาปาทิ้ง ให้เหตุผลว่า มีพวกนี้ไว้ทำไม มีแล้วไม่ทำอะไรให้กิน ก็ทิ้งๆ ไปสะ … แม่เราทำสวนมาเหนื่อย เวลานั่งพักก็ไม่มี แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ช่วงนั้นเราเรียนมหาลัยที่ต่างจังหวัด แม่เริ่มโทรมาร้องไห้บ้าง โทรมาบ่นให้ฟังบ้าง เราก็ได้แต่รับฟัง เพราะเราช่วยแก้ปัยหาอะไรไม่ได้ เวลาเกิดเรื่องทะเลาะกัน เราเคยเข้าไปยุ่ง เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่ามายุ่ง เหมือนเราช่วยอะไรไม่ได้เลย ได้แต่รับฟังและบอกแม่ว่า ช่างเขา
จนถึงตอนปี4เทอมสุดท้าย ช่วงนั้นทำวิจัย เครียดมาก แล้วแม่โทรมากลางดึก แม่ร้องไห้ แล้วเหมือนแอบพ่อโทรมา บอกว่าเขาตีแม่ ระหว่างที่แม่คุยกับเรา ได้ยินเสียงพ่อตะโกนร้องเพลงสบายใจ สลับกับโวยวาย แล้วเราก็ได้ยินเสียงปืน 3-4 นัด แม่บอกแม่กลัวมาก เราร้องไห้พร้อมกับแม่ บอกให้แม่หนีออกมา แต่แม่หนีไม่ได้ ร้องไห้ทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าแม่โทรมาบอกว่าออกจากบ้านมาแล้ว แล้วกำลังนั่งรถกลับไปบ้านยาย เราก้รู้สึกโล่งใจที่แม่ไม่เป็นอะไร ผ่านไปประมาณ เกือบ 10 วัน พ่อโทรมาหาเรา ถามว่าติดต่อแม่บ้างไหม พ่อติดต่อแม่ไม่ได้เลย คุยไปคุยมา เราบอกพ่อตรงๆ ว่าขอให้พ่อกับแม่ เลิกกันเหอะ นั่งคุยกับพ่อพักใหญ่ สุดท้ายเขาพาแม่กลับจากบ้านยาย ….
เรื่องมันก็จะวนอยู่แบบเดิมอีก จนเราเรียนจบ แล้วทำงาน เราตั้งใจหางานต่างจังหวัด เพราะไม่อยากเจออะไรแบบนี้ การงานเราก็ไปได้ดี มาอยู่ในช่วงที่อิ่มตัว เริ่มคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ อยากอยู่ใกล้ๆ เขาก็อายุมากแล้ว ตอนนี้เราอายุ 27 ปี ทิ้งงานที่กำลังไปได้ดี เพื่อกลับมาอยู่กับครอบครัว พ่อกับแม่แก่ขึ้นทุกวัน ต่อไปคนที่ดูแลท่านก็ต้องเป็นเรา ตัดสินใจลาออกแล้วย้ายกลับมา หางานใหม่ เริ่มต้นใหม่หมด คิดว่าพ่อคงปล่อยวาง เรื่องต่างๆ นี่ย้ายกลับมาบ้านไม่ถึง1 เดือน พ่ออยู่บ้านไม่ถึง 7 วัน เวลากลับมาก็ชอบโวยวาย เหมือนเดิมๆ แต่เหมือนแม่ก็ไม่ใส่ใจละ ปลงสะส่วนหนึ่ง เมื่อคืนแม่บอกว่าเขาไปเมามา แล้วประมาณว่า แองค์ ปวดหัว ตื่นมาโวยวาย ให้แม่เอายาให้กิน เราก็อยู่อีกห้องนึง มาได้ยินเสียงเขาตะคอกใส่แม่ บอกให้เอายามาทำไมไม่เอามาให้ ภาพแม่กำลังถือยาถือน้ำมาให้ เรายืนมองอยู่ ถามว่าโวยวายอะไรกัน พ่อไม่คุยกับเรา แล้วกระชากแก้วน้ำจากมือแม่ น้ำหกกระจาย เราบอกแม่ไปนั่งดูทีวีเหอะ เราถูพื้นเอง แล้วเราก็เข้าไปคุยกับพ่อดีดี ว่าทำไมต้องขึ้นเสียง เขาตะหวาดใส่เรา “ก็บอกว่าปวดหัวๆ ทำไมไม่เข้าใจกูเลย กูจะกินยา” เราบอกว่าพูดดีดี นี่มาถามดีดี เขาตะคอกกลัยมาเสียงดัง“ปวดหัวเนี่ยทำไมกุต้องอธิบายด้วย” ….
เหตุการณ์ที่เล่าให้ฟัง เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้น และอาจจะมีเยอะกว่านี้ ที่แม่ไม่ได้บอกเรา เราก็มานั่งคิดว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย วุ่ยวายปวดหัว แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะแม่เลือกที่จะอยู่แบบนี้ นั่งร้องไห้คนเดียว เราว่าแย่แล้ว แต่คนที่รู้สึกแย่ที่สุดคือแม่เราเอง ตอนเด็กๆที่เห็นเรื่องราวเหล่านี้ ตอนเข้าวัดทำบุญ เราอธิฐานทุกครั้ง “ว่าขอให้พ่อเราตายไวไว” มานั่งนึกแล้วเล่าให้แม่ฟัง ก็อดขำไม่ได้ แล้วพออยู่ในช่วงที่เรามีแฟน เวลาเจอสถานะการณ์ที่มันรุนแรงถึงขั้นทะเลาะกัน เราก็นึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกครั้ง แล้วเราก็เลิกกับแฟน เพราะไม่อยากเดินตามรอยพ่อกับแม่ เหมือนมีภาพหลอน เหมือนมีปมน้อยๆ
บางทีก็มานั่งคิดอยู่คนเดียว ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเขาเห็นแม่เป็นคนรักหรือป่าว แล้วเวลาทะเลาะกันรุนแรง เรายืนมองอยู่พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เขาเห็นใจลูกคนนี้บ้างมั้ย … ก็ได้แค่คิด แต่ไม่เคยถาม เพราะคืดว่า ถ้าเขาคิดอะไรดีดีได้ เขาคงไม่ทำแบบนี้
เขียนมาสะยาวเลย ไม่รู้ว่าใครอ่านจบบ้าง ฮ่าๆ … ครอบครัวใครมีปัญหาเหมือนเราบ้าง แล้วมีวิธีแก้ไขยังไงบ้าง รบกวนแชร์ประสบการณ์ให้หน่อยเนอะ
ใครเกลียดพ่อตัวเองบ้าง….!!!
แต่พ่อยังมีมุมมืด เรื่องอารมณ์ อารมณ์ร้อน ยิ่งเวลากินเหล้ามา จะหนักเลยทีเดียว ทำให้พ่อกับแม่มีทะเลาะกันบ่อย บ่อยแค่ไหนไม่รู้ แต่เท่าที่จำความได้ ตอนเด็กๆ เราเห็นภาพพ่อกับแม่ทะเลาะกันแม่ร้องไห้หนัก แล้วพ่อยกจักรยาน3ล้อที่เราปั่นเล่นทุกๆวัน ทุ่มใส่ตัวแม่ต่อหน้าต่อตาเรา ตอนนั้นน่าจะเรียนชั้นอนุบาล
ตัดภาพมาอีก น่าจะช่วงระยะใกล้เคียงกัน เหมือนพ่อจะมีเมียน้อย แม่พาเราไปหาพ่อ ในขณะที่พ่อ นั่งอยู่ในรถกับเมียน้อย จำได้เราและแม่ร้องไห้หนักมาก มือแม่จับมือเราไว้ข้างนึง และอีกข้างนึงแม่ถือปืน จี้เป้าไปที่พ่อกับเมียน้อย ซึ่งพวกเขานั่งกันอยู่ในรถยนต์ หน้าตาพ่อตอนนั้นเหมือนกำลังหัวเราะเยอะเย้ยแม่มาก ความรู้สึกแม่ตอนนั้นเหมือนยากฆ่าพ่อให้ตายจริงๆ แต่ก็ทำไม่ลง
เหตุการณ์ช่วงเด้กนั้น จำอะไรได้ไม่มาก ด้วยความที่ชอบสังสรรค์ กินเหล้า แล้วก็น่าจะเล่นพนันด้วย บ้านที่เคยอยู่ เป็นลักษณะบ้าน2ชั้น 3ห้องนอนข้างบน 1 ห้องอ๊อฟฟิสด้างล่าง จอดรถยนต์ได้ 2 คัน โดนยึดไป (อันนี้แม่มาเล่าให้ฟังตอนโตแล้ว) แล้วครอบครัวเราต้องย้ายไปอยู่ในที่ทำงานพ่อ เป็นโรงงานโรงนึง ซึ่งย่ามอบหมายให้พ่อบริหารอยู่ ในโรงงานก็มีบ้าน 1 หลัง มี 1 ห้องนอน ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นอ๊อฟฟิสของโรงงานนี่แหละ กาลเวลาผ่านไป เหมือนฝั่งบ้านพ่อจะมีปัญหาทะเลาะกันระหว่างพี่น้อง สุดท้ายโรงงานโรงนั้น ตกอยู่ภายใต้การบริหารของอาเรา ตอนนั้นพ่อเสียใจมาก ครอบครัวเราเลยย้ายไปอยุ่ต่างจังหวัด
แม่และพ่อตั้งตัวใหม่ เอาเราไปอยู่บ้านยายทำไร่ทำสวน ช่วยเขาค้าขาย ชีวิตตอนนั้น คนละเรื่องกับตอนที่อยู่ช่วงอนุบาล ไม่สบายเหมือนแต่ก่อน จนเราจบประถม เข้าสู่ช่วงเราเข้าชั้นมัธยม ครอบครัวเราย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดอีกครั้ง เราต้องอยู่หอพักข้างโรงเรียน พ่อกับแม่อยู่ต่างอำเภอไปทำสวน กว่าจะได้เจอพ่อแม่ก็ต่อเมื่อวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ระหว่างที่ได้เจอช่วงวันหยุดนั้น มีความสุขบ้าง ภาพช่วงนั้นก้จะเริ่มรู้เรื่องและรู้สาเหตุบ้าง เพราะแม่บอก แต่อาจจะบอกเราไม่หมด บางทีแม่ก็ไม่อยากให้เราเครียด ภาพจำในช่วงนั้น คือพ่ออยู่สภาพเดิม เมากลับมาบ้าน อารมณ์ดี ร้องเพลง แล้วแม่คุยอะไรก็ไม่รู้ ทะเลาะมีปากเสียง แม่ย้ายมานอนที่ห้องนอนเรา พ่อก้ตะโกนโวยวาย แม่นอนร้องไห้ เราได้แต่ปลอบใจ อยู่เขาก็เอาเสื้อผ้าแม่มาเผา เผาในบ้านนะ ไม่ใช่ข้างนอก เราถามว่าทำแบบนี้ทำไม เขาตอบกลับมาว่า “ก็แม่ไม่มานอนห้องนี้แล้ว กูก้เผาสิ” พร้อมกับหัวเราะออกมา เราโมโหมาก ขึ้นกุกับพ่อ แล้วรีบตักน้ำมาดับไฟ แล้วโทรหาอา ที่อยู่บ้านระแวกนั้นเข้ามา ตอนนั้นดึกมากแล้ว อีกไม่นานอาก้เข้ามาที่บ้าน มาคุยกับพ่อ พ่อร้องไห้ แล้วเราก็พากันไปที่บ้านย่าเขาคุยกัน เรื่องอะไรก็ไม่รู้หรอกนะ แต่เราพูดขึ้นมากลางวง ว่าอยากให้พ่อกับแม่แยกทางกัน แล้วเราจะอยู่กับแม่ เถียงกันไปมา ก็กลับมาสู่สภาพเดิม ก็คือเขายังอยู่ด้วยกัน
ก้อยู่กันมาเรื่อยๆ ทะเลาะบ้างดีบ้าง วนไปวนมา เราเคยถามแม่นะ ว่าทำไมต้องอยู่ด้วย ในเมื่อพ่อทำแบบนี้ มีความสุขหรอ? คำตอบที่ได้คือ “อยู่เพื่อลูก ถ้าแม่แยกกับพ่อ แม่ไม่มีช่องทางทำมาหากิน ไหนจะค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ” คำตอบที่ได้มาทำเราซึ้งและเข้าใจแม่ในส่วนหนึ่ง ตัดภาพมาเรื่องอาชีพ การทำมาหากิน ทำสวนทั้งคู่ มีอยู่ช่วงนึงหลังจากที่เรากลับมาอยู่บ้านเกิดแล้ว พ่อทำรับเหมาก่อสร้าง แล้วก้เจ๊งไป เหมือนพ่อจะทำอะไรที่เป็นธุระกิจของตัวเองก็เจ๊งตลอด ทำให้เราเข้าใจ ว่าทำไมโรงงานหลังนั้นถึงตกไปอยู่ภายใต้การบริหารของอา ซึ่งตั้งแต่อาได้บริหารเอง มีแต่จะขยายกิจการใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ขยายพื้นที ขยายธุระกิจ กว้างขวาง ตัดภามาที่พ่อ ทำอะไรก็เจ๊ง จนได้มาทำสวน ไม่ได้เจ๊งนะ แต่ทบ้างไม่ทำบ้าง คนที่ทำทุกวันเก็บเกี่ยวผลผลิตทุกวันคือแม่ เงินที่ส่งเราเรียนช่วงมหาลัย ก็คือผลผลิตที่มาจากแม่ สัก 95% พ่อหรอ … นอนนน
เขาจะมีช่วงที่ออกไปข้างนอกบ่อยๆ กลับมาแล้วเมา ไปถี่ๆ ทุกๆวัน แล้วก็เว้นไปช่วงใหญ่เหมือนกัน ซึ่งจะอยู่แต่บ้าน สวนก็ไม่เก็บเกี่ยว นอนอย่างเดียว ประมาณว่า 1 วันมี 24 ชั่วโมง พ่อจะนอนสัก 20 ชั่วโมง จะตื่นมาเฉพาะช่วงที่กินเท่านั้น คนปกติกินวันละ 3 มื้อ แต่พ่อเรากินวัน 6-7 มื้อ แบบว่า นอนไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวปุ้บ ตักข้าวกินปั้บ … ขณะที่แม่ทำงานเข้าสวนทุกวัน บางที่แม่ไม่ทันได้หุงข้าว แล้วเขาตื่นขึ้นมาเห็นว่าไม่มีอะไรกิน เขาเลยขว้างหม้อข้าวทิ้ง บางครั้งเอากะทะ ถ้วยจาน เอามาปาทิ้ง ให้เหตุผลว่า มีพวกนี้ไว้ทำไม มีแล้วไม่ทำอะไรให้กิน ก็ทิ้งๆ ไปสะ … แม่เราทำสวนมาเหนื่อย เวลานั่งพักก็ไม่มี แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ช่วงนั้นเราเรียนมหาลัยที่ต่างจังหวัด แม่เริ่มโทรมาร้องไห้บ้าง โทรมาบ่นให้ฟังบ้าง เราก็ได้แต่รับฟัง เพราะเราช่วยแก้ปัยหาอะไรไม่ได้ เวลาเกิดเรื่องทะเลาะกัน เราเคยเข้าไปยุ่ง เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่ามายุ่ง เหมือนเราช่วยอะไรไม่ได้เลย ได้แต่รับฟังและบอกแม่ว่า ช่างเขา
จนถึงตอนปี4เทอมสุดท้าย ช่วงนั้นทำวิจัย เครียดมาก แล้วแม่โทรมากลางดึก แม่ร้องไห้ แล้วเหมือนแอบพ่อโทรมา บอกว่าเขาตีแม่ ระหว่างที่แม่คุยกับเรา ได้ยินเสียงพ่อตะโกนร้องเพลงสบายใจ สลับกับโวยวาย แล้วเราก็ได้ยินเสียงปืน 3-4 นัด แม่บอกแม่กลัวมาก เราร้องไห้พร้อมกับแม่ บอกให้แม่หนีออกมา แต่แม่หนีไม่ได้ ร้องไห้ทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าแม่โทรมาบอกว่าออกจากบ้านมาแล้ว แล้วกำลังนั่งรถกลับไปบ้านยาย เราก้รู้สึกโล่งใจที่แม่ไม่เป็นอะไร ผ่านไปประมาณ เกือบ 10 วัน พ่อโทรมาหาเรา ถามว่าติดต่อแม่บ้างไหม พ่อติดต่อแม่ไม่ได้เลย คุยไปคุยมา เราบอกพ่อตรงๆ ว่าขอให้พ่อกับแม่ เลิกกันเหอะ นั่งคุยกับพ่อพักใหญ่ สุดท้ายเขาพาแม่กลับจากบ้านยาย ….
เรื่องมันก็จะวนอยู่แบบเดิมอีก จนเราเรียนจบ แล้วทำงาน เราตั้งใจหางานต่างจังหวัด เพราะไม่อยากเจออะไรแบบนี้ การงานเราก็ไปได้ดี มาอยู่ในช่วงที่อิ่มตัว เริ่มคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ อยากอยู่ใกล้ๆ เขาก็อายุมากแล้ว ตอนนี้เราอายุ 27 ปี ทิ้งงานที่กำลังไปได้ดี เพื่อกลับมาอยู่กับครอบครัว พ่อกับแม่แก่ขึ้นทุกวัน ต่อไปคนที่ดูแลท่านก็ต้องเป็นเรา ตัดสินใจลาออกแล้วย้ายกลับมา หางานใหม่ เริ่มต้นใหม่หมด คิดว่าพ่อคงปล่อยวาง เรื่องต่างๆ นี่ย้ายกลับมาบ้านไม่ถึง1 เดือน พ่ออยู่บ้านไม่ถึง 7 วัน เวลากลับมาก็ชอบโวยวาย เหมือนเดิมๆ แต่เหมือนแม่ก็ไม่ใส่ใจละ ปลงสะส่วนหนึ่ง เมื่อคืนแม่บอกว่าเขาไปเมามา แล้วประมาณว่า แองค์ ปวดหัว ตื่นมาโวยวาย ให้แม่เอายาให้กิน เราก็อยู่อีกห้องนึง มาได้ยินเสียงเขาตะคอกใส่แม่ บอกให้เอายามาทำไมไม่เอามาให้ ภาพแม่กำลังถือยาถือน้ำมาให้ เรายืนมองอยู่ ถามว่าโวยวายอะไรกัน พ่อไม่คุยกับเรา แล้วกระชากแก้วน้ำจากมือแม่ น้ำหกกระจาย เราบอกแม่ไปนั่งดูทีวีเหอะ เราถูพื้นเอง แล้วเราก็เข้าไปคุยกับพ่อดีดี ว่าทำไมต้องขึ้นเสียง เขาตะหวาดใส่เรา “ก็บอกว่าปวดหัวๆ ทำไมไม่เข้าใจกูเลย กูจะกินยา” เราบอกว่าพูดดีดี นี่มาถามดีดี เขาตะคอกกลัยมาเสียงดัง“ปวดหัวเนี่ยทำไมกุต้องอธิบายด้วย” ….
เหตุการณ์ที่เล่าให้ฟัง เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้น และอาจจะมีเยอะกว่านี้ ที่แม่ไม่ได้บอกเรา เราก็มานั่งคิดว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย วุ่ยวายปวดหัว แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะแม่เลือกที่จะอยู่แบบนี้ นั่งร้องไห้คนเดียว เราว่าแย่แล้ว แต่คนที่รู้สึกแย่ที่สุดคือแม่เราเอง ตอนเด็กๆที่เห็นเรื่องราวเหล่านี้ ตอนเข้าวัดทำบุญ เราอธิฐานทุกครั้ง “ว่าขอให้พ่อเราตายไวไว” มานั่งนึกแล้วเล่าให้แม่ฟัง ก็อดขำไม่ได้ แล้วพออยู่ในช่วงที่เรามีแฟน เวลาเจอสถานะการณ์ที่มันรุนแรงถึงขั้นทะเลาะกัน เราก็นึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกครั้ง แล้วเราก็เลิกกับแฟน เพราะไม่อยากเดินตามรอยพ่อกับแม่ เหมือนมีภาพหลอน เหมือนมีปมน้อยๆ
บางทีก็มานั่งคิดอยู่คนเดียว ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเขาเห็นแม่เป็นคนรักหรือป่าว แล้วเวลาทะเลาะกันรุนแรง เรายืนมองอยู่พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เขาเห็นใจลูกคนนี้บ้างมั้ย … ก็ได้แค่คิด แต่ไม่เคยถาม เพราะคืดว่า ถ้าเขาคิดอะไรดีดีได้ เขาคงไม่ทำแบบนี้
เขียนมาสะยาวเลย ไม่รู้ว่าใครอ่านจบบ้าง ฮ่าๆ … ครอบครัวใครมีปัญหาเหมือนเราบ้าง แล้วมีวิธีแก้ไขยังไงบ้าง รบกวนแชร์ประสบการณ์ให้หน่อยเนอะ